อ่าน ลูกา 10:25-37
...มีบาเรียนคนหนึ่งยืนขึ้นทดลองพระเยซู ทูลถามว่า
“อาจารย์เจ้าข้า
ข้าพเจ้าจะต้องทำอะไรเพื่อจะได้ชีวิตนิรันดร์?” พระองค์ตรัสตอบว่า
“ในธรรมบัญญัติมีคำเขียนว่าอย่างไร?” เขาทูลตอบว่า
“จงรักพระองค์ผู้เป็นพระเจ้าของเจ้าด้วยสุดจิตสุดใจของเจ้า ด้วยสุดกำลังและสิ้นสุดความคิดของเจ้า
และจงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง” พระองค์จึงตรัสแก่เขาว่า
“ท่านตอบถูกแล้ว จงกระทำอย่างนั้นแล้วจะได้ชีวิต”
แต่(บาเรียน)คนนั้นอยากจะพิสูจน์ว่าตนเองถูกต้อง
(คือมีชีวิตนิรันดร์)
จึงทูล(ถาม)พระเยซูว่า
“ใครเป็นเพื่อนบ้านของข้าพเจ้า?” (ข้อ 25-29, มตฐ., ตัวเอนจากอมตธรรม, ในวงเล็บของผู้เขียน) จากนั้นพระเยซูทรงเล่าอุปมาเรื่องชายสะมาเรียผู้มีใจเมตตา แล้วลงท้ายด้วยคำตรัสของพระเยซูให้บาเรียนคนนั้นกลับไปดำเนินชีวิตอย่างชายสะมาเรียในเรื่องอุปมานั้น
คริสตจักรเป็นชุมชนของคนที่เชื่อศรัทธาในพระคริสต์ มอบกายถวายชีวิตของตนให้เป็นของพระองค์ มีพระประสงค์ของพระเจ้าเป็นเป้าหมายในชีวิตของแต่ละคนและของชุมชนคริสตจักร และหัวใจของความเป็นคริสตจักรคือ การที่คนในชุมชนคริสตจักรอยู่เพื่อที่จะรักพระเจ้าด้วยสุดจิตสุดใจ สิ้นสุดกำลังและสิ้นสุดความคิดของตน
จึงทำให้คนในคริสตจักรรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง คริสตจักรจึงมีภาระใจและพลังชีวิตที่จะกระทำตามพระมหาบัญชาของพระเยซูคริสต์
คริสตจักร: ชุมชนที่มีรากฐานตามพระมหาบัญญัตินำสู่พระมหาบัญชา
คนในชุมชนคริสตจักรจะต้องมีพระเจ้าเป็นเอกเป็นใหญ่ที่สุดในชีวิต รักพระองค์ด้วยความคิดทั้งหมด ด้วยใจทั้งสิ้น ถวายชีวิตทั้งชีวิตแด่พระเจ้าเพื่อรับการเปลี่ยนแปลงและสร้างใหม่จากพระองค์
และผ่านการเสริมสร้างกันและกันตามพระประสงค์ของพระคริสต์ในชุมชนคริสตจักร
เพื่อชีวิตของคนในคริสตจักรแต่ละคนและชุมชนคริสตจักรจะได้รับพลังชีวิตในการรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง กล่าวคือ
ถ้าใครผู้ใดในคริสตจักรมิได้รักพระเจ้าด้วยสุดจิตสุดใจ สิ้นสุดกำลังและความคิดแล้ว
เขาย่อมจะรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเองได้ลำบากยิ่ง ในทางกลับกันถ้าคนในคริสตจักรหรือชุมชนคริสตจักรใดที่มิได้รักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเองก็ส่อสำแดงให้เห็นชัดว่า
คนและชุมชนคริสตจักรนั้นก็มิได้รักพระเจ้าด้วยสุดจิตสุดใจ ด้วยสิ้นสุดกำลังความคิดเช่นกัน
