13 พฤษภาคม 2556

ผู้นำคือ...ผู้สร้างผู้นำ


เมื่อมองเรื่องผู้นำองค์กร  หน่วยงาน  สถาบันภายใต้สภาคริสตจักร และ สหกิจคริสเตียนแล้วเราพบความจริงประการหนึ่งคือ   ผู้นำแต่ละคนในปัจจุบันต่างมุ่งมั่นทุ่มเทบริหารจัดการอย่างเต็มกำลังของตนเอง   เพื่อตนจะมีผลงานที่โดดเด่นและน่าเชื่อถือ  มีชื่อเสียง  เพื่อผู้คนจะเรียกและเลือกใช้ต่อไปในระดับที่สูงขึ้นไป

แต่ผู้นำที่เรามีอยู่ในปัจจุบันส่วนใหญ่มีการทุ่มเทและตั้งใจ “ที่จำกัด” ในการสร้างคนในทีมและคนรอบข้างให้เป็นผู้ที่มีความสามารถในการทำงานนำในระดับต่างๆ   ในที่นี้รวมถึงศิษยาภิบาลด้วยครับ  ศิษยาภิบาลหลายท่านสบายใจที่จะลงมือทำเองจนงานสำเร็จ   แต่ขาดการพยายามเสริมสร้างผู้คนสมาชิกรอบข้างให้มีภาวะผู้นำในพันธกิจการรับใช้    บ้างก็ตกในภาวะไม่รู้จะสร้างใคร หรือ สร้างคนอื่นให้เป็นผู้นำอย่างไร

ผู้นำของเราขาดการทุ่มเทสร้างคนอื่นขึ้นมาเป็นผู้นำขององค์กรครับ!   จนมีคนกล่าวเปรยว่า “นี่แกตั้งใจจะตายคาเขียงเลยหรือนี่?” 

เป็นการดีที่เรามีผู้นำที่สร้างผลงานได้   แต่เราต้องการมากกว่านั้นครับ

เราต้องการผู้นำที่มีน้ำใจ  ตั้งใจ  ทุ่มเท อุทิศตน  และมีความสามารถในการสร้างคนอื่นในองค์กรให้เป็นผู้นำครับ!

จอห์น แม็กซ์แวลล์  ได้เขียนไว้ในหนังสือชื่อ The 15 Invaluable Laws of Growth ว่า   นอกจากตัวท่านเกิดการพัฒนาตนเองแล้ว  ยังทำให้ท่านเป็นผู้ที่สามารถที่จะช่วยผู้อื่นให้เติบโตเป็นผู้นำได้ด้วย   ท่านกล่าวอีกว่า   การที่ท่านได้รับความมั่นใจในการพัฒนาเติบโตในชีวิตจนเป็นคนที่น่าเชื่อถือ  เสริมหนุนให้ท่านเริ่มที่จะช่วยพัฒนาคนอื่น   และด้วยการกระทำเช่นนี้นี่เองที่ท่านพบกับความชื่นชมยินดีในชีวิตที่ใหญ่ยิ่ง และ เป็นของขวัญอันล้ำค่าสำหรับชีวิตของท่าน

จากประสบการณ์การทำงานในชีวิตของท่าน   ทำให้ท่านเชื่ออย่างมั่นใจว่า   สิ่งที่ทำให้เราในฐานะผู้นำพึงพอใจอย่างมากเมื่อเราได้เห็นผลที่เกิดขึ้นในชีวิตของผู้คนที่เราทุ่มเทหนุนเสริมให้เขาพัฒนาขึ้นเป็นผู้นำ   ท่านอธิบายว่า   การที่เรามีประสบการณ์ชีวิตที่เติบโตและเข้มแข็งขึ้น  ทำให้เราสามารถที่จะหนุนเสริมช่วยคนอื่นให้เติบโตขึ้นในชีวิตของเขาด้วย

อย่างไรก็ตาม  ถึงแม้ว่าท่านจะให้ความรู้และฝึกทักษะแก่ผู้คนรอบข้างด้วยใจกว้างขวางแล้ว   ท่านยังต้องทุ่มเทตั้งใจในการเสริมเพิ่มคุณค่าในผู้คนเหล่านั้น   จอห์นได้กล่าวไว้อย่างน่าสนใจว่า  การที่เราจะหนุนเสริมเพิ่มพลังอย่างสร้างสรรค์ในคนอื่นรอบข้างเราได้นั้น   ขึ้นอยู่กับมุมมอง กรอบคิดของเราในการที่จะมีชีวิตเพื่อผู้อื่น  

