29 พฤษภาคม 2556

รื้อกำแพงแห่งความเกลียดชัง

อ่าน เอเฟซัส 2:14-18

14เพราะพระองค์เองทรงเป็นสันติสุข(สันติภาพ)ของเรา   ผู้ทรงทำให้สองพวกกลายเป็นหนึ่งเดียวกัน  และทรงทำลายสิ่งกีดขวางคือกำแพงแห่งความเกลียดชังที่กีดกั้นลง  

15โดยทรงล้มเลิกบทบัญญัติทั้งหมดของชาวยิว  ซึ่งประกอบด้วยข้อบังคับและกฎระเบียบต่างๆด้วยพระกายของพระองค์   จุดประสงค์ของพระองค์คือเพื่อยุบสองฝ่ายและสร้างขึ้นใหม่เป็นหนึ่งเดียวในพระองค์   เช่นนั้นแหละจึงทรงทำให้มีสันติสุข  

16และในกายเดียวกันนี้ทั้งสองพวกจึงกลับคืนดีกับพระเจ้าโดยทางกางเขน   ซึ่งพระองค์ใช้ทำลายความเป็นศัตรูกันให้หมดสิ้นไป  (ข้อ 14-16  อมตธรรม ในวงเล็บ มตฐ)

เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 1987   เราท่านได้ชมข่าวทางโทรทัศน์ถึงการทุบกำแพงเบอลินที่ขวางกั้นแบ่งแยกระหว่างเยอรมันตะวันออกจากตะวันตก   ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกาได้กล่าวต่อหน้าฝูงชนกว่า 40,000 คนที่อยู่ที่นั่น   และประธานาธิบดีกอร์บาชอฟ และ ประธานธิบดีเรแกนประกาศว่า  “ให้พังทลายกำแพงนี้ลง!

พระเยซูคริสต์เสด็จมากระทำให้เกิดสันติภาพระหว่างพวกยิวและพวกต่างชาติ   พระองค์จึงต้องทำลายกำแพงที่ขวางกั้นระหว่างคนสองพวกนี้ลง   ตามที่เขียนไว้ในพระธรรมเอเฟซัส 2:14 ว่า  พระคริสต์ “ทรงทำลายสิ่งกีดขวางคือกำแพงแห่งความเกลียดชังที่กีดกั้นลง”      จริงๆ แล้วกำแพงที่พระคริสต์ทรงทำลายลงนั้นเป็นกำแพงที่กีดขวางกั้นอะไรกันแน่?  

นักพระคัมภีร์มองในสองความหมายที่ต่อเนื่องกัน

ในความหมายแรก   สิ่งที่เป็นกำแพงขวางกั้นในที่นี้หมายถึงการแบ่งแยกพื้นที่ในพระมหาวิหารของยิว   ซึ่งแบ่งแยกชัดเจนว่าพื้นที่ใดสำหรับพวกยิวเท่านั้น   คนที่ไม่ใช่ยิวห้ามเข้าเด็ดขาด   ถ้าขืนเข้ามาด้วยความตั้งใจหรือพลั้งเผลอก็ตามจะต้องถูกนำไปเอาหินขว้างให้ตายตามบทบัญญัติของโมเสส   คนที่ไม่ใช่ยิวเมื่อมาที่พระมหาวิหารจะต้องอยู่ในพื้นที่สำหรับคนต่างชาติเท่านั้น   ในที่นี้ชี้ให้เห็นว่า “กำแพง” ที่ว่านี้เป็นพลังแห่งการแบ่งแยกอย่างรุนแรงในความเป็นยิวและคนต่างชาติ   รุนแรงถึงขนาดคอขาดบาดตายเลยทีเดียว   แรงยิ่งกว่านั้นเป็นการที่พวกยิวกีดกันขัดขวางไม่ให้คนต่างชาติเข้าถึงพระเจ้า

ในอีกความหมายหนึ่ง  คำกล่าวถึงกำแพงที่แบ่งแยกความเป็นยิวกับความเป็นคนต่างชาตินี้เป็นการกล่าวอ้างบ่งชี้ถึง โทราห์ บทบัญญัติของพวกยิว   นักเขียนยิวท่านหนึ่งเขียนถึงความจริงในเรื่องนี้ว่า  โมเสสเป็นผู้ที่ตั้งรั้วรอบขอบชิดเพื่อปกป้องความเป็นยิว เป็นปราการที่ยากจะรื้อพังทลายลงได้   เป็นกฎเหล็กเป็นกำแพงเหล็กที่ปกป้องรักษาไม่ให้คนยิวต้องมลทินด่างพร้อยจากพวกคนต่างชาติ (Letter of Aristear 139).

ความจริงปรากฏว่า การแบ่งแยก  การกีดกัน  การขวางกั้นมิได้เป็นเพียงกำแพงการแบ่งพื้นที่พระมหาวิหารในบทบัญญัติของโมเสส เท่านั้น   แต่กลับซึมลึกหยั่งรากเกาะยึดในจิตใจ  จิตสำนึก  และจิตวิญญาณของยิวด้วย   กลายเป็นการเหยียดเผ่าพันธุ์   เกลียดชัง  ไม่คบค้าพูดคุยด้วยถ้าไม่จำเป็น  จนมีใจที่เป็นปรปักษ์เป็นศัตรูกัน

พระธรรมเอเฟซัสตอนนี้กล่าวว่า

15...(พระเยซูคริสต์)ทรงล้มเลิกบทบัญญัติทั้งหมดของชาวยิว  ซึ่งประกอบด้วยข้อบังคับและกฎระเบียบต่างๆ ด้วยพระกายของพระองค์   จุดประสงค์ของพระองค์คือเพื่อยุบสองฝ่ายและสร้างขึ้นใหม่เป็นหนึ่งเดียวในพระองค์   เช่นนั้นแหละจึงทรงทำให้มีสันติสุข  