ชุมชนคริสตจักรใดๆ ที่อ้างตัวว่ากระทำตามพระมหาบัญชาของพระเยซูคริสต์จะต้องมีรากฐานชีวิตคริสตชนที่หยั่งรากแข็งแรงมั่นคงและเห็นผลเด่นชัดในการมีชีวิตบนรากฐานพระมหาบัญญัติก่อน
ถ้าคนและชุมชนคริสตจักรใดมิได้มีชีวิตบนรากฐานตามพระมหาบัญญัติ คือรักพระเจ้าด้วยสุดจิตสุดใจและสิ้นสุดกำลังความคิดทั้งสิ้นของตนและรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเองแล้ว คนและชุมชนคริสตจักรนั้นจะกระทำตามพระมหาบัญชาได้อย่างไร? ซึ่งเราพบมิชชันนารีมากมาย คริสตจักรจำนวนหนึ่งที่มุ่งเน้นประกาศให้ผู้คนรับเชื่อและรับบัพติสมา แต่ไม่ใส่ใจบ่มเพาะ ฟูมฟัก
และเสริมสร้างชีวิตของผู้รับบัพติสมาเหล่านั้น ไม่ใส่ใจชีวิตผู้เชื่อใหม่เหล่านี้ที่จะได้รับการหนุนเสริมจากชุมชนคริสตจักร และรับการเปลี่ยนแปลงและสร้างใหม่จากพระคริสต์ และนี่เป็นการละเลยกระบวนการสำคัญหนึ่งของการเสริมสร้างคุณภาพชีวิตในชุมชนแห่งแผ่นดินของพระเจ้า
แต่ที่คริสตจักรมิได้กระทำเช่นนี้เพราะตัวชุมชนคริสตจักรยังมิได้หยั่งรากลงลึกในการดำเนินชีวิตตามพระมหาบัญญัติ จึงไม่สามารถหนุนเสริมผู้เชื่อใหม่
และเอื้ออำนวยให้ชีวิตผู้เชื่อใหม่ได้รับการเปลี่ยนแปลงและสร้างใหม่จากพระคริสต์ อาการเช่นนี้บ่งชี้ส่อแสดงว่า คริสตจักรยังอ่อนแอ เจ็บป่วย
ขาดกำลัง ต้องการการเยียวยา
คริสตจักร: ชุมชนที่มาพบกันในวันอาทิตย์?
คริสตจักรจึงตกอยู่ในสภาพชีวิตเพียงวันอาทิตย์ ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา วันอาทิตย์เป็นการเปลี่ยนสภาพแวดล้อมจากวันปกติมาเป็นบรรยากาศในการนมัสการวันอาทิตย์ สมาชิกมาคริสตจักรเพื่อที่จะรับจะ “บริโภค” เช่น คิดว่าจะมารับพระพร รับพระวจนะจากคำเทศนา รับการปลดปล่อยทางอารมณ์ ละทิ้งความตึงเครียดในชีวิตไว้ชั่วขณะหนึ่ง ไขว่คว้าหาการหนุนอกชูใจ หามุมสงบให้กับชีวิตสักพักหนึ่ง หวังว่าพระเจ้าจะสำแดงทางออกแก่ชีวิตที่ตีบตันในขณะนี้ แสวงหาการพักผ่อน บ้างมาแสวงรื่นรมกับเสียงเพลง
บ้างต้องการลืมสิ่งที่หนักอกท้อใจตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา หลายคนต้องการความสบายใจ และบางคนก็มาคริสตจักรเพื่อหารายได้เสริม
ชีวิต
ความนึกคิดของคนและชุมชนคริสตจักรถูกครอบงำด้วยอิทธิพลของกระแสบริโภคนิยม ผู้คนมาคริสตจักรในวันอาทิตย์เพื่อจะได้ เพื่อจะรับ
เพื่อจะบริโภค
จนคริสตจักรลืมและหมดสภาพชีวิตที่จะเอาใจใส่หนุนเสริมเพิ่มพลังชีวิตแก่กันและกัน
ทำให้ต้องกลับมาตั้งคำถามพื้นฐานว่า
แล้วผู้คนและชุมชนคริสตจักรยังรักพระเจ้าด้วยสุดจิตสุดใจและสิ้นสุดกำลังความนึกคิดในชีวิตของตนเองอยู่หรือไม่?
