09 พฤศจิกายน 2555

กล้าหาญแบบไหน?


ความกล้าหาญไม่จำเป็นจะต้องแผดเสียงดังลั่น 
หรือต้องชูธงนำหน้าอย่างห้าวหาญ  
แต่บางครั้งความกล้าหาญเป็นเพียงเสียงที่ไร้สำเนียงที่พูดกับตนเองว่า 
“ฉันจะพยายามอีกครั้งหนึ่งในวันพรุ่งนี้”   (นิรนาม)

บ่อยครั้งเหลือเกินเมื่อเราคิดถึงการแสดงออกใน “ความกล้าหาญ”  เรามักมีภาพของคนๆ หนึ่งที่วิ่งเข้าไปในอาคารที่กำลังถูกเพลิงไหม้   เพื่อที่จะช่วยเด็กที่ติดอยู่ในกองเพลิง   หรือสามีกระโดดเข้าใส่มือปืนที่กำลังพุ่งเป้าไปที่ภรรยาของเขา  หรือ ภาพผู้โดยสารคนหนึ่งกระโดดเข้าแย่งอาวุธของโจรสลัดอากาศ   แน่นอนครับภาพเหล่านี้แสดงถึงความกล้าหาญทั้งสิ้น

แต่เราก็เห็นภาพของความกล้าหาญอีกภาพหนึ่งของชีวิตที่ต้องตกอยู่ในความท้าทายวันแล้ววันเล่า   คนที่มีความคิดที่ต้านกระแสความคิดส่วนใหญ่ในเวลานั้นด้วยความอดทน  ถ่อมตน และสุภาพ  เป็นความกล้าหาญของผู้ที่ต้องเผชิญหน้ากับความมืดมิดในชีวิต   ต้องทนทุกข์แสนสาหัส   และเห็นความตายดักรออยู่ข้างหน้า   แต่คนๆ นั้นยังเดินไปบนเส้นทางนั้นอย่างไม่ปริปาก  ไม่หลีกหนี   แต่กล้าหาญด้วยความเงียบ สุขุม  เป็นความกล้าที่ไร้ศัพท์เสียงสำเนียงใดๆ   นอกจากความกล้าหาญที่ค่อยๆ ย่างก้าวไปบนเส้นทางนั้น   ด้วยการยอมรับความทุกข์ยากและเจ็บปวด   เป็นความกล้าหาญเชิงปฏิบัติ   เป็นความกล้าหาญที่ล้มแล้วกลับลุกขึ้นอีก   แล้วยังมั่นคงเดินไปบนเส้นทางนั้น

ที่บริเวณพระวิหาร  พวกธรรมาจารย์และฟาริสี  พาหญิงคนหนึ่งถูกจับฐานล่วงประเวณีมาต่อหน้าประชาชนและพระเยซูเพื่อให้พระองค์ตัดสินว่า  ควรเอาหินขว้างเธอให้ตาย ตามบัญญัติของโมเสสหรือไม่?   ทั้งนี้เพื่อเขาจะหาเหตุฟ้องพระเยซู และทำลายความน่าเชื่อถือของพระองค์
พระเยซูเผชิญหน้าสถานการณ์ครั้งนี้ด้วยความเงียบ!   พระองค์น้อมตัวลงเอานิ้วเขียนที่ดิน   แต่พวกผู้นำศาสนากลับกระเซ้าเย้าแหย่ให้พระเยซูตอบโต้  
ในความเงียบนั่นเอง  พระองค์ตรัสอย่างเรียบง่ายว่า  ถ้าใครในกลุ่มผู้นำศาสนาที่ไม่มีความบาปผิดก็ให้ลงมือได้เลยเป็นคนแรก   แล้วก้มลงเขียนที่พื้นดินอีก
พวกผู้นำศาสนาและพวกยิวพวกนั้นเมื่อได้ยินคำพูดที่สงบเรียบง่ายของพระเยซู ก็ออกไปทีละคน  เริ่มจากคนแก่เฒ่าจนออกไปหมดเหลือแต่พระเยซูกับหญิงคนนั้น
พระเยซูลุกขึ้นยืนถามเธอว่า  พวกเขาหายไปไหนหมด ไม่มีใครเอาโทษเธอหรือ? 
เธอบอกว่า  ไม่มีใคร
พระเยซูบอกเธอว่า  เราก็ไม่เอาโทษเหมือนกัน  จงไปเถิด  และจากนี้ไปอย่าทำบาปอีก
(ยอห์น 8:1-11  ฉบับมาตรฐาน)

