26 พฤศจิกายน 2555

ยืนหยัดเผชิญอุบายมาร


เอเฟซัส 6:10-14

“...จงเข้มแข็งขึ้นในองค์พระผู้เป็นเจ้า และ ในอานุภาพอันทรงพลังของพระองค์
     จงสวมยุทธภัณฑ์ทั้งชุดของพระเจ้า เพื่อต่อสู้กับอุบายของมารได้
เพราะเราไม่ได้ต่อสู้กับเนื้อหนังและเลือด  
แต่ต่อสู้กับ...
ภูตผีที่ครอบครอง 
พวกภูตผีที่มีอำนาจ  
พวกภูตผีที่ครองพิภพในยุคมืดนี้  
(เรากำลัง)ต่อสู้กับพวกวิญญาณชั่วในสวรรคสถาน
เพราะเหตุนี้   จงสวมยุทธภัณฑ์ทั้งชุดของพระเจ้าไว้   เพื่อท่านจะสามารถต่อสู้ในวันชั่วร้ายนั้น   และเมื่อทำทุกอย่างแล้วจะยังยืนหยัดอยู่ได้
เพราะฉะนั้น จงยืนหยัดไว้  เอาความจริงคาดเอว  เอาความชอบธรรมเป็นเกราะป้องกันอก...”
(ฉบับมาตรฐาน)

ในชีวิตแต่ละวันผู้ที่เชื่อศรัทธาในองค์พระผู้เป็นเจ้าต่างต้องเผชิญหน้ากับการทดลองในชีวิต  ลองใช้เวลาสักนิดทบทวนย้อนหลังถึงเหตุการณ์ที่เราถูกดึงตัวเข้าไปเกี่ยวข้องกับการมีความคิดและชีวิตที่ไม่เป็นที่ชอบพระทัยของพระเจ้า   ในสถานการณ์นั้นในเหตุการณ์นั้นเราตระหนักหรือไม่ว่า “เรากำลังเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสงครามชีวิตกับอำนาจชั่วร้ายของมาร” ?  เราตระหนักหรือไม่ว่า มารกำลังวางอุบายกับดักข้างหน้าของเรา?

พลังอำนาจชั่วร้ายของมารเป็นสิ่งที่มีจริงและเป็นจริง   แท้จริงแล้วมันเป็นพลังอำนาจที่ต้องการต่อสู้เอาชนะพลังอำนาจแห่งการสร้างสรรค์ของพระเจ้า   และอำนาจแห่งความชั่วร้ายนี้เองที่คิดเสมอว่ามันสามารถที่จะเอาชนะพลังอำนาจแห่งการสร้างสรรค์ของพระเจ้าได้

หลายท่านคงเกิดคำถามในใจว่า... 

แล้วสนามสงครามการสู้กันระหว่างอำนาจแห่งความชั่วร้ายของมาร กับ พลังอำนาจแห่งการสร้างสรรค์ของพระเจ้าเกิดขึ้นที่ไหน?  

สนามประลองยุทธ์ของสงครามยิ่งใหญ่นี้เกิดขึ้นในความคิด และ จิตใจของมนุษย์!  

มนุษย์ที่พระเจ้าทรงสร้าง  มนุษย์ผู้เป็นผู้ร่วมพระราชกิจกับพระเจ้าผู้สร้างสรรค์   

แต่พลังอำนาจชั่วร้ายของมารทำงานแย่งชิงมนุษย์ให้มีความคิดกบฏอย่างที่มันเป็นอยู่   และ
เมื่อมนุษย์ตกลงในหลุมพรางนี้แล้ว...  
จะมีความคิดที่ต้องการเป็นผู้มีอำนาจในตนเอง  
เป็นผู้ที่เทียบเท่า “เป็นเหมือน” พระเจ้า
มนุษย์ต้องการเป็นพระเจ้าเสียเอง  
มนุษย์จึงกบฏต่อการเป็นผู้ร่วมในพระราชกิจของพระเจ้า 
ต้องการเป็นเจ้าของพระราชกิจและจัดการตามใจปรารถนาของตนเอง  

ดังนั้น  ในพื้นที่ของความคิดและจิตใจมนุษย์จึงตกเป็นสนามสงครามแย่งชิงและประลองยุทธ์ของพลังอำนาจทั้งสอง

ท่านเคยตกลงใน “หลุมพราง” เช่นนี้ของมารหรือไม่?  
ในเหตุการณ์อะไร?  
เกิดผลเช่นไรในชีวิต?
แล้วผลที่เกิดขึ้นได้กระทบต่อชีวิตของท่านอย่างไรบ้าง?