ต่อไปนี้   เป็นมุมมองและกรอบคิด  7 ประการ   ที่เราจะอุทิศมุ่งมั่นในการเสริมสร้างภาวะผู้นำแก่คนรอบข้างให้เติบโตขึ้นก้าวสู่การเป็นผู้นำต่อไปดังนี้

1. ซาบซึ้งในพระคุณ

การที่คนๆ หนึ่งสามารถพัฒนาและเติบโตเป็นผู้นำขึ้นมาได้   มิได้เป็นเพราะคนๆ นั้นมีความสามารถจนทำตน หรือ “ถีบตนเอง” ให้ขึ้นมาเป็นผู้นำด้วยความสามารถของเขาเองเท่านั้น    แต่การที่คนนั้นเติบโตจนขึ้นมาเป็นผู้นำได้นั้นเพราะเขาได้รับการบ่มเพาะ เสริมสร้าง จากคนรอบข้างในชีวิตของเขา   ในความเชื่อของคริสตชน เรามองว่านี่เป็น “พระคุณของพระเจ้า”   พระคุณที่พระเจ้าทรงหนุนเสริมเพิ่มพลังชีวิตแก่คนๆ นั้นให้เติบโตขึ้น   เป็นพระคุณที่พระเจ้าทรงใช้คนอื่นหนุนเสริมและพัฒนาเขาให้ขึ้นมาเป็นผู้นำ   เป็นพระคุณของพระเจ้าที่ทรงไว้วางใจเรียกเขาให้เป็นผู้นำ   เป็นพระคุณของพระเจ้าที่แม้คนๆ นั้นเคยล้มเหลวในงานที่ทรงมอบหมาย  แต่พระองค์ยังให้โอกาสใหม่  และเอาใจใส่เขาครั้งแล้วครั้งเล่า   เป็นพระคุณของพระเจ้า ที่องค์กร ชุมชนไว้วางใจเขาให้นำ   และตั้งใจที่จะหนุนเนื่องการนำของเขา

แต่มีผู้นำของเราสักกี่คนหนอ ที่สำนึกในพระคุณของพระเจ้า และ บุญคุณของชุมชนและองค์กร!

การที่ผู้นำคนใดจะมีใจสร้างคนอื่นให้เป็นผู้นำ ผู้นั้นต้องสำนึกในพระคุณประการข้างต้น

เรามักได้ยินได้เห็นผู้นำของเราภาคภูมิใจในความสามารถของเขาเอง   เขาพูดแต่ความสำเร็จของเขา   เขาสนใจแต่ตัวเขาเอง   เขาไม่เห็นพระคุณของพระเจ้า  และบุญคุณของผู้คนรอบข้างเขา   เขาตั้งหน้าตั้งตาใช้คนรอบข้างเป็น “เบี้ย” ที่จะเดินเกมบริหารงานของเขา   เพื่อบรรลุผลประโยชน์ส่วนตนให้ได้สูงสุด

เรามีผู้นำแบบนี้มากมายในองค์กรของเรา   เขาจะไม่สร้างคนรอบข้างให้พัฒนาขึ้นมานำองค์กรของเขาในระดับต่างๆ ครับ    เพราะเขามองว่า คนพวกนี้ไม่มีความสามารถ   มือไม่ถึง  คิดผิดพลาด(จากแนวคิดของเขาเอง)   ผู้นำประเภทนี้นอกจากไม่สำนึกในพระคุณแล้ว   เขายังไม่ไว้วางใจคนรอบข้างด้วย   เพราะต้องคอยระแวดระวังไม่ให้ใครเก่งแซงหน้าขึ้นมายึดตำแหน่งและอำนาจของตน

เมื่อผู้นำไม่ไว้วางใจคนอื่นเช่นนี้แล้ว   เขาจะสนใจเสริมสร้างพัฒนาคนอื่นขึ้นมาเป็นผู้นำได้อย่างไร?

2. คนมาก่อนสิ่งอื่นใด

ผู้นำในองค์กร สถาบันของเราทุกคนต่างให้คุณค่าของคนมาก่อนสิ่งอื่นใดครับ

แต่คนที่ว่านี้มีเพียงคนเดียวที่มาก่อนสิ่งอื่นใด    ตัวเขาเองยังไงครับ!