16และในกายเดียวกันนี้ทั้งสองพวกจึงกลับคืนดีกับพระเจ้าโดยทางกางเขน   ซึ่งพระองค์ใช้ทำลายความเป็นศัตรูกันให้หมดสิ้นไป

จึงเกิดชุมชนสาวกของพระคริสต์   รวมตัวขึ้นเรียกตนเองว่าคริสตจักร  เป็นชุมชนของสาวกพระคริสต์ที่มิถูกจำกัดด้วยเผ่าพันธุ์แต่เป็นชุมชนสาวกพระคริสต์จากมนุษยชาติ    เวลาผ่านไปจนถึงปัจจุบัน  พวกเราในประเทศไทย  เกิดคำถามที่ท้าชวนเราต้องกลับมามองชุมชนคริสตจักรไทยเองว่า   อะไรเป็น “กำแพง” ที่กีดกัน  ขวางกั้นเราออกจากคริสตชนคนอื่นๆ บ้างในปัจจุบัน   ตั้งแต่วัย  สถานภาพทางสังคม  เศรษฐกิจ  วัฒนธรรม   ชาติพันธุ์  สติปัญญา   ความคิดที่แตกต่าง   โลกทัศน์ที่ไม่เหมือนกัน   ชีวะทัศน์คนละแนว   ศาสนศาสตร์คนละค่าย   เป็นคนละพวกคนละพรรคการเมืองในคริสตจักร  มาจากต่างลัทธินิกายทั้งๆ ที่มีพระคริสต์องค์เดียวกัน   เลือกที่จะเป็นมิตรหรือสนิทกับคนที่เราชอบเท่านั้น

สิ่งที่คริสตจักรมิได้ตระหนักและรู้เท่าทันตนเองในพฤติกรรมนี้คือ   คริสตจักรกำลังกีดกันและปิดกั้นมิให้ผู้คนเข้าถึงพระคริสต์   และปิดตนเองจากน้ำพระทัยของพระองค์ด้วย   เพราะพระคริสต์ทรงทำลายกำแพงเหล่านั้นลงด้วยพระชนม์ชีพของพระองค์    แต่คริสตชนปัจจุบันกำลังก่อกำแพงในจิตใจขึ้นใหม่   มิเพียงกีดกันคนอื่นจากตนเท่านั้น   แต่ขวางกั้นพระคริสต์จากชีวิตตนเองด้วย

ประเด็นสำหรับการใคร่ครวญ

1. ท่านเคยมีประสบการณ์ หรือ พบเห็นการรื้อกำแพงแห่งความเกลียดชังกันลงบ้างหรือไม่?   เรื่องอะไร?  เมื่อใด?

2. ในชีวิตของท่านเองปัจจุบันนี้   ยังมี “กำแพงแห่งความเกลียดชัง” ในชีวิตจิตใจอะไรบ้างที่ท่านต้องการขอให้พระคริสต์ทรงช่วยรื้อทำลายกำแพงนั้นลง?

3. ถ้าพระคริสต์ทรงรื้อทำลายกำแพงในชีวิตจิตใจของท่านลงแล้ว   ท่านคิดว่าท่านควรจะดำเนินชีวิตแบบไหนเช่นไรต่อไป?

ภาวนาใคร่ครวญ

พระเยซูคริสต์  องค์พระผู้เจ้าของข้าพระองค์ทั้งหลาย ผู้เปี่ยมด้วยพระทัยเมตตากรุณา

ขอบพระคุณพระองค์ที่ทรงรื้อทำลายกำแพงแห่งความเกลียดชังเดียดฉันท์ระหว่างพวกยิวและคนต่างชาติลง   และขอบพระคุณพระองค์ที่ทรงรื้อกำแพงแห่งความเกลียดชังในปัจจุบันลงด้วย   กำแพงที่ขวางกั้นตนเองจากคนอื่น  เช่น จากคนในครอบครัว  จากเพื่อนร่วมงาน   จากชาติพันธุ์ที่มาอยู่ทำกินและทำงานในชุมชน   จากการที่เป็นคนในคนละพรรคคนละพวก  คนละสี   แบ่งแยกกีดกันกันเพราะคนละประเทศ   ข้าแต่พระเจ้ายังมีลักษณะการแบ่งแยกอื่นๆ อีกมากมาย   และความจริงก็คือว่า  กำแพงเดียวกันนี้ก็กีดกั้นตัวข้าพระองค์เองจากพระองค์ด้วย

ด้วยจิตใจที่ขวางกั้นจากกำแพงแห่งความเกลียดชังนี้เอง   ที่ทวีแรงแห่งความเกลียดชังและความรุนแรง   โปรดเมตตาข้าพระองค์ด้วยพระองค์เจ้าข้า   ขอทรงรื้อถอนกำแพงเหล่านั้นที่กั้นข้าพระองค์ไว้ออกไป   และโปรดสร้างข้าพระองค์ขึ้นใหม่   เพื่อพระองค์จะทรงใช้ข้าพระองค์ในพระราชกิจของพระองค์   ในการเสริมสร้างสันติภาพในคริสตจักรเพื่อเกิดสันติสุขในชุมชนนี้   และถ้าเป็นน้ำพระทัยของพระองค์   ข้าพระองค์ขอน้อมรับเข้าร่วมในกระบวนการรื้อถอนกำแพงแห่งความเกลียดชังในพระราชกิจของพระองค์ในโลกนี้   ด้วยการทรงนำจากพระองค์ และ พระกำลังหนุนเสริมจากพระวิญญาณบริสุทธิ์   อาเมน

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com

081-2894499

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น