แม้ว่าในช่วงต้นของการทำพันธกิจพระเมสสิยาห์ของพระเยซูคริสต์จะเป็นที่นิยมชมชอบของผู้คน แต่สิ่งที่พระองค์พูดพระองค์สอนและสิ่งที่พระองค์กระทำมักทำให้ผู้ฟังเกิดความสับสนงงงวย ตัวอย่างเช่น สาวกของพระเยซูคริสต์ไม่ได้ถืออดอาหาร กินและดื่มอย่างอิสระ ทำให้ผู้คนประชาชนและผู้นำศาสนายิวต่างสับสน วิพากษ์วิจารณ์ และคงถามกันว่า ถ้าพระเยซูเป็นพระเมสสิยาห์ทำไมทำตัวเช่นนี้ พระองค์เป็นใครกันแน่? ทั้งนี้เพราะว่า คนในยุคนั้นจะมองและคาดหวังว่า พระเยซูและสาวกของพระองค์น่าจะเป็นคนที่เคร่งครัดในความเชื่อ และสิ่งหนึ่งที่ควรกระทำคือการอดอาหาร (ลูกา 5:33)
แต่พระเยซูคริสต์ได้นำเอาข่าวสารคำสอนใหม่ และข่าวสารใหม่นี้จะต้องมีแนวทางการปฏิบัติใหม่ เพื่อช่วยให้เข้าใจในประเด็นนี้ได้ดีขึ้น พระองค์จึงเล่าคำอุปมาเปรียบเทียบว่า
“...“ไม่มีใครฉีกผ้าจากเสื้อใหม่มาปะเสื้อเก่า ถ้าทำอย่างนั้นเสื้อใหม่จะขาด และผ้าที่ได้จากเสื้อใหม่ก็จะไม่เข้ากับเสื้อเก่าด้วย [37] ไม่มีใครเอาเหล้าองุ่นหมักใหม่ไปใส่ไว้ในถุงหนังเก่า ถ้าทำอย่างนั้น เหล้าองุ่นหมักใหม่จะทำให้ถุงหนังเก่าขาด และเหล้าองุ่นจะรั่ว ถุงหนังก็จะเสียไปด้วย [38] แต่เหล้าองุ่นหมักใหม่ต้องใส่ในถุงหนังใหม่ [39] ไม่มีใครเมื่อดื่มเหล้าองุ่นหมักเก่าแล้ว จะอยากได้เหล้าองุ่นหมักใหม่ เพราะเขาย่อมจะกล่าวว่า ‘ของเก่านั้นดีกว่า’ ” (ลูกา 5:36-39 มตฐ.)
คำอุปมาทั้งสองเรื่อง คือเรื่องการฉีกเอาผ้าจากเสื้อใหม่ไปปะเสื้อเก่า กับการเอาเหล้าองุ่นหมักใหม่ไปใส่ลงในถุงหนังเก่า ประชาชนพอได้ยินเรื่องทั้งสองคงหัวเราะกันในใจว่า เขาไม่ทำกันเช่นนั้นหรอกเพราะจะเกิดความเสียหายทั้งเสื้อใหม่และผ้าเก่า ทั้งเหล้าองุ่นหมักใหม่กับถุงหนังเก่า
ประเด็นที่พระองค์ต้องการสื่อสารกับคนฟังนั้นชัดเจน คำสอนและการกระทำของพระองค์นั้นเปรียบเหมือนเหล้าองุ่นหมักใหม่ คือข่าวสารที่เป็นสัจจะความจริงใหม่ แต่ในที่นี้จะต้องเข้าใจชัดเจนว่า พันธกิจที่พระเยซูคริสต์สำแดงให้เห็นถึงการกระทำที่เปิดเผยถึงการสานต่อพระราชกิจที่พระเจ้าทรงเริ่มต้นกระทำแต่เริ่มแรกมาแล้วให้สำเร็จ แต่เป็นสิ่งใหม่ในสองทางด้วยกัน
ประการแรก คำสอนและการกระทำของพระเยซูคริสต์แตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากพวกฟาริสีและครูสอนศาสนายิวคนอื่น ๆ ที่มุ่งเน้นในการตีความและการประยุกต์ใช้บทบัญญัติเดิมของโมเสส
ประการที่สอง คำสั่งสอนและข่าวสารที่พระเยซูคริสต์ประกาศนั้นเป็นสัจจะความจริงสิ่งใหม่ เพราะพระองค์ประกาศ สั่งสอน และกระทำที่ชี้ชัดถึงการครอบครองของพระเจ้าทั้งในปัจจุบันและอนาคต แผ่นดินของพระเจ้ามองเห็นได้ชัดเจนในชีวิต การกระทำ และคำสอนของพระองค์
สัจจะความจริงใหม่นี้ต้องการและต้องมี “ฐานเชื่อใหม่ กรอบคิดใหม่” ความคิดใหม่ วิธีคิดใหม่ มุมมองใหม่ และการกระทำใหม่ และการที่สาวกของพระคริสต์ทั้งกินและดื่มนั้นเพราะเป็นการเฉลิมฉลองถึงการเริ่มครอบครองของพระเจ้าบนแผ่นดินโลกนี้ จึงมิใช่เวลาที่จะถืออดอาหาร
ทุกวันนี้ พวกเราที่แสวงหาและติดตามพระเยซูคริสต์เรามีชีวิตในยุคใหม่แห่งแผ่นดินของพระเจ้า ขอบพระคุณสำหรับชีวิตของพระเยซูคริสต์ ที่ยอมตายแล้วเป็นขึ้นใหม่ และพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่เป็นของประทานจากองค์พระผู้เป็นเจ้า เราชื่นชมใน “เหล้าองุ่นใหม่” แห่งพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์ เราก็ต้องเผชิญกับความแคลงใจสงสัยจากคนที่เคร่งครัดศาสนา เช่นเดียวกับพระเยซูคริสต์ได้รับจากผู้นำศาสนายิวในสมัยนั้น
เรามักนำเอาคำสอนใหม่ของพระเยซูคริสต์มาใส่ลงในถุงหนังเก่าซึ่งเป็นเหมือนกรอบการปฏิบัติตามความเชื่อเดิม ๆ ในชีวิตของเรา เราจะไม่สันสนถ้าเราไม่ต่อต้านแนวทางการปฏิบัติใหม่ของพระกิตติคุณอย่างที่พระคริสต์กระทำ แต่น่าเสียดายที่คนกลุ่มนี้ตัดสินใจยอมรับคำสอน และ ข่าวดีของพระเยซูคริสต์แต่ยังพยายามเอาคำสอนใหม่ไปปฏิบัติตามกรอบการดำเนินชีวิตเดิมซึ่งเป็นเหมือนถุงหนังเก่า ที่คนกลุ่มนี้เลือกที่จะทำเช่นนี้เพราะคุ้นชินกับแนวทางการปฏิบัติในชีวิตประจำวันแบบเดิม ๆ และติดยึดกับสิ่งที่ตนเคยทำคุ้นชินมาก่อนนี้
วันนี้...ถ้าเกิดความติดขัดในการดำเนินชีวิต การทำงานของเรา ให้เราสงบพิจารณาดูว่า การดำเนินชีวิตและทำงานของเราสอดคล้องกับแนวทางปฏิบัติใหม่ของพระคริสต์หรือไม่?
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น