อ่าน
ยอห์น 6:22-27
เมื่อพวกเขาพบพระองค์ที่ฝั่งทะเลสาบข้างโน้นแล้ว เขาทูลพระองค์ว่า
“ท่านอาจารย์ ท่านมาที่นี่เมื่อไหร่?” พระเยซูตอบเขาว่า
“เราบอกความจริงกับพวกท่านว่า ท่านตามหาเราไม่ใช่เพราะเห็นหมายสำคัญ แต่เพราะได้กินขนมปังอิ่ม
อย่าทำงานเพื่อแสวงหาอาหารที่เสื่อมสูญได้
แต่จงแสวงหาอาหารที่คงทนอยู่จนถึงชีวิตนิรันดร์ ซึ่งบุตรมนุษย์จะมอบให้กับพวกท่าน...” (ข้อ 25-27 มตฐ.)
อะไรที่สำคัญกว่ากันสำหรับท่าน
พระเยซูคริสต์เป็นใคร? กับ
พระคริสต์ทำอะไรเพื่อท่านได้บ้าง?
สิ่งที่น่ากลัวก็คือ คริสตชนในปัจจุบันจำนวนมากมายสนใจแต่ว่าพระเยซูคริสต์สามารถทำหรือให้อะไรแก่เรามากกว่าที่จะสนใจรู้ว่าพระองค์เป็นผู้ใด?
ประเด็นนี้มิใช่ปรากฏการณ์ใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้นในสมัยของเรา พระเยซูพบกับปัญหานี้ในยุคที่พระองค์ทรงกระทำพระราชกิจบนแผ่นดินโลกนี้ ส่วนมากแล้วประชาชนแสวงหาพระเยซูคริสต์โดยคาดหวังพระองค์จะทรงกระทำบางสิ่งบางประการเพื่อพวกเขา
ซึ่งความต้องการเหล่านี้หลายเรื่องเป็นสิ่งที่ดูเหมือนว่าไม่น่าจะเป็นการผิด แต่พระคริสต์ทรงรู้ซึ้งถึงเจตนา และ
แรงจูงใจของพวกเขา
มีเส้นแบ่งที่เล็กบางเฉียบเฉกเช่นเส้นผม ระหว่างความเห็นแก่ตัวของเราที่พยายามที่จะใช้ให้องค์พระผู้เป็นเจ้าทำบางสิ่งที่เราต้องการกับการที่เราเข้าเฝ้าพระองค์ด้วยใจถ่อมเพื่อทูลขอพระองค์ในเรื่องที่จำเป็นสำหรับเราและในเรื่องที่เราต้องสู้เผชิญอยู่ บ่อยครั้งเรานำบางเรื่องบางประเด็นเข้าทูลต่อพระเยซูคริสต์ด้วยความรีบร้อน
รีบด่วนในความคิดของเรา
และเราปรารถนาที่จะเร่งเร้าให้พระองค์จัดการกับเรื่องดังกล่าวในวิถีทางที่เราต้องการมากกว่าที่เราจะเต็มใจและไว้ใจมอบเรื่องดังกล่าวให้เป็นไปตามน้ำพระทัยของพระองค์ ในเวลาเช่นนั้นสิ่งที่เราเรียกว่า “ความเชื่อ”
แท้จริงแล้วเป็นวิญญาณแห่งการเรียกร้องต้องการตามใจของเรา
เราจำเป็นต้องตระหนักไว้เสมอว่า ความจำเป็นต้องการของเรามีวันสิ้นสุด แต่พระคริสต์ทรงเป็นอยู่เสมอตลอดไปเป็นนิตย์ ถ้าการอธิษฐานของเรามีแต่ทูลขอเรียกร้องสิ่งที่เราต้องการต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า เราได้สูญเสียโอกาสสำคัญยิ่งใหญ่ที่เราจะรู้จักองค์พระผู้เป็นเจ้า ที่เราจะมีชีวิตที่ครบบริบูรณ์นิรันดร์ในพระองค์
ให้เราใช้เวลาในการติดตามหาความใกล้ชิดติดสนิทกับพระคริสต์ เพื่อว่าเราจะสามารถมีความชื่นชมยินดีจากสัมพันธภาพที่เรามีในพระองค์แต่ละวันและตลอดไป
แต่ละวัน
เราได้อุทิศทุ่มเทเวลามากน้อยแค่ไหนในการติดสนิทใกล้ชิดกับพระองค์ ขึ้นอยู่กับเจตนาความตั้งใจ และแรงจูงใจของเราแต่ละคน
ในแต่ละวันเรามีเวลาที่จะรู้จักพระองค์สักแค่ไหน? พระเจ้าทรงยินดีเมื่อลูกของพระองค์อธิษฐานต่อพระองค์ และทูลทุกเรื่องราวต่อพระองค์ แต่เราคงต้องรู้เท่าทันตนเองว่า
เมื่อเราทูลอธิษฐานต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าเรามีเจตนา แรงจูงใจ
สิ่งกระตุ้นอะไร
และมีความตั้งใจลึกๆ อย่างไร
เพราะพระองค์ทรงสดับฟังคำร้องทูลอธิษฐานของเราและในเวลาเดียวกัน พระองค์ทอดพระเนตรลงในส่วนลึกแห่งจิตใจ แรงกระตุ้นต้องการ และเจตนาจูงใจของการร้องทูลของเราในทุกเรื่อง
... ผมถามตนเองว่า
ถ้าเราไม่มีสิ่งต้องการจำเป็นแล้ว
เรายังจะอธิษฐานทูลต่อพระองค์หรือไม่?
แท้จริงแล้ว องค์พระผู้เป็นเจ้ามีพระประสงค์ให้เราเข้าใกล้ชิดพระองค์เพื่อที่จะมีเวลาแห่งความปีติสุขร่วมกับพระองค์ด้วย
ประสิทธิ์
แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย
เชียงใหม่
E-mail:
prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น