อ่าน
2เธสะโลนิกา 2:13-17
13 พี่น้องทั้งหลาย
ผู้เป็นที่รักขององค์พระผู้เป็นเจ้า
เราควรขอบพระคุณพระเจ้าเพราะท่านอยู่เสมอ
เพราะว่าพระเจ้าได้ทรงเลือกท่านไว้ตั้งแต่เดิมเพื่อจะได้รับความรอด
โดยการชำระของพระวิญญาณให้บริสุทธิ์ และโดยการเชื่อความจริง
14 พระองค์ทรงเรียกพวกท่านเพื่อการนี้โดยทางข่าวประเสริฐของเรา
เพื่อท่านจะได้ร่วมในศักดิ์ศรีของพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา
15 เพราะฉะนั้น
พี่น้องทั้งหลายจงมั่นคงไว้ และยึดถือคำสอนที่ท่านได้เรียนจากเรา
ไม่ว่าจะด้วย คำพูดหรือด้วยจดหมาย
16ขอให้พระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา
และพระเจ้าพระบิดาของเรา ผู้ทรงรักเรา และ ประทานให้เรามีความชูใจนิรันดร์
และความหวังอันดีโดยพระคุณ 17
ทรงชูใจและทรงเสริมท่านให้มั่นคง
ในการกระทำและในวาจาอันดีทุกอย่าง (ฉบับมาตรฐาน)
เราท่านต่างเคยได้ยินคำพูดที่ว่า
“การทรงเรียกของพระเจ้า” แต่มีความหมายเช่นไรสำหรับเราแต่ละคน?
พระเจ้ายังทรงเรียกผู้คนในปัจจุบันด้วยหรือ?
หรือพระเจ้าทรงเรียกแต่คนในยุคพระคัมภีร์เท่านั้น?
พระเจ้าตรัสเรียกบางคนที่พระองค์ประสงค์จะเรียกเท่านั้นใช่ไหม หรือพระองค์ทรงเรียกเราทุกคน?
พระองค์อาจจะมิได้เรียกด้วยเสียงดัง
แต่พระองค์ยังทรงกระทำพระราชกิจแห่งการทรงเรียกให้ผู้คนติดตามพระองค์ในปัจจุบัน
แล้วพระเจ้าทรงเรียกเราไปทำไม?
ตามความเข้าใจและความเชื่อบนรากฐานพระคัมภีร์ การทรงเรียกมี 3 ลักษณะที่สำคัญดังนี้
1. ทรงเรียกให้มารับความรอด:
เพราะอำนาจแห่งความบาปชั่วได้ฉุดลากกระชากมนุษย์ให้ออกห่างจากพระเจ้า ทำให้ความสัมพันธ์ของมนุษย์กับพระเจ้าต้องฉีกขาดลง ดังนั้น
การทรงเรียกประการแรกของพระองค์ก็เพื่อที่จะเสริมสร้างสัมพันธภาพระหว่างพระเจ้ากับมนุษย์ขึ้นใหม่ โดยพระเจ้าช่วยเราให้หลุดรอดออกจากการอยู่ภายใต้อำนาจความบาปชั่วโดยการเชื่อพึ่งศรัทธาในพระเยซูคริสต์
2. ทรงเรียกเพื่อรับการเปลี่ยนแปลงและเสริมสร้างชีวิตใหม่ในพระคริสต์:
เมื่อเราได้รับการกอบกู้และฉุดช่วยให้กลับมามีสัมพันธภาพใหม่กับพระเจ้า
เกิดการคืนดีกับพระองค์ทางพระเยซูคริสต์แล้ว
ชีวิตของเราในช่วงนี้ยังมิใช่ชีวิตที่มีความสมบูรณ์เข้มแข็ง หรือที่พระคัมภีร์ใช้ภาษาที่ว่า
ชีวิตของเรายังมิได้รับการชำระให้บริสุทธิ์
หมายความว่าชีวิตของเรายังไม่ได้รับการเปลี่ยนแปลงให้มีความคิด