และผู้คนและชุมชนคริสตจักรได้เติบโตขึ้นในการที่จะรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเองหรือเปล่า?
และที่คนและชุมชนคริสตจักรออกไปประกาศพระกิตติคุณนั้น เป็นการกระทำตามพระมหาบัญชาของพระเยซูคริสต์ หรือ
เป็นการทำกิจกรรมหนึ่งตาม “อีเวนท์” ที่สร้างขึ้น
เหมือนการทำกิจกรรมอื่นๆ ของคริสตจักร
เพื่อพยายามนำกิจกรรมเหล่านั้นมาถมหลุมความว่างเปล่าในชีวิตของสมาชิกหรือไม่?
“อย่าหลงเลย ท่านจะล้อเล่นกับพระเจ้าไม่ได้
เพราะว่าใครหว่านอะไรลง
ก็จะเก็บเกี่ยวสิ่งนั้น” (กาลาเทีย 6:7 มตฐ.)
คงเป็นความจำเป็นที่คริสตชนและชุมชนคริสตจักรจะต้องกลับมาเอาใจใส่ต่อคำสอนของพระเยซูคริสต์ที่ทรงชี้นำแก่บาเรียนผู้มีความรู้ช่ำชองในธรรมพระคัมภีร์และพระบัญญัติ และนี่เป็นการสอนและชี้นำของพระคริสต์ต่อคริสตชน
และ ชุมชนคริสตจักรในปัจจุบันด้วย แต่ที่ต้องให้ความสนใจคือ คริสตชนจะมีท่าทีตอบสนองต่อคำสอนและการชี้นำของพระคริสต์อย่างไร? อย่างบาเรียนคนนั้นไหม? ถ้าไม่ใช่จะต้องเป็นแบบไหน?
คริสตจักร: ชุมชนที่ใส่ใจหนุนเสริมกันและกัน
ถ้าการมาร่วมกันในชุมชนคริสตจักรมิใช่เพื่อแสวงหาการตอบสนองต่อความจำเป็นต้องการของตนเองแล้ว คริสตชนก็ควรมาร่วมในชุมชนคริสตจักรด้วยท่าทีที่มีพระเจ้าทรงเป็นเอกเป็นใหญ่ในชีวิต แต่ก็มิใช่การยกยอสรรเสริญพระองค์ด้วย “ปาก”
และเสียงเพลงเท่านั้น แต่ด้วยความคิด ด้วยชีวิต
ด้วยสุดกำลังของเราที่มีพระเจ้ามาก่อนสิ่งอื่นใด
นั่นคือเรามีพระประสงค์ของพระเจ้าเป็นเป้าหมายสูงสุดในชีวิตของเรา
และพระประสงค์ประการหนึ่งของพระเจ้าคือให้เรารักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง
เพื่อนบ้านที่มิได้จำกัดเฉพาะคนพวกเดียวกัน สนิทกัน
แต่รวมถึงคนที่เราไม่มีความสัมพันธ์กันมาก่อน คนหน้าใหม่ในชุมชนคริสตจักร คนเก่าแก่ในคริสตจักรที่เราไม่คิดจะสนใจ คนที่เราไม่ค่อยชอบขี้หน้า คนที่บ้าอำนาจ คนที่หยิ่งยโสอวดดี คนที่อยากเด่นดัง คนที่เคยทำให้เราเจ็บปวดในชีวิต แล้วให้ความรักที่เรามีในพระเจ้าที่หนุนเนื่องให้เรารักเพื่อนบ้านนั้นทะลุออกนอกกรอบ
นอกรั้วของชุมชนคริสตจักร
เข้าไปในชุมชน
ในครอบครัวของเรา ในที่ทำงาน ในกลุ่มเพื่อนฝูงคนสนิทของเรา
ถ้