ท่านจะบ่มเพาะเมล็ดแห่งการอดทนในการรอคอยแก่ลูกหลานอย่างไร
ในยุคของไมโครเว็บ
ยุคความล้ำหน้าของคอมพิวเตอร์ที่มีความไวเพิ่มขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง
ในยุคที่ความเร็วหรือความไวกลายเป็นการเสพติดชนิดหนึ่งสำหรับมนุษย์ที่สังคมยังมิได้ตีตราว่าร้ายต่อการเสพติดนั้น กลับถูกมองว่าดีเสียอีก
ไม่ต่างอะไรที่คนในยุคของเราที่เสพติดเรื่องความหวาน และมีแนวโน้มที่จะเสพหวานมากขึ้น และในที่สุดความหวานที่เราเสพติดกลับเป็นตัวสร้างอันตรายบั่นทอนความแข็งแรงของสุขภาพมนุษย์
จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่พ่อแม่และผู้ใหญ่ที่จะต้องฝึกฝนบ่มเพาะนิสัย
หรือ วินัยความอดทนในชีวิตประจำวันของตนเอง
และจำเป็นที่จะต้องเอาใจใส่ ฝึกหัด บ่มเพาะ
บุตรหลานหรือนักเรียนของตนให้เกิดวินัยความอดทนรู้จักรอในชีวิตประจำวัน และ
ที่สำคัญคือ
การฝึกหัดบ่มเพาะวินัยชีวิตไม่สามารถกระทำด้วยการสอนทางคำพูดหรือให้ข้อมูลความรู้เท่านั้น
แต่จะต้องฝึกฝนบ่มเพาะด้วยกิจกรรมที่ทำให้กลุ่มเป้าหมายได้รับประสบการณ์ตรงในเรื่องนั้นๆ
และด้วยการมีชีวิตที่เป็นแบบอย่างที่กลุ่มเป้าหมายเห็นได้จริงในวินัยเรื่องนั้นๆ
ในชีวิตประจำวันของผู้สอนด้วย
ต่อไปนี้เป็นบางวิธีการในการบ่มเพาะฝึกฝนความอดทนในการรอคอยสำหรับลูกหลานของเรา
และ เด็กในยุคนี้
- การสร้างขอบเขตที่ชัดเจน: “คุณครู/พ่อแม่ จะเสิร์ฟอาหารแก่พวกเรา ถ้าพวกเรารอด้วยความเป็นระเบียบ และ เงียบเสียงด้วยความอดทนเป็นเวลา 5 นาที” หรือ “การจำหน่ายตั๋วโดยสารของเราจะไม่สามารถเปิดขายได้ จนกว่าท่านผู้โดยสารจะจัดแถวคิวให้เป็นระเบียบ เพื่อเราจะสามารถให้บริการจำหน่ายตั๋วอย่างเป็นระเบียบด้วยความสงบแก่ท่านผู้โดยสาร” ให้กำหนดประเด็นและขอบเขตที่ชัดเจนก่อนที่กลุ่มเป้าหมายจะได้สิ่งที่ต้องการ
- การปรับเปลี่ยนความสนใจใหม่: การที่เด็กจะต้องเข้าแถวรอคิวในกิจกรรมต่างๆ มักพบว่าเด็กขาดความอดทนที่จะรอคอย
การหันเหความสนใจจากสิ่งที่คิดหรือทำอยู่เป็นกลวิธีหนึ่งที่ช่วยให้เกิดการอดทนในการรอคอยได้สำหรับคนทุกช่วงอายุ, ถ้าเป็นเด็กเล็กอาจจะชวนเล่มเกมทายอะไรเอ่ย, ถ้าเป็นเด็กโตชวนให้เสนอความคิดถึงกิจกรรมที่อยากทำในช่วงปิดเทอม
ให้ใช้วิธีการหันเหความสนใจของกลุ่มเป้าหมายไปในสิ่งที่กลุ่มเป้าหมายสนใจตามความเหมาะสมกับกลุ่มอายุ
- สอนด้วยการเป็นแบบอย่าง: ไม่ว่าเด็กอายุ
3 ขอบ หรือ 13
ปีต่างก็เรียนรู้ได้อย่างดีจากแบบอย่างที่พวกเขาเห็น มิใช่เด็กเล็กเท่านั้นที่เรียนรู้จากแบบอย่างที่เขาเห็นแม้แต่วัยรุ่นก็เรียนรู้อย่างดีเช่นกันจากแบบอย่างที่เขาเห็นด้วย
