อ่าน สดุดี 13:1-6
“แต่ข้าพระองค์ได้ไว้วางใจในความรักมั่นคงของพระองค์
ใจของข้าพระองค์เปรมปรีดิ์ในการช่วยกู้ของพระองค์
ข้าพเจ้าจะร้องเพลงถวายพระยาเวห์
เพราะพระองค์ทรงดีต่อข้าพเจ้า”
(สดุดี 13:5-6
ฉบับมาตรฐาน)
ในบางสถานการณ์ชีวิตเป็นการง่ายเหลือเกินสำหรับเราที่จะไว้วางใจในพระเจ้า และจะร้องสรรเสริญพระองค์ เพราะทุกสิ่งแวดล้อมรอบข้างดูดีไปหมด
เมื่อมองย้อนหลังชีวิตส่วนตัวบางครั้งก็ต้องบอกว่า ไม่น่าเชื่อเลยว่าพระเจ้าทรงอวยพระพรชีวิตของตนมากมายท่วมท้นถึงขนาดนั้น พระเจ้าทรงประทานให้เกิดสิ่งดีมากมายในชีวิตอย่างที่ไม่คาดคิดมาก่อน
แต่ก็อีกบางครั้งอีกนั่นแหละที่ไม่ได้เป็นไปอย่างที่ว่า
หรืออย่างที่เคยคาดฝันไว้
เมื่อชีวิตต้องประสบกับความทุกข์ยาก
เมื่อจิตใจต้องทุกข์โศก เศร้าหมอง
จนบางครั้งทำให้เกิดคำถามในจิตใจของตนเองว่า เอ๊ะนี่พระเจ้าอยู่ด้วยกับเราที่นี่ในเวลานี้หรือเปล่า?
ในเวลาที่ต้องเผชิญหน้าและผจญกับความทุกข์ยากในชีวิตเรายังจะไว้วางใจในความรักเมตตาของพระเจ้าได้หรือไม่? แล้วเราจะยังชื่นชมยินดีในชีวิตได้อยู่อีกหรือ? ในความเหี่ยวเฉาในจิตใจ เราจะร้องสรรเสริญพระเจ้าด้วยความชื่นใจในพระองค์ได้อย่างไร?
พระธรรมสดุดี บทที่ 13
ตอบคำถามเหล่านี้ในชีวิตของมนุษย์ด้วยการเสริมเพิ่มความมั่นใจแก่เรา ถ้าเราอ่านพระธรรมบทนี้เฉพาะในข้อ 5 และ 6 เราอาจจะเข้าใจว่าดาวิดผู้ประพันธ์สดุดีบทนี้คงมีประสบการณ์ชีวิตแสนดีที่ได้รับการอวยพระพรจากพระเจ้าทั้งสิ้น อย่างไรก็ตามให้เราสังเกตในคำแรกของข้อที่ 5 มีคำว่า “แต่” ซึ่งดาวิดกำลังบ่งบอกตรงไปตรงมาว่า เรื่องราวข้อความก่อนหน้าข้อ 5 นี้แตกต่างกับข้อ 5 และ 6 แสดงว่าก่อนสองข้อนี้สถานการณ์เป็นคนละเรื่องกับการที่ผู้เขียนสดุดีไว้วางใจในความรักของพระเจ้า
ให้เราย้อนกลับไปอ่านพระธรรมสดุดีบทนี้ใหม่ไปพร้อมๆ
กัน ในข้อที่ 1
ดาวิดบอกถึงสภาพชีวิตของตนเองที่เป็นเหมือนถูกพระเจ้าลืม “...พระองค์ทรงลืมข้าพระองค์เป็นนิตย์หรือ?” ในข้อ 2
ดาวิดกล่าวถึงสภาพชีวิตที่ต้องพบกับความเจ็บปวดรวดร้าววันแล้ววันเล่า “...มีความทุกข์โศกอยู่ในใจตลอดวันนานสักเท่าใด?” และ “ศัตรูข้าพระองค์จะอยู่เหนือข้าพระองค์นานเท่าใด?”
แต่...ท่ามกลางสภาพชีวิตที่สิ้นหวัง เข้าตาจน
จนสิ้นคิด ดาวิดได้ยืนยันถึงความไว้วางใจที่เขามีต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า เขาจะร้องสรรเสริญพระเจ้าถึงคุณงามความดีและสิ่งดีๆ
ที่พระเจ้าทรงกระทำต่อเขา บางท่านอาจจะคิดในใจว่า เรื่องอย่างนี้จะเกิดขึ้นได้อย่างไร?
