07 พฤศจิกายน 2555

ขอพระเจ้าจัดการคนชั่วด้วยเถิด?


อ่านสดุดี 10:1-18 

“(พระเจ้า)ทรงปกป้องลูกกำพร้าพ่อและผู้ถูกกดขี่ข่มเหง  
เพื่อมนุษย์ซึ่งเป็นของโลกนี้   จะไม่ทำให้เขาหวาดกลัวอีกต่อไป”
(ข้อ 18 อมตธรรม)

ในสดุดีบทที่ 10  ผู้เขียนสดุดีดูเหมือนกำลังร้องทูล ฟ้อง และ  ขอให้พระเจ้าทำลายคนชั่ว

ผู้เขียนสดุดีบทนี้ใช้เนื้อที่กว่า 80% ที่จะพูดถึงผู้ที่สร้างความเดือดร้อน  สร้างความอยุติธรรมว่าเป็นคนแบบไหน  และ  ทำอะไรบ้าง

เขาบรรยายถึงลักษณะคนชั่วที่กดขี่ทำร้ายทำลายผู้อื่นอย่างไร้ความเป็นธรรมว่า... 
ไล่ล่าคนอ่อนแอด้วยความหยิ่งผยอง   ทำให้คนอื่นติดกับดักในอุบายที่เขาคิดขึ้น (ข้อ 2)
โอ้อวดตัณหาในใจของตน  อวยพรคนโลภ  ลบหลู่พระเจ้า (ข้อ 3)
ไม่มีพระเจ้าในความคิดของเขา  จึงจองหอง อวดดี (ข้อ 4)
ปฏิเสธบทบัญญัติพระเจ้า  เย้ยหยันศัตรู  แต่กลับเจริญรุ่งเรืองเสมอ (ข้อ 5)
เขาบอกตนเองว่า ไม่มีสิ่งใดที่ทำให้เขาสั่นคลอน หรือ ทำอันตรายเขาได้ (ข้อ 6)
เขาพูดแต่ คำโกหก และ ข่มขู่ (ข้อ 7)
มุ่งมองหาแต่เหยื่อ  ซุ่มซ่อนฆ่าคนบริสุทธิ์ (ข้อ 8)
หมอบรอจับคนที่ไม่มีทางสู้ (ข้อ 9)
ล้มเหยื่อด้วยกำลังที่เหนือกว่า  แล้วบดขยี้เหยื่อจนล้มลง(ข้อ 10)
พวกเขาบอกว่า  พระเจ้ามองไม่เห็น  พระองค์ปิดหน้าปิดตาพระองค์เอง (ข้อ 11)

จากนั้นผู้เขียนสดุดีเหมือนกับต่อว่าพระเจ้า  และกระตุ้นพระเจ้าให้ทำตามความคิดของเขาเอง
ขอพระเจ้าลุกขึ้นต่อสู้กับคนชั่ว  ขออย่าลืมคนหมดทางสู้ (ข้อ 12)
ทำไมพระเจ้าปล่อยให้คนชั่วลบหลู่พระเจ้า  แล้วบอกว่าพระองค์ไม่เอาเรื่องเขา (ข้อ 13)
ขอพระเจ้าหักแขนของคนชั่วและคนเลว  แล้วต้องให้เขารับผิดชอบในสิ่งที่เขาทำ (ข้อ 15)

แต่ในที่สุดผู้เขียนสดุดีก็สำนึกในสัจจะความจริงได้ว่า  ในสถานการณ์อยุติธรรมเช่นนี้
พระเจ้าทรงเห็น...ความเดือดร้อนของผู้ทุกข์ลำเค็ญ
พระเจ้าทรงระลึกถึง...ความทุกข์โศกของคนที่ถูกทำร้ายอย่างไม่เป็นธรรม
พระองค์ทรงรับ...ผู้คนเหล่านี้ไว้ในพระหัตถ์ของพระองค์
พระองค์ทรงเป็นพระผู้ช่วย...ลูกกำพร้าพ่อ  (ข้อ 14)
พระองค์ทรงฟัง...ความปรารถนาของผู้ทุกข์ลำเค็ญ
พระองค์ทรงให้กำลังใจ...พวกเขา (ข้อ 17)
พระองค์ทรงปกป้อง...ลูกกำพร้าและคนถูกกดขี่ข่มเหง
พระองค์ทรงกระทำให้พวกเขาไม่หวาดกลัวอีกต่อไป (ข้อ 18)

จากข้างต้นเราจะเห็นว่า   เมื่อมนุษย์เราต้องเผชิญหน้ากับความอยุติธรรม   มนุษย์ส่วนใหญ่มีแนวโน้มที่จะมุ่งมองไปที่ปัญหา และ หาทางขจัดคนชั่วที่กระทำการอยุติธรรม   แต่ด้วยสถานภาพและกำลังที่มีอยู่ต่างกันคนละชั้น  เขาไม่สามารถจะจัดการได้   เขารู้ว่าต้องเป็นผู้ที่มีพลังอำนาจที่เหนือกว่าคนเลวชั่วพวกนี้ที่จะจัดการได้   เขาจึงร้องหาพระเจ้าให้มาช่วยขจัดและทำลายคนชั่วพวกนี้เสีย   แต่อนิจจา  เขามองหาพระเจ้าไม่พบในสถานการณ์นั้น!  เขาร้องหาพระเจ้าว่า...

“ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า   ทำไมพระองค์ถึงประทับอยู่ไกลแสนไกล?
ทำไมพระองค์ถึงซ่อนพระพักตร์พระองค์ในยามเดือดร้อน?”  (ข้อ 1 อมตธรรม)

แต่เมื่อพิจารณาช่วงท้ายของพระธรรมสดุดีบทนี้   ผู้เขียนสำนึกได้ว่า   แท้จริงแล้วพระเจ้าทรงกำลังทำงานกับคนที่ตกเป็นเหยื่อของความอยุติธรรม   พระองค์กำลังทำงานในชีวิตของลูกกำพร้า  และชีวิตของผู้ที่ถูกบดขยี้กดขี่ข่มเหงจากความเลวชั่วเหล่านั้น   ดังนั้น  ผู้เขียนสดุดีจึงหาพระเจ้าไม่พบในตอนแรกที่ตนสนใจแต่จะจัดการกับความพวกเลวชั่ว   แต่มาพบความจริงว่า   แท้จริงแล้วพระองค์กำลังทำพระราชกิจการช่วยกู้ของพระองค์ท่ามกลางคนเล็กคนน้อย  คนที่ถูกกดขี่ข่มเหง  คนที่ไร้ทางสู้เหล่านั้น   เพราะสายพระเนตรของพระเจ้ามุ่งมองมายังคนเหล่านี้ด้วยพระทัยเมตตา  ปลอบประโลม  ช่วยกู้  และเสริมสร้างพวกเขาขึ้นใหม่

เวลาเกิดการอยุติธรรมขึ้นในสังคมของเรา ในสถาบัน  ในหน่วยงาน  ในคริสตจักรของเรา   เราถูกกรอบให้คิดว่า  ต้องค้นหาสาเหตุ หรือ ต้นตอที่ทำให้เกิดความอยุติธรรมขึ้น   เพื่อที่จะได้ขจัดทำลายต้นตอความอยุติธรรมเหล่านั้น  และจะได้ไม่เกิดขึ้นอีก    แต่พระวจนะของพระเจ้ากลับชี้ชัดว่า   ในสถานการณ์ที่เลวร้ายบาปชั่วแผลงฤทธิ์ดังกล่าว   พระเจ้าให้ความสำคัญกับ “คน” ที่ถูกกระทำให้เป็นเหยื่อของความอธรรมก่อน   พระองค์ทรงรู้เห็น  ฟัง  ได้ยิน  รับชีวิตเหล่านี้ให้อยู่ในความรับผิดชอบของพระองค์   ทรงช่วยกู้เขา  ปกป้องเขา  ให้กำลังใจ  และเสริมสร้างพวกเขาขึ้นใหม่

แน่นอนครับ  หลังจากนั้นเราจะให้ความสนใจต่อการเปลี่ยนแปลงระบบที่ยุติธรรมต่อชีวิตผู้คนทั้งในระดับ ครอบครัว  คริสตจักร  หน่วยงาน  สถาบัน  ชุมชน  และสังคมโลก  สิ่งนี้เราต้องไม่ละเลย   แต่ก็ต้องไม่ลืมว่า  มิใช่การสร้างระบบที่ยุติธรรมเท่านั้น   แต่ต้องร่วมกับพระราชกิจของพระเจ้าที่จะสร้างเสริมคนให้สำแดงพระฉายาด้านความรักและยุติธรรมของพระเจ้าในชีวิตของผู้เชื่อศรัทธาทั้งหลายด้วย   เมื่อนั้นระบบที่ยุติธรรมถึงจะได้รับการปฏิบัติ

ประเด็นสำหรับการใคร่ครวญ

1. จากประสบการณ์ในชีวิตของท่าน   เมื่อเกิดความไม่ยุติธรรมขึ้น   ท่านมุ่งจัดการในเรื่องนี้อย่างไร?  และเกิดผลอย่างไรบ้าง?
2. ในวันนี้  ถ้าท่านต้องเผชิญหน้ากับความอยุติธรรมไม่ว่าในบ้าน ในที่ทำงาน หรือในคริสตจักร   ท่านจะทำอย่างไรในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น?  ทำไมท่านถึงเลือกจัดการแบบนั้น?
3. จากพระธรรมสดุดีบทที่ 10 ที่พระเจ้าทรงเอาใจใส่คนที่ตกเป็นเหยื่อของความอยุติธรรม   แสดงว่าพระเจ้าเลือกข้างเลือกฝักเลือกฝ่ายใช่ไหม?   ท่านคิดเห็นอย่างไรในเรื่องนี้?

ใคร่ครวญภาวนา

พระเจ้าผู้เปี่ยมด้วยพระคุณ  ขอบพระคุณพระองค์ที่ทรงสนพระทัยเอาใจใส่คนอ่อนแอ คนไร้อำนาจ  พระองค์ทรงสนพระทัยชีวิตของผู้เล็กผู้น้อยเหล่านี้   และทรงให้คุณค่าเท่าเทียมกับคนอื่นๆ ที่พระองค์ทรงสร้างด้วย

ขอให้พระฉายาแห่งความรักเมตตาและยุติธรรมของพระองค์   ได้ดำรงคงอยู่และทำงานในชีวิตจิตใจของข้าพระองค์ด้วย

ในวันนี้เมื่อข้าพระองค์ต้องประสบพบกับสถานการณ์ความอยุติธรรม   ขอโปรดประทานพระปัญญาแก่ข้าพระองค์เพื่อข้าพระองค์จะรู้ว่าควรจะทำอะไร  อย่างไร  กับใคร  และเวลาใดที่เหมาะสมตามพระประสงค์ของพระองค์   เพียงเพื่อขอให้ข้าพระองค์ได้กระทำตามพระประสงค์ของพระองค์   แล้วได้รับการเสริมสร้างขึ้นใหม่ในการทำตามพระประสงค์แห่งความยุติธรรมนั้น   อาเมน

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น