หรือเราอาจจะให้กลุ่มเป้าหมายตัดสินใจเลือกรายการพฤติกรรมตัวอย่างที่เป็นรูปธรรมจากแต่ละประเด็นที่เราจะแสดงบนกระดาน เช่น (1) เธออยากได้รองเท้าคู่สวยในห้าง
เลยหยิบมาหน้าตาเฉย หรือ (2) เธอจะเก็บสะสมเงินจนครบตามราคาแล้วไปซื้อมา, (3) เธอรีบวิ่งข้ามถนนใหญ่ทันทีทันใดเพื่อจะสามารถไปทันรถประจำทางที่กำลังแล่นมาอีกฟากหนึ่งใช่หรือไม่? ที่สำคัญคือ
เราจะต้องเป็นแบบอย่างที่เป็นรูปธรรมในสิ่งที่เราสอนเราฝึกแก่คนอื่น
- หลีกเลี่ยงคำพูดอย่างเช่น “เร็วเข้า เร็วๆ”: หลีกเลี่ยงที่จะใช้คำว่า “เร็วเข้า รีบๆ เร็วๆ” กับเด็กเล็ก หรือ เด็กก่อนวัยเรียน แต่อาจจะใช้วิธีการกำหนดช่วงเวลาสำหรับกิจกรรมนั้นๆ เมื่อเด็กเล็กในวันนี้ถูกการกระตุ้นให้ต้องทำเร็วๆ ต้องรีบเร่งในชีวิตประจำวันเป็นการปลูกฝังบ่มเพาะนิสัยการกดดันในตัวเขาและมีแนวโน้มที่เด็กจะนำไปใช้กับคนอื่นอย่างไม่รู้ตัว การกดดันตนเอง และใช้ชีวิตที่รีบเร่ง ซึ่งยังผลให้กลายเป็นคนอารมณ์ร้อน หรือมักโมโหโทโสเมื่อสิ่งที่เกิดขึ้นมิได้เป็นไปตามที่คาดหวังหรือปรารถนา หรือเร็วอย่างที่ตนต้องการ เมื่อเด็กเติบโตและมีวุฒิภาวะมากขึ้นก็พร้อมที่จะเรียนรู้และเข้าใจว่า ทำไมถึงมีความสำคัญที่จะไม่ทำให้คนอื่นต้องรอคอยตนเองอย่างไม่เหมาะสมหรือจำเป็น
- จัดการการทดลอง: เด็กเล็กจะสนุกกับการปลูกพืชและดูการเติบโตของพืชที่เขาเพาะปลูกนั้น ให้เด็กได้มีส่วนร่วมในการเอาเมล็ดไปเพาะปลูกที่ดินแล้วคอยเฝ้าดูการงอก การเติบโตของต้นไม้ต้นนั้น แล้วให้อธิบายให้เด็กได้เรียนรู้ถึงกระบวนการของชีวิต ชีวิตต้องการมีเวลาที่มันจะค่อยๆ เจริญเติบโตขึ้นตามกระบวนการชีวิตของมัน เพื่อสอนให้เด็กได้เรียนรู้ว่า ชีวิตมีเวลาขั้นตอนในการเปลี่ยนแปลงและเติบโต หรืออาจจะเรียนรู้จากพระธรรมปัญญาจารย์ 3:1 ที่ว่า “มีฤดูกาลสำหรับทุกสิ่ง และมีวาระสำหรับเรื่องราวทุกอย่างภายใต้ฟ้าสวรรค์”
- เล่นเกมกระดาน:
เกมกระดานส่วนใหญ่ต้องเล่นทีละฝ่ายหรือทีละคน เช่น หมากหนีบ หมากฮอส
หมากข้าม ฯลฯ
นั่นหมายความว่ามีคนเล่นและต้องมีคนรอ เล่นครั้งละคน
ที่เลือกให้เล่นเกมประเภทนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ลูกของเราเรียนรู้ที่จะอดทนรอให้ถึงรอบของตนเอง
แม้บางครั้งเขาจะไม่รู้สึกในเรื่องนี้ก็ตาม ให้เลือกเกมประเภทนี้ที่เหมาะสมกับวัย สำหรับเด็กโตอาจจะเล่นหมากฮอส หมากข้าม และการเล่น “สะแครบเบอร์”
(การต่อคำ)น่าจะเหมาะสำหรับวัยรุ่นขึ้นไป
- การรับรู้และการเสริมเพิ่มพลังในการรอคอยอย่างอดทน: อย่าตั้งหน้าตั้งตาเป็นพ่อแม่ที่จะเอาแต่สอนให้ลูกเป็นคนที่อดทนในการรอคอย