จอห์น กล่าวจากประสบการณ์ของท่านว่า  ถ้าเราให้คุณค่าแก่คนในองค์กรของเราเหนือสิ่งอื่นใด   เราก็จะเสริมสร้างทุ่มเทชีวิตแก่คนเหล่านั้น   และสร้างเขาก้าวขึ้นมา   และคนเหล่านี้ก็จะสร้างเสริมพัฒนาคนอื่นในทีมงานของเขาให้เกิดการพัฒนาเป็นผู้ที่มีความสามารถมากขึ้นเป็นวงจรลูกโซ่   จนกระทั่งผู้นำคนนั้นจากโลกนี้ไปแล้ว   วงจรนี้ยังขับเคลื่อนต่อไป  

รับประกันว่า  วงจรนี้ไม่ตายคาเขียงครับ!

เมื่อผู้นำคิดถึงความสำเร็จในชีวิต  ผู้นำระลึกถึงอะไร?   ผู้นำคนนั้นคิดถึงคนเหล่านั้นที่มีส่วนร่วมในการเสริมสร้างความสำเร็จและชัยชนะดังกล่าวหรือไม่?   แท้จริงแล้วผู้คนรอบข้างมีส่วนอย่างมหาศาลในชีวิตการงานของเราในฐานะผู้นำ   และการกระทำของผู้นำก็สร้างผลกระทบกับผู้คนมากมายด้วยเช่นกัน   ด้วยการเสริมสร้างผู้คนในทีมงานในองค์กรของเราเป็นประการแรกสุด   นั่นแสดงออกมาชัดเจนว่า   เราเห็นคุณค่าของผู้คนในทีมงานในองค์กรของเรา   และต้องการเสริมหนุนให้ผู้คนเหล่านี้ได้รับคุณค่าที่เติบโตขึ้นในการทำงานและในความเป็นคน

3. อย่าตกเป็นคนของใครในองค์กร

เป็นการยากที่ท่านจะให้ตนเองกับคนในทีมงานและองค์กร   ถ้าตัวท่านเองตกเป็นคนของคนใดคนหนึ่ง หรือ กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง (เช่น พรรค หรือ พวก)   ผู้นำจะต้องเป็นคนที่มีคุณค่าสำหรับทุกคนในองค์กร   โดยไม่มีเงื่อนไขผูกมัดใดๆ

ถึงแม้เราจะได้ประโยชน์จากผู้อื่นตลอด   แต่ต้องไม่ทำให้เราตกเป็นหนี้(บุญคุณ)ในประโยชน์ที่เราได้รับนั้น   เมื่อเราตกเป็นคนของใครคนใดคนหนึ่ง   เราหมดโอกาสที่จะให้สิ่งที่เราปรารถนาและสิ่งที่ต้องการให้แก่ผู้อื่น   ในฐานะผู้นำเราต้องมีอิสระในการให้แก่ผู้คนในเวลาที่เราเห็นว่าจำเป็นและเหมาะสม

4. มองความสำเร็จที่ “การหว่าน” มิใช่ที่ “การเกี่ยว”

ถ้าท่านตั้งใจที่จะสร้างสิ่งที่แตกต่างในชีวิตของผู้คน   ชีวิตของท่านต้องเต็มเปี่ยม  มิใช่ว่างเปล่า!

บ่อยครั้งนัก  ที่ผู้คนหว่านพืชเพื่อหวังผลอย่างรวดเร็ว   แล้วก็จะเกิดความสิ้นหวังท้อแท้ใจเมื่อผลไม่เกิดอย่างคาดคิด   แต่เมื่อใดที่ผู้นำหว่าน  เขาต้องเตรียมพร้อมที่จะรอคอยการเก็บเกี่ยวในเวลาที่เหมาะสม   ในเวลาของการรอคอยนั้นให้ผู้นำถอยสักก้าวแล้วตรวจสอบถึงผลกระทบมากมายที่ผู้นำมีต่อผู้อื่นในชีวิต   และนั่นคือเหตุผลที่แท้จริงในชีวิตความสำเร็จของผู้นำ

