27 พฤษภาคม 2556

คริสตชน...ที่มักได้ เห็นแก่ตัว?

อ่าน ยอห์น 6:22-27

เมื่อพวกเขาพบพระองค์ที่ฝั่งทะเลสาบข้างโน้นแล้ว   เขาทูลพระองค์ว่า

“ท่านอาจารย์   ท่านมาที่นี่เมื่อไหร่?”   พระเยซูตอบเขาว่า

“เราบอกความจริงกับพวกท่านว่า   ท่านตามหาเราไม่ใช่เพราะเห็นหมายสำคัญ   แต่เพราะได้กินขนมปังอิ่ม   อย่าทำงานเพื่อแสวงหาอาหารที่เสื่อมสูญได้   แต่จงแสวงหาอาหารที่คงทนอยู่จนถึงชีวิตนิรันดร์   ซึ่งบุตรมนุษย์จะมอบให้กับพวกท่าน...”   (ข้อ 25-27 มตฐ.)

อะไรที่สำคัญกว่ากันสำหรับท่าน

พระเยซูคริสต์เป็นใคร?   กับ   พระคริสต์ทำอะไรเพื่อท่านได้บ้าง?

สิ่งที่น่ากลัวก็คือ  คริสตชนในปัจจุบันจำนวนมากมายสนใจแต่ว่าพระเยซูคริสต์สามารถทำหรือให้อะไรแก่เรามากกว่าที่จะสนใจรู้ว่าพระองค์เป็นผู้ใด?

ประเด็นนี้มิใช่ปรากฏการณ์ใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้นในสมัยของเรา   พระเยซูพบกับปัญหานี้ในยุคที่พระองค์ทรงกระทำพระราชกิจบนแผ่นดินโลกนี้   ส่วนมากแล้วประชาชนแสวงหาพระเยซูคริสต์โดยคาดหวังพระองค์จะทรงกระทำบางสิ่งบางประการเพื่อพวกเขา   ซึ่งความต้องการเหล่านี้หลายเรื่องเป็นสิ่งที่ดูเหมือนว่าไม่น่าจะเป็นการผิด   แต่พระคริสต์ทรงรู้ซึ้งถึงเจตนา และ แรงจูงใจของพวกเขา

มีเส้นแบ่งที่เล็กบางเฉียบเฉกเช่นเส้นผม  ระหว่างความเห็นแก่ตัวของเราที่พยายามที่จะใช้ให้องค์พระผู้เป็นเจ้าทำบางสิ่งที่เราต้องการกับการที่เราเข้าเฝ้าพระองค์ด้วยใจถ่อมเพื่อทูลขอพระองค์ในเรื่องที่จำเป็นสำหรับเราและในเรื่องที่เราต้องสู้เผชิญอยู่    บ่อยครั้งเรานำบางเรื่องบางประเด็นเข้าทูลต่อพระเยซูคริสต์ด้วยความรีบร้อน รีบด่วนในความคิดของเรา   และเราปรารถนาที่จะเร่งเร้าให้พระองค์จัดการกับเรื่องดังกล่าวในวิถีทางที่เราต้องการมากกว่าที่เราจะเต็มใจและไว้ใจมอบเรื่องดังกล่าวให้เป็นไปตามน้ำพระทัยของพระองค์   ในเวลาเช่นนั้นสิ่งที่เราเรียกว่า “ความเชื่อ” แท้จริงแล้วเป็นวิญญาณแห่งการเรียกร้องต้องการตามใจของเรา

เราจำเป็นต้องตระหนักไว้เสมอว่า  ความจำเป็นต้องการของเรามีวันสิ้นสุด   แต่พระคริสต์ทรงเป็นอยู่เสมอตลอดไปเป็นนิตย์   ถ้าการอธิษฐานของเรามีแต่ทูลขอเรียกร้องสิ่งที่เราต้องการต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า   เราได้สูญเสียโอกาสสำคัญยิ่งใหญ่ที่เราจะรู้จักองค์พระผู้เป็นเจ้า   ที่เราจะมีชีวิตที่ครบบริบูรณ์นิรันดร์ในพระองค์   ให้เราใช้เวลาในการติดตามหาความใกล้ชิดติดสนิทกับพระคริสต์   เพื่อว่าเราจะสามารถมีความชื่นชมยินดีจากสัมพันธภาพที่เรามีในพระองค์แต่ละวันและตลอดไป

แต่ละวัน   เราได้อุทิศทุ่มเทเวลามากน้อยแค่ไหนในการติดสนิทใกล้ชิดกับพระองค์   ขึ้นอยู่กับเจตนาความตั้งใจ  และแรงจูงใจของเราแต่ละคน   ในแต่ละวันเรามีเวลาที่จะรู้จักพระองค์สักแค่ไหน?   พระเจ้าทรงยินดีเมื่อลูกของพระองค์อธิษฐานต่อพระองค์   และทูลทุกเรื่องราวต่อพระองค์   แต่เราคงต้องรู้เท่าทันตนเองว่า  เมื่อเราทูลอธิษฐานต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าเรามีเจตนา  แรงจูงใจ  สิ่งกระตุ้นอะไร  และมีความตั้งใจลึกๆ อย่างไร   เพราะพระองค์ทรงสดับฟังคำร้องทูลอธิษฐานของเราและในเวลาเดียวกัน พระองค์ทอดพระเนตรลงในส่วนลึกแห่งจิตใจ  แรงกระตุ้นต้องการ   และเจตนาจูงใจของการร้องทูลของเราในทุกเรื่อง  

...  ผมถามตนเองว่า ถ้าเราไม่มีสิ่งต้องการจำเป็นแล้ว   เรายังจะอธิษฐานทูลต่อพระองค์หรือไม่?

แท้จริงแล้ว  องค์พระผู้เป็นเจ้ามีพระประสงค์ให้เราเข้าใกล้ชิดพระองค์เพื่อที่จะมีเวลาแห่งความปีติสุขร่วมกับพระองค์ด้วย

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com

081-2894499

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น