ความกล้าหาญไม่จำเป็นจะต้องแผดเสียงดังลั่น
หรือต้องชูธงนำหน้าอย่างห้าวหาญ
แต่บางครั้งความกล้าหาญเป็นเพียงเสียงที่ไร้สำเนียงที่พูดกับตนเองว่า
“ฉันจะพยายามอีกครั้งหนึ่งในวันพรุ่งนี้” (นิรนาม)
บ่อยครั้งเหลือเกินเมื่อเราคิดถึงการแสดงออกใน
“ความกล้าหาญ” เรามักมีภาพของคนๆ หนึ่งที่วิ่งเข้าไปในอาคารที่กำลังถูกเพลิงไหม้ เพื่อที่จะช่วยเด็กที่ติดอยู่ในกองเพลิง
หรือสามีกระโดดเข้าใส่มือปืนที่กำลังพุ่งเป้าไปที่ภรรยาของเขา หรือ
ภาพผู้โดยสารคนหนึ่งกระโดดเข้าแย่งอาวุธของโจรสลัดอากาศ แน่นอนครับภาพเหล่านี้แสดงถึงความกล้าหาญทั้งสิ้น
แต่เราก็เห็นภาพของความกล้าหาญอีกภาพหนึ่งของชีวิตที่ต้องตกอยู่ในความท้าทายวันแล้ววันเล่า
คนที่มีความคิดที่ต้านกระแสความคิดส่วนใหญ่ในเวลานั้นด้วยความอดทน ถ่อมตน และสุภาพ เป็นความกล้าหาญของผู้ที่ต้องเผชิญหน้ากับความมืดมิดในชีวิต ต้องทนทุกข์แสนสาหัส และเห็นความตายดักรออยู่ข้างหน้า แต่คนๆ นั้นยังเดินไปบนเส้นทางนั้นอย่างไม่ปริปาก ไม่หลีกหนี
แต่กล้าหาญด้วยความเงียบ สุขุม
เป็นความกล้าที่ไร้ศัพท์เสียงสำเนียงใดๆ
นอกจากความกล้าหาญที่ค่อยๆ ย่างก้าวไปบนเส้นทางนั้น ด้วยการยอมรับความทุกข์ยากและเจ็บปวด เป็นความกล้าหาญเชิงปฏิบัติ เป็นความกล้าหาญที่ล้มแล้วกลับลุกขึ้นอีก แล้วยังมั่นคงเดินไปบนเส้นทางนั้น
ที่บริเวณพระวิหาร
พวกธรรมาจารย์และฟาริสี
พาหญิงคนหนึ่งถูกจับฐานล่วงประเวณีมาต่อหน้าประชาชนและพระเยซูเพื่อให้พระองค์ตัดสินว่า ควรเอาหินขว้างเธอให้ตาย
ตามบัญญัติของโมเสสหรือไม่?
ทั้งนี้เพื่อเขาจะหาเหตุฟ้องพระเยซู และทำลายความน่าเชื่อถือของพระองค์
พระเยซูเผชิญหน้าสถานการณ์ครั้งนี้ด้วยความเงียบ!
พระองค์น้อมตัวลงเอานิ้วเขียนที่ดิน
แต่พวกผู้นำศาสนากลับกระเซ้าเย้าแหย่ให้พระเยซูตอบโต้
ในความเงียบนั่นเอง พระองค์ตรัสอย่างเรียบง่ายว่า
ถ้าใครในกลุ่มผู้นำศาสนาที่ไม่มีความบาปผิดก็ให้ลงมือได้เลยเป็นคนแรก แล้วก้มลงเขียนที่พื้นดินอีก
พวกผู้นำศาสนาและพวกยิวพวกนั้นเมื่อได้ยินคำพูดที่สงบเรียบง่ายของพระเยซู
ก็ออกไปทีละคน เริ่มจากคนแก่เฒ่าจนออกไปหมดเหลือแต่พระเยซูกับหญิงคนนั้น
พระเยซูลุกขึ้นยืนถามเธอว่า พวกเขาหายไปไหนหมด ไม่มีใครเอาโทษเธอหรือ?
