อ่านกิจการ
4:13-17
มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในประเทศไทยที่ต้องเผชิญกับวิบากกรรมที่ตนกระทำเกี่ยวกับ
“ธุรกิจปริญญาบัตร” กับพวกที่คิดว่าชีวิตนี้สำคัญเมื่อมีใบ “ปริญญา” ค้ำชีวิต คนทั้งสองพวกนี้ ใจลึกๆต้องการสร้างคุณค่า ความสำคัญ และผลประโยชน์เพื่อตนเอง โดยการหลอกตนเองและลวงคนอื่น หลอกตนเองว่าปริญญาคือเครื่องค้ำประกันความสำคัญในชีวิตของตนเองตามกระแสสังคมประโยชน์ส่วนตนนิยม เพื่อนำไป “เกทับ” คนอื่น นำไปเป็น “บันได”
ไต่สู่ตำแหน่งในสังคมชุมชนของตน นำมาเป็น
“หน้าตา” ของตนเองในสังคม เป็นเกียรติแก่วงศ์ตระกูล คนกลุ่มนี้มักหลงผิดคิดพลาดว่า “สถานภาพ ตำแหน่ง
ปริญญา” คือสิ่งที่ส่งเสริมมาคู่กับการเป็น “ผู้นำ” แต่การเป็นผู้นำเพราะมีตำแหน่ง หรือ มี(ใบ)ปริญญาค้ำบารมี
นั่นเป็นเพียงบันไดขั้นแรกของการเป็นผู้นำ เป็นผู้นำระดับเตรียมอนุบาล หรือตามภาษาวัยรุ่นปัจจุบันว่า ผู้นำแบบ “เบเบ
หรือ ชิวชิว” ครับ
“เมื่อพวกเขาเห็นความกล้าหาญของเปโตรกับยอห์น
และรู้ว่าท่านทั้งสองขาดการศึกษาและเป็นคนสามัญก็อัศจรรย์ใจ แล้วจำได้ว่าคนทั้งสองเคยอยู่กับพระเยซู”
(กิจการ 4:13 ฉบับมาตรฐาน)
ใบประกาศนียบัตร หรือ ปริญญาบัตร (ระดับไหนก็ตาม) มิใช่เครื่องค้ำประกันว่า
ผู้นั้นจะประสบความสำเร็จในชีวิต หรือ ในการประกอบอาชีพการงาน หรือเป็นสิ่งจำเป็นในการทำงานอาชีพและงานรับใช้ในชีวิตของคริสตชน
เมื่อคนทั้งหลายเห็นชีวิตและการทำงานรับใช้ของเปโตร
และ ยอห์น สิ่งแรกที่ทำให้คนทั้งหลายต้องแปลกใจคือทั้งสอง
“ขาดการศึกษา” (อันนี้ไม่ต้องไปพูดว่ามีใบปริญญาหรือไม่ หรือได้ใบปริญญามาอย่างไร เป็นปริญญาบัตรจากมหาวิทยาลัย “ห้องแถว”
หรือเปล่า) คนทั้งหลายรู้ว่า ทั้งสองเป็นเพียงคนธรรมดาสามัญ มิได้มีตำแหน่งสำคัญอะไรเลย แต่สิ่งที่ทำให้คนทั้งหลายในกรุงเยรูซาเล็มถึงบางอ้อคือ เขาระลึกได้ว่า “ทั้งสองเคยอยู่กับพระเยซูคริสต์มาก่อน”
ทั้งสองเคยใช้ชีวิตกับพระเยซูคริสต์
และพระองค์ได้เสริมสร้าง ฝึกฝน และเปลี่ยนแปลงชีวิตของทั้งสองใหม่ ให้เป็นชีวิตใหม่ในพระคริสต์
ชีวิตใหม่ในพระคริสต์จะสร้างความแปลกประหลาดอัศจรรย์ใจแก่ผู้คนที่พบเห็นครับ!