5. มุ่งมองที่การพัฒนาตนเอง มิใช่ความสำเร็จในตนเอง

ความสำเร็จในตนเอง คือการที่เราทำในสิ่งที่เราชอบและสนุก  และจะได้รับผลที่ทำลงไป  

ในขณะที่การพัฒนาตนเองหมายถึงการกระทำใดๆ ที่ตนใช้ทักษะความสามารถที่ตนมีอยู่ในตัว   และงานที่ทำสอดคล้องกับทักษะความสามารถที่ตนมี   และเป็นการกระทำด้วยความรับผิดชอบ  

ในการที่ผู้นำมุ่งมองไปที่การพัฒนาตนเอง   เราได้ทำให้ผู้อื่นได้เห็นแจ้งชัดถึงการเติบโตขึ้นในตัวเรา   และนี่คือประตูที่เปิดออกให้เราสามารถช่วยคนอื่นให้เติบโตขึ้นด้วย   จงฉวยทุกโอกาสในการพัฒนาตนเอง

6. เติบโตอย่างไม่หยุดหย่อนเพื่อเป็นผู้ให้อย่างต่อเนื่อง

เมื่อใดก็ตามที่ผู้นำหย่อนยานการเรียนรู้และถดถอยการเติบโตอย่างสร้างสรรค์   เมื่อนั้นเวลาโอกาสและสิ่งที่เขาจะให้แก่ผู้อื่นก็จะลดน้อยถอยลงด้วย   จนในที่สุดเขาไม่มีอะไรที่จะให้คนอื่นได้

เมื่อใดก็ตามที่ผู้นำเกิดผลน้อยย่อมสร้างความไม่พึงพอใจ    ผู้นำจะต้องทำให้เกิดผล   หรืออย่างน้อยก็ต้องไม่เกิดการสูญเสีย หรือไม่เกิดการเสียหาย    ผู้นำที่ตามขึ้นมาจะเรียนรู้จากผู้ที่นำเขาอย่างดี   ภาวะผู้นำก็จะเกิดการเติบโตอย่างตั้งใจ

7. เป็นผู้นำที่นับพระพร ด้วยการสำนึกในพระคุณ

การเป็นผู้นำคริสตชน  เริ่มต้นด้วยพระคุณ และ ลงท้ายด้วยพระคุณ

เมื่อถึงการสิ้นสุดในแต่ละวัน   ผมขอเสนอให้ผู้นำมีเวลาที่จะนับพระพรต่อพระพักตร์พระเจ้า   พระพรที่ทรงประทานตรงมาจากพระองค์   พระพรที่พระองค์ประทานผ่านเจ้านาย หัวหน้า หรือผู้นำของเรา   พระพรที่พระเจ้าประทานผ่านเพื่อนฝูงรอบข้าง และ ครอบครัว   พระพรที่ทรงประทานผ่านลูกน้องเพื่อนร่วมงานของเรา   พระพรของพระเจ้าทรงสำแดงผ่านทางลูกค้า  ผู้รับบริการ   จงขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับพระพรเหล่านี้ด้วยจิตใจที่โมทนาและสำนึกในพระคุณ   และรู้สึกขอบคุณผู้คนเหล่านั้นที่มีส่วนในการเป็นผู้นำของเราในวันนี้

ในเวลาเดียวกัน  ให้สำรวจตรวจสอบว่า   ในวันนี้ผู้นำได้นำเอาพระพรต่างๆ ที่ตนได้รับ หว่าน บ่มเพาะ  ฟูมฟัก  และ หนุนเสริมคนรอบข้างให้เติบโตขึ้นในภาวะผู้นำ   และมีการหนุนเสริม บ่มเพาะประการใดบ้างที่เป็นการเสริมสร้างผู้คนสู่การมีโอกาสที่จะนำองค์กรของเรารุดหน้าไปไกลกว่าตนเองในอนาคต

โดยภาพรวมแล้ว   เราควรประยุกต์ทั้ง 7 ประการนี้ในชีวิตประจำวันของเราเพื่อที่เราจะเติบโตขึ้น   เพื่อเราจะสามารถหว่านเมล็ดความเติบโตในชีวิตของผู้อื่นได้    จงใช้ทั้งชีวิตของเราให้เกิดผลที่ดีที่สุด    เพื่อเป็นผู้นำที่ใช้การเติบโตและความสำเร็จของตนในการเสริมสร้างคนอื่นอย่างอุทิศทุ่มเท

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น