มุมมอง ความเข้าใจ และการดำเนินชีวิตตามพระประสงค์ของพระเจ้า
หมายความว่า
เป้าหมายปลายทางชีวิตของเรายังไปได้เป็นไปตามน้ำพระทัยและพระประสงค์ของพระองค์ แต่ในกระบวนการทรงเรียกในระดับที่สองนี้
เป็นช่วงเวลาที่ชีวิตของเราเริ่มมีเป้าหมายที่มีแนวโน้มที่จะมุ่งไปสู่ทิศทางแห่งพระประสงค์ของพระเจ้า และนี่เป็นพระราชกิจของพระเจ้า โดยผ่านองค์พระวิญญาณบริสุทธิ์ และในส่วนของเราจะต้องเชื่อฟังที่จะมุ่งไปสู่เป้าหมายชีวิตแห่งพระประสงค์ บนจุดนี้ต้องการความตั้งใจ ชีวิตที่อุทิศ มอบถวายทั้งชีวิตของเราแด่พระเจ้า
แต่ถ้าเราเลือกที่จะไม่ยอมเข้าร่วมในกระบวนการการเสริมสร้างชีวิตของเราใหม่ให้เป็นสาวกของพระคริสต์
การพัฒนาสู่ชีวิตสาวกของพระคริสต์ในตัวเราก็จะถูก “แช่แข็ง”
การเติบโตของชีวิตในพระคริสต์ของเราก็จะสะดุดหยุดชะงักไป อย่างนี้พระคัมภีร์เรียกว่า
ชีวิตของเรายังไม่ได้รับการชำระให้บริสุทธิ์
3. ทรงเรียกให้รับใช้:
พระเจ้าทรงเลือกและเรียกผู้เชื่อแต่ละคนให้เข้าร่วมในพระราชกิจของพระองค์ ตามของประทานด้านต่างๆ ตามทักษะความสามารถ ตามทรัพยากร และ
โอกาสที่พระเจ้าทรงประทานให้ และที่สำคัญคือเราแต่ละคนควรเข้าร่วมในพระราชกิจของพระองค์ตามแผนการของพระองค์
และเพื่อให้บรรลุสำเร็จตามน้ำพระทัยและพระประสงค์ของพระองค์
ถ้าเช่นนั้น ทุกวันพระเจ้าทรงเรียกเราทุกคนตามพระประสงค์ของพระองค์
เราคงจำเป็นต้องถามว่า
ทุกวันนี้เราได้ตอบสนองเช่นใดบ้างต่อการทรงเรียกขององค์พระผู้เป็นเจ้า?
เราต้องตระหนักเสมอว่า ทุกวันเมื่อเราดำเนินชีวิตอยู่ต่อพระพักตร์ของพระองค์...
เป็นเวลาที่เราจะต้องรายงานผลการตอบสนองการทรงเรียกของวันที่ผ่านมาแล้วต่อพระองค์
เป็นเวลาที่เราสามารถที่จะทูลปรึกษาพระองค์ถึงสิ่งที่เราไม่มั่นใจ ที่เราไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร
เป็นเวลาที่เราจะต้องสารภาพยอมรับในความหละหลวม ล้มเหลว
ไร้วินัยในชีวิตของเรา
เป็นเวลาที่เราจะทูลขอโอกาสในการเริ่มต้นใหม่ในการตอบสนองการทรงเรียกของพระองค์
เป็นเวลาที่เราจะทูลขอพระปัญญาและการทรงนำ และ
เป็นเวลาที่เราจะทูลขอกำลังจากพระองค์
วันนี้ท่านได้ยินการทรงเรียกของพระเจ้าเช่นไรบ้าง?
วันนี้ท่านตอบสนองการทรงเรียกของพระองค์อย่างไร?
ประสิทธิ์
แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย
เชียงใหม่
E-mail:
prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น