จนลืมที่จะรับรู้และชื่นชมในความอดทนและการรอคอยของลูก
เมื่อลูกอดทนรอคอยให้เราป้อนอาหารให้น้องที่ยังเป็นทารกของเขา ให้ขอบคุณที่ลูกอดทนอย่างดี เมื่อลูกของเราเก็บหอมรอมริบเงินซื้อเครื่องไอแพด เมื่อเงินครบแล้วจึงค่อยซื้อ ท่านควรจะบอกกับลูกว่า “พ่อ/แม่ชื่นชมและภูมใจในความอดทนของลูกที่รอคอยจนสะสมเงินพอซื้อด้วยเงินสด
แทนที่จะซื้อเงินผ่อนและต้องเสียดอกเบี้ยอีกมิใช่น้อย”
- อย่าทำตนจัดการให้ลูกทุกอย่าง: การที่พ่อแม่ลงมือช่วยลูกทุกเรื่อง หรือ ลงมือทำแทนลูกทุกอย่างนั่นเป็นการทำร้ายลูกโดยไม่คาดคิดและรู้ตัว ไม่เป็นการผิดที่เราต้องการให้ลูกมั่นใจว่าเราอยู่เคียงข้างเขาเสมอ ซึ่งแตกต่างจากการที่เราทำทุกอย่างแทนลูก ตัวอย่างเช่น เมื่อลูกทำโทรศัพท์มือถือหาย อย่าซื้อหรือหาโทรศัพท์มือถือเครื่องใหม่ให้ลูกทันที แต่ให้ลูกออมเงินของเขาเองเพื่อจะมีส่วนร่วมในการซื้อมือถือเครื่องใหม่ อย่าลงไปจัดการทุกเรื่องแทนลูก
- เตรียมตัวสำหรับการรอคอย: บางครั้งเรารู้ล่วงหน้าแล้วว่าลูกของเราจะต้องรอคอย
เช่น ต้องรอคอยแพทย์ที่โรงพยาบาล
หรือต้องรอคอยเพื่อจะเข้าห้องพักรับการรักษา ให้เราเตรียมจิตใจของลูกสำหรับการรอคอย ให้ลูกได้เตรียมสิ่งของที่ต้องใช้ หรือ
สิ่งที่เขาจะทำในเป้ส่วนตัวของเขาเมื่อต้องนั่งรอหมอ
- รักษามุมมองที่สร้างสรรค์: ถ้าเราบ่นว่าในการที่เราต้องรอคอยเข้าคิว หรือการที่เราบ่นว่าจดหมายที่เราคาดหวังไม่มาสักที ลูกๆ ของเราก็จะซึมซับเอาความไม่อดทนของเราเข้าไปในชีวิตของเขา ให้เรายังตั้งมั่นที่จะให้การรอคอยของเราในชีวิตเป็นแบบอย่างที่สร้างสรรค์ เช่น ใช้โอกาสที่จะทำความรู้จักและพูดคุยกับคนที่ต่อคิวในแถว” หรือ เมื่อต้องรอจดหมายและเช็คคืนเงินภาษี อาจจะกล่าวว่า “ฉันคาดหวังว่าเช็คคืนเงินภาษีจากสรรพกรจะมาถึงวันนี้ แต่ถ้ายังมาไม่ถึงก็ไม่เป็นไร...”
ไม่ว่าเด็กจะอายุเท่าใด
การเรียนรู้ที่จะรอคอยเป็นการเสริมสร้างทักษะที่มีคุณค่าที่จะติดตัวในชีวิตของเขาตลอดไป
ในวันนี้ให้เรามีความสุขกับการอดทนในการรอคอย
ช่วงเวลาเช่นนั้นเป็นโอกาสที่เราจะใกล้ชิดสนิทกับองค์พระผู้เป็นเจ้ามายิ่งขึ้น, เป็นเวลาที่เราจะสนิทสัมพันธ์กับลูกหลาน,
เป็นโอกาสที่เราจะเอาใจใส่สนใจเพื่อนหรือคนอยู่ข้างๆของเรา
ในเวลาที่อดทนรอคอยกลายเป็นเวลาของการสร้างสรรค์เยี่ยงพระฉายาหนึ่งของพระเจ้า
การอดทนรอคอยคือโอกาสของการสร้างสรรค์ชีวิตครับ
มีความสุขกับการอดทนรอคอยในวันนี้กับพระคริสต์!
ประสิทธิ์
แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย
เชียงใหม่
E-mail:
prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น