สำหรับเปาโลแล้วท่านได้แบ่งปันประสบการณ์ชีวิตการเผชิญอุบายของมารไว้ว่า...
เราต้องมีชีวิตที่เข้มแข็ง  
มิใช่เข้มแข็ง “ในตนเอง”
แต่เข้มแข็ง “ในองค์พระผู้เป็นเจ้า”  

ประการแรก   เราต้องมีชีวิตภายใต้การครอบครอง การปกป้อง และพระประสงค์ของพระองค์   และสิ่งนี้จะเป็นอานุภาพที่ทรงพลังจากพระเจ้าที่ทำให้เรามีพลังชีวิตที่จะเผชิญหน้าและต่อสู้กับอุบายที่ล่อลวงของมารร้ายได้

ประการที่สอง   เราต้องตระหนักชัดว่า   อำนาจร้ายที่เรากำลังเผชิญต่อสู้นี้   มิใช่การต่อสู้ในด้านร่างกายเท่านั้น   แต่เรากำลังเผชิญหน้ากำลังพลังอำนาจชั่วที่ “ไร้รูป” ที่ยากจะเห็นด้วยตา  หรือ  จับต้องได้ด้วยมือของเรา   เปาโลบอกกับเราว่า   เป็นอำนาจชั่วร้ายที่ครอบคลุม  ครอบงำ  จิตสำนึก ความคิด  ความรู้  ความเข้าใจ  จิตใจ  และจิตวิญญาณของเรา   ซึ่งในอดีตในสังคมไทยเราใช้ภาพของ “วิญญาณชั่ว  ภูตผี  ปีศาจ”  ในการอธิบายอำนาจชั่วร้ายของมาร   ปัจจุบันก็มีผู้ใช้คำว่า  “วิชามาร”  อำนาจชั่วเหล่านี้มาเผชิญหน้าหลอกล่อเราในรูปแบบของ  ความรู้  ปัญญา  หลอกล่อด้วยผลประโยชน์ที่บอกว่าเราจะได้รับ   วางกับดักแห่งอำนาจที่หลอกล่อเราด้วยอำนาจที่เราจะมีในอนาคต   และมารเสนอคุณค่าที่จอมปลอมในชีวิตของเรา   นอกจากนั้นแล้วอำนาจชั่วร้ายยังแฝงเข้ามาในรูปของผลประโยชน์ทางการเมือง   บริโภคนิยม  เงินนิยม  และตัวกูนิยมอีกด้วยในยุคปัจจุบันนี้ด้วย

ประการที่สาม   เมื่อเราจำต้องเผชิญหน้ากับอำนาจชั่วร้ายของมารที่ประดังเข้าในชีวิตประจำวันของเราในหลากหลายรูปแบบ   เราจะต้องสวมพระวจนะของพระเจ้าเป็นเครื่องป้องกันจากอาวุธร้ายของมาร   เพื่อเราจะรอดปลอดภัยจากการหลอกล่อและการโจมตีของมาร   เราต้องสัตย์ซื่อต่อพระประสงค์ของพระเจ้าเพื่อการดำเนินชีวิตประจำวันของเราจะมิได้หลงทิศผิดทาง   และสำนึกเสมอว่า  ทุกสิ่งที่เรากระทำในชีวิตประจำวัน  ไม่ว่าชีวิตในครอบครัว  อาชีพการงาน  หรือในสังคมชุมชน   รวมถึงในชุมชนคริสตจักร  เรากระทำทุกอย่างในชีวิตเพื่อถวายพระเกียรติแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า   มีพระองค์เป็นผู้ยิ่งใหญ่สูงสุดในชีวิตที่เราเป็นอยู่   มิใช่ใครคนอื่น หรือ ตัวเราเอง

สิ่งที่อันตรายมากคือ   ในชีวิตประจำวันของคริสตชนส่วนมากไม่ค่อยรู้เท่าทันและสำนึกว่า   ชีวิตต้องเผชิญกับอุบายหลอกล่อของมาร   แต่กลับมองกับดักของมารว่า  เป็น “โอกาส” ที่ตนจะมีความสุข  ก้าวหน้า  มีตำแหน่ง  มีอำนาจ  เป็น “โอกาส” เพิ่มคุณค่าสำหรับตน  และมักรีบฉกฉวยเข้ามาในชีวิตของตน   โดยมิได้รู้เท่าทันว่า  ตนได้ฮุบและกลืนเอา “เหยื่อที่หุ้มเบ็ด” ของอำนาจแห่งความชั่วร้ายเข้าไปในชีวิตของตนเสียแล้ว!

ประเด็นสำหรับการใคร่ครวญ

1. ในทุกวันนี้  ท่านต้องเผชิญหน้ากับ “อุบายมาร”  ที่หลอกล่อในที่ทำงานของท่าน  ในสังคมชุมชน  ในคริสตจักร  และในครอบครัวในรูปแบบไหนบ้าง?
2. แล้วท่านจะตระหนักรู้เท่าทันว่าสถานการณ์นั้นเป็น “อุบายมาร” ได้อย่างไร?
3. ทำอย่างไรที่ท่านจะไม่เผลองับ “เหยื่อที่หุ้มเบ็ด” ของอำนาจบาปชั่วกลืนเข้าไปในชีวิตของท่าน?

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499

1 ความคิดเห็น:

  1. ขอบคุณสำหรับบทความี่เขียนได้ดีมากๆครับ ผมในฐานะครูสอนว่ายน้ำขออนุญาตเเบ่งปันให้กับนักเรียนที่รักทุกท่านเพื่อจะได้เอาชนะในอุบายของมารได้ครับ

    ตอบลบ