เธอบอกว่า
ไม่มีใคร
พระเยซูบอกเธอว่า
เราก็ไม่เอาโทษเหมือนกัน
จงไปเถิด และจากนี้ไปอย่าทำบาปอีก
(ยอห์น
8:1-11 ฉบับมาตรฐาน)
นี่เป็นความกล้าหาญที่เงียบ สุภาพ สุขุม
มั่นคง และเข้มแข็ง
แต่เต็มไปด้วยพลัง
ความกล้าหาญแบบนี้นอกจากที่จะยืนหยัดบนจุดยืนที่เป็นสัจจะถูกต้องในชีวิตแล้ว แต่สิ่งสำคัญคือเป็นความกล้าหาญที่เต็มไปด้วยพลัง คือพลังที่สามารถเรียกสำนึกที่ถูกต้องคืนมา
พลังที่กระตุ้นให้เกิดสำนึกในตนเองของผู้นำศาสนาและคนยิวที่พร้อมจะขว้างหินใส่หญิงคนนี้จนตายเพราะความบาปล่วงประเวณี กลับพบตนเองว่า ตนก็คนบาปชั่วเช่นกัน ความกล้าหาญที่เงียบ สุภาพ สุขุม
มั่นคงของพระคริสต์ทำให้หญิงนั้นมิเพียงแต่สำนึกว่าตนเป็นคนบาปผิดเท่านั้น
แต่กลับเป็นพลังที่เข้มแข็งหนุนเสริมให้เธอไม่กลับไปทำผิดบาปอย่างเดิมอีก
ความกล้าหาญที่เงียบ เป็นความกล้าหาญที่มิได้มีเพื่อจะพิสูจน์ว่าตนเองถูกอีกฝ่ายหนึ่งผิด มิใช่ความกล้าหาญที่จะเอาแพ้เอาชนะ
มิใช่ความกล้าหาญที่จะนำตนเองไปเหนือคนอื่น แต่เป็นความกล้าหาญที่จะให้ทุกคนได้ค้นพบตนเอง ค้นพบสัจจะชีวิต แล้วตัดสินใจเดินไปบนเส้นทางสัจจะความจริงแห่งชีวิตนั้น แม้จะต้องทนทุกข์ลำบาก หรือได้รับความเจ็บปวดในชีวิตก็ตาม
ความกล้าหาญที่เงียบเป็นพลังการปฏิวัติชีวิตและสังคมอย่างศานติ
และ เสริมสร้างคุณค่าแก่ทุกคน
วันนี้ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์ท้าทาย สถานการณ์ที่ล่อแหลม สถานการณ์ที่ยั่วยุ สถานการณ์ที่คิดร้ายมุ่งหมายทำลาย เราต้องการความกล้าหาญ แต่คงต้องตัดสินใจว่าเราจะมีความกล้าหาญแบบไหน?
ประเด็นเพื่อการใคร่ครวญ
1. จากประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านมา ในชีวิตของท่านได้ใช้ความกล้าหาญแบบไหน? ผลเกิดขึ้นเป็นอย่างไรบ้าง? ท่านได้บทเรียนอะไรจากความกล้าหาญครั้งนั้น?
2. ท่านเคยพบเห็นความกล้าหาญของคนรอบข้างท่านเป็นความกล้าหาญแบบใดบ้าง? และสร้างผลกระทบต่อคนอื่นที่เกี่ยวข้อง
รอบข้างเขา หรือไม่? อย่างไร?
3. ใครคือ “แม่แบบ”
ในความกล้าหาญสำหรับท่าน?
ทำไมท่านถึงเลือกคนๆ นั้นเป็นแม่แบบความกล้าหาญในชีวิตของท่าน?
4. ในวันนี้ ถ้าท่านถูกท้าทายในความกล้าหาญของท่าน
ท่านจะเลือกดำเนินชีวิตที่มีความกล้าหาญแบบไหน?
5. วันนี้ ถ้าท่านต้องเป็น “เพื่อนชีวิต”
ของคนที่ต้องการความกล้าหาญ
ท่านจะเป็นเพื่อนกับคนๆ นั้นอย่างไรบ้าง?
ประสิทธิ์
แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย
เชียงใหม่
E-mail:
prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น