นี่เป็นความกล้าหาญที่เงียบ  สุภาพ  สุขุม  มั่นคง และเข้มแข็ง  แต่เต็มไปด้วยพลัง  ความกล้าหาญแบบนี้นอกจากที่จะยืนหยัดบนจุดยืนที่เป็นสัจจะถูกต้องในชีวิตแล้ว   แต่สิ่งสำคัญคือเป็นความกล้าหาญที่เต็มไปด้วยพลัง   คือพลังที่สามารถเรียกสำนึกที่ถูกต้องคืนมา   พลังที่กระตุ้นให้เกิดสำนึกในตนเองของผู้นำศาสนาและคนยิวที่พร้อมจะขว้างหินใส่หญิงคนนี้จนตายเพราะความบาปล่วงประเวณี   กลับพบตนเองว่า  ตนก็คนบาปชั่วเช่นกัน   ความกล้าหาญที่เงียบ สุภาพ สุขุม มั่นคงของพระคริสต์ทำให้หญิงนั้นมิเพียงแต่สำนึกว่าตนเป็นคนบาปผิดเท่านั้น   แต่กลับเป็นพลังที่เข้มแข็งหนุนเสริมให้เธอไม่กลับไปทำผิดบาปอย่างเดิมอีก

ความกล้าหาญที่เงียบ  เป็นความกล้าหาญที่มิได้มีเพื่อจะพิสูจน์ว่าตนเองถูกอีกฝ่ายหนึ่งผิด   มิใช่ความกล้าหาญที่จะเอาแพ้เอาชนะ   มิใช่ความกล้าหาญที่จะนำตนเองไปเหนือคนอื่น   แต่เป็นความกล้าหาญที่จะให้ทุกคนได้ค้นพบตนเอง   ค้นพบสัจจะชีวิต   แล้วตัดสินใจเดินไปบนเส้นทางสัจจะความจริงแห่งชีวิตนั้น   แม้จะต้องทนทุกข์ลำบาก  หรือได้รับความเจ็บปวดในชีวิตก็ตาม

ความกล้าหาญที่เงียบเป็นพลังการปฏิวัติชีวิตและสังคมอย่างศานติ และ เสริมสร้างคุณค่าแก่ทุกคน

วันนี้   เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์ท้าทาย   สถานการณ์ที่ล่อแหลม   สถานการณ์ที่ยั่วยุ   สถานการณ์ที่คิดร้ายมุ่งหมายทำลาย   เราต้องการความกล้าหาญ   แต่คงต้องตัดสินใจว่าเราจะมีความกล้าหาญแบบไหน?

ประเด็นเพื่อการใคร่ครวญ

1. จากประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านมา   ในชีวิตของท่านได้ใช้ความกล้าหาญแบบไหน?   ผลเกิดขึ้นเป็นอย่างไรบ้าง?   ท่านได้บทเรียนอะไรจากความกล้าหาญครั้งนั้น?
2. ท่านเคยพบเห็นความกล้าหาญของคนรอบข้างท่านเป็นความกล้าหาญแบบใดบ้าง?   และสร้างผลกระทบต่อคนอื่นที่เกี่ยวข้อง รอบข้างเขา หรือไม่?  อย่างไร? 
3. ใครคือ “แม่แบบ” ในความกล้าหาญสำหรับท่าน?   ทำไมท่านถึงเลือกคนๆ นั้นเป็นแม่แบบความกล้าหาญในชีวิตของท่าน?
4. ในวันนี้   ถ้าท่านถูกท้าทายในความกล้าหาญของท่าน   ท่านจะเลือกดำเนินชีวิตที่มีความกล้าหาญแบบไหน?
5. วันนี้  ถ้าท่านต้องเป็น “เพื่อนชีวิต” ของคนที่ต้องการความกล้าหาญ   ท่านจะเป็นเพื่อนกับคนๆ นั้นอย่างไรบ้าง?

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น