มิใช่เพียงแค่นี้เท่านั้นครับ พระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์ได้แผ่ขยายครอบคลุมพื้นที่ทั่วกรุงเยรูซาเล็ม
และได้นำผู้คนจำนวนนับพันมารับเชื่อในพระเยซูคริสต์ด้วย
“การประกาศพระวจนะของพระเจ้าก็เจริญขึ้น และจำนวนสาวกก็เพิ่มขึ้นอย่างมากในกรุงเยรูซาเล็ม และปุโรหิตจำนวนมากก็มาเชื่อถือ”
(กิจการ 6:7
ฉบับมาตรฐาน)
“กรุงเยรูซาเล็ม”
ถูกเปลี่ยนแปลงอย่างสิ้นเชิงด้วยงานการรับใช้ตามพระประสงค์ของพระเจ้าจากพวกสาวกของพระคริสต์ ที่เป็นปุถุชนคนสามัญธรรมดาอย่างเราท่าน พวกเขาบ้างเป็นชาวประมง คนเก็บภาษี เกษตรกร งานช่าง และ ฯลฯ ที่สำคัญไม่ได้ขึ้นอยู่ที่พวกเขามีอาชีพอะไร มีการศึกษาแค่ไหน
แต่อยู่ที่สาวกแต่ละคนมุ่งมั่นตั้งใจอุทิศชีวิตถวายตัวแด่พระคริสต์
ด้วยความกล้าหาญกล้าเสี่ยงต่างหาก
(พวกเขามิได้มัวแต่ไปกราบไหว้รูปเคารพในรูปแบบต่างๆ เช่น ตำแหน่ง
ปริญญา ฐานะในสังคม เงินทอง หรือการแสวงหาประโยชน์ส่วนตนจากงานพันธกิจที่รับผิดชอบ
หรือใช้ความเก่งกาจทางวาทศิลป์ในการแสวงหาสิ่งที่ตนปรารถนา)
ตรงกันข้าม
สิ่งที่เกิดขึ้นในกรุงเยรูซาเล็มในเวลานั้นต่างจากสถานการณ์ในคริสตจักรของเราในปัจจุบันคือ
ผู้เชื่อใหม่ในกรุงเยรูซาเล็มได้ขายทรัพย์สิ่งของสมบัติของตนเพื่อนำมาจุนเจือช่วยเหลือคนที่มีความจำเป็นต้องการ
(กิจการ 2:45)
แม่หม้ายในกรุงเยรูซาเล็มเวลานั้นได้รับการเอาใจใส่ดูแลจากสาวกและผู้เชื่อในพระเยซูคริสต์ พวกเขาไม่ถูกละเลยทอดทิ้งต่อไป
พวกเขาได้รับการแบ่งปันอาหารสิ่งจำเป็นเป็นประจำทุกวัน (กิจการ 6:1)
บริเวณเฉลียงซาโลมอนของพระมหาวิหารเยรูซาเล็มกลายเป็นที่นมัสการพระเจ้าของผู้เชื่อพระเยซูคริสต์ในสมัยเริ่มแรก
(กิจการ 5:12-14)
แม้ว่าผู้คนรอบข้างจะกล้าๆกลัวๆที่จะเข้ามาร่วมในการนมัสการกับพวกที่เชื่อก็ตาม สิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นคือ
“ประชาชนเคารพพวกเขามาก”
แต่ในที่สุดก็มีผู้คนมาเชื่อและเข้ามาเป็นสาวกของพระเยซูคริสต์มากขึ้นกว่าเดิม บริเวณเฉลียง
บนทางเดินกลายเป็นพื้นที่ที่พวกสาวกใช้ในการประกาศพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์ เป็นพื้นที่ในการวางมือรักษาโรคแก่บรรดาผู้เจ็บป่วย ข่าวแพร่สะพัด
คนที่อยู่นอกเมืองเยรูซาเล็มก็เข้ามาร่วม
และพาคนเจ็บป่วย
คนผีเข้ามารับการรักษาจากสาวก (ข้อ 15-16)
กรุงเยรูซาเล็มที่ครั้งหนึ่งพระคริสต์ทอดพระเนตรกรุงนี้ด้วยความสงสารและต้องหลั่งน้ำตาเพื่อกรุงนี้ แต่ ณ
วันนี้ถูกพลิกฟื้นเปลี่ยนแปลงให้กลายเป็นกรุงแห่งความชื่นชมยินดีของบรรดาคนยากคนจน
คนธรรมดา คนเจ็บป่วย และคนผีเข้า (ลูกา 19:41)
การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้เกิดขึ้นเพราะมีเพียงคนบางคนเรียนรู้ตระหนักชัดถึงการทรงเรียกของพระเยซูคริสต์ พวกเขาไม่ใช่นักวิชาการ
ไม่ใช่นักตีความพระคัมภีร์หรือธรรมบัญญัติ พวกเขาไม่ใช่พระ ปุโรหิต ศาสนาจารย์ หรือ ศิษยาภิบาล
พวกเขาเป็นปุถุชนคนธรรมดาที่มีชีวิตและประกอบอาชีพตามความสามารถและของประทานจากพระเจ้าอย่างเราท่าน
แต่ที่สำคัญคือแต่ละคนในพวกนี้มีชีวิตที่ติดสนิทกับพระเยซูคริสต์ในชีวิตประจำวัน และที่สำคัญที่สุดคือ
คนเหล่านี้มีพระเยซูคริสต์ทรงเป็นเอกเป็นใหญ่ในชีวิตของตน เขาคิด
เขาตัดสินใจ และเขากระทำ
ดำเนินชีวิตตามอย่างพระคริสต์ตามพระประสงค์ของพระองค์
เขามีชีวิตและทำงานประจำวันเพื่อพระคริสต์!
ให้เรามีชีวิตในวันนี้ด้วยความชื่นชมยินดีในการรับใช้พระคริสต์ ท่ามกลางชีวิต การงานและอาชีพที่เราทำ
ประสิทธิ์
แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย
เชียงใหม่
e-mail:
prasit.barnabus@gmail.com
081-289 4499
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น