ประการแรก ท่ามกลางที่ชีวิตกำลังประสบกับความล่อแหลม
เขามิได้มุ่งมองหรือเพ่งพินิจไปที่อันตรายและปัญหาที่กำลังเกิดขึ้น แต่ดาวิดกลับตรึกตรองและหวนคิดย้อนถึงอดีตในชีวิตที่พระเจ้าทรงช่วยกู้เขาไว้
(ข้อ 5)
ดาวิดระลึกถึงสิ่งดีๆ ที่พระเจ้าทรงกระทำในชีวิตของตน “...เพราะพระองค์ทรงดีต่อข้าพระองค์...” (ข้อ 6)
ความทรงจำดังกล่าวทำให้ดาวิดเกิดความมั่นใจในพระเจ้าว่า พระเจ้าจะทรงช่วยกู้เขาในปัจจุบันนี้ด้วยเช่นกัน และจะทรงช่วยกู้ตามเวลาที่พระองค์ทรงเห็นว่าเหมาะสมสำหรับเรา
ประการที่สอง ดาวิดระลึกถึงสิ่งต่างๆ ที่เป็นจริงในพระเจ้า คือสิ่งที่เขาประสบพบเจอในชีวิตของเขาที่พระเจ้าทรงสำแดงพระองค์ต่อดาวิดว่าพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าที่มีความรักมั่นคง ไม่ล้มเหลวไม่เปลี่ยนแปลง “ข้าพระองค์ไว้วางใจในความรักมั่นคงของพระองค์...” (ข้อ 5)
ในบางเวลาเป็นการยากที่เราจะเข้าใจถึงวิถีทางที่พระเจ้าทรงสำแดงความรักเมตตาของพระองค์สำหรับเรา อย่างไรก็ตาม ความจริงก็คือว่าความรักของพระเจ้าคือ เสาหลักในความเชื่อศรัทธาของเรา และเป็นเสาค้ำจุนชีวิตของเราให้สามารถที่จะยืนหยัดอยู่ได้
ภาพความรักเมตตาของพระเยซูคริสต์บนกางเขน
คือภาพที่ยืนยันและสำแดงถึงความรักมั่นคงของพระองค์อย่างชัดเจน เป็นความรักเมตตาอย่างไม่มีเงื่อนไข แต่ด้วยจิตใจที่ต้องการให้มนุษย์ที่ตกอยู่ใต้อำนาจของความชั่วร้าย ที่กำลังรับผลของความบาป ให้สามารถหลุดรอดออกจากอำนาจดังกล่าว แล้วมาอยู่ภายใต้การทรงปกป้องด้วยพระคุณของพระองค์
นอกจากเป็นความรักเมตตาที่ช่วยกอบกู้ไถ่ถอนแล้ว
ยังเป็นความรักเมตตาที่เสริมสร้างชีวิตของเราขึ้นใหม่ให้ได้รับชีวิตใหม่ในพระคริสต์ และหนุนเสริมชีวิตของเราให้เข้มแข็งและเติบโตขึ้นในพระองค์ และทรงเสริมเพิ่มพลังชีวิตให้กล้าไว้วางใจในพระเจ้า
และช่วยเราให้มีพลังที่จะเผชิญหน้ากับความทุกข์ยากด้วยการทรงประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์ให้ดำเนินเคียงข้างกับเรา
จนเราสามารถร้องสรรเสริญพระองค์แม้ท่ามกลางความทุกข์ยากแห่งชีวิตก็ตาม
ประเด็นสำหรับการใคร่ครวญ
1. ท่านเคยมีประสบการณ์ชีวิตเหมือนหรือคล้ายกับดาวิด
ที่ต้องเผชิญหน้ากับความทุกข์ยากเจ็บปวดในชีวิต
แต่ก็ยังสามารถที่จะไว้วางใจในพระเจ้าและยังสามารถที่จะร้องสรรเสริญพระองค์หรือไม่?
2.
ถ้าท่านเคยมีประสบการณ์เหมือนดาวิด ขอท่านช่วยสะท้อนคิดว่า อะไรที่ช่วยให้ท่านมีความเชื่อศรัทธาและความชื่นชมยินดีในชีวิตถึงขนาดนั้น?
3.
ถ้าท่านไม่เคยมีประสบการณ์เหมือนดาวิด
พระธรรมสดุดีที่ได้ใคร่ครวญในวันนี้กำลังพูดอะไรกับท่าน หรือมีข้อเสนออะไรต่อชีวิตของท่าน? อะไรที่จะช่วยหนุนเสริมให้ชีวิตของท่านไว้วางใจในพระเจ้าแม้ว่าสภาพชีวิตกำลังตกต่ำเลวร้ายก็ตาม?
ใคร่ครวญภาวนา
ขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับความจริงใจของดาวิดในการอธิษฐานต่อพระองค์ ข้าแต่พระเจ้า มีบางเวลาที่ดูเหมือนพระองค์ทรงลืมข้าพระองค์
บางครั้งดูเหมือนพระองค์อยู่แสนไกลจากข้าพระองค์ ขอบพระคุณสำหรับดาวิดที่เป็นตัวอย่างสำหรับความเชื่อของข้าพระองค์
ที่มิได้ทำทุกอย่างในความเชื่อเพื่อให้ดูดีในสายตาคนรอบข้างเท่านั้น
ขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับตัวอย่างชีวิตของดาวิดที่แม้จะต้องอยู่ท่ามกลางความทุกข์ยากและเจ็บปวดในชีวิต แต่ท่านก็ยังไว้วางใจในพระองค์ และ
มีชีวิตที่ยกย่องสรรเสริญพระองค์
ขอบพระคุณพระองค์ ที่ทรงหนุนเสริมเพิ่มพลังชีวิตแก่ข้าพระองค์ให้ไว้วางใจในความรักของพระองค์ เพื่อจะสามารถเผชิญหน้ากับความทุกข์สาหัส
โปรดช่วยข้าพระองค์ให้สามารถที่จะไว้วางใจในพระองค์ และ
ร้องสรรเสริญพระองค์ไม่ว่าจะตกอยู่ในสถานการณ์ชีวิตเช่นใดก็ตาม
ในเวลาใดที่ชีวิตของข้าพระองค์ถูกถาโถมโจมตีจากความทุกข์ยากลำบาก โปรดช่วยให้ข้าพระองค์ได้ระลึกถึงพระคุณ พระพร
ที่ทรงมีในชีวิตของข้าพระองค์ที่ผ่านมา
และโปรดให้ความเชื่อศรัทธาของข้าพระองค์ได้รับการค้ำจุนหนุนเสริมให้เข้มแข็งมั่นคงด้วยความรักมั่นคงที่ทรงสำแดงผ่านทางพระเยซูคริสต์
ข้าแต่พระเจ้า
ในวันนี้ข้าพระองค์ขอระลึกถึงผู้คนที่ต้องต่อสู้ยืนหยัดเกี่ยวกับความเชื่อศรัทธาของเขา คนที่กำลังตกอยู่ในความรู้สึกว่าพระองค์ทรงอยู่ห่างไกลเหลือเกินจากชีวิตของเขา โปรดเมตตาช่วยคนเหล่านี้ให้เกิดความมั่นใจและไว้วางใจในพระองค์
โปรดให้ข้าพระองค์ได้ยื่นชีวิตของข้าพระองค์ออกไปถึงชีวิตของคนเหล่านี้ด้วยพระทัยและพระหัตถ์แห่งความเมตตาของพระองค์ ขอทรงโปรดชูช่วยยกชีวิตคนเหล่านี้ให้ลุกขึ้นได้ด้วยพระคุณและพระเมตตาของพระองค์ อาเมน
ประสิทธิ์
แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย
เชียงใหม่
E-mail:
prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499
เขียนได้ดีมากครับ ขอขอบคุณพระเยซูคริสต์เจ้าที่ทรงเป็นตัวอย่างของความรักที่มั่นคงต่อเรา ขอบคุณพระเจ้าสำหรับความรักที่ไม่เคยเปลี่ยนเเปลงครับ เเละขอบคุณคุณประสิทธิ์ และขออนุญาตเเบ่งปันให้กับลูกศิษย์ทุกท่านได้รับรู้ด้วยนะครับ
ตอบลบข้อความเป็นพรเเละหนุนใจได้ดีมาก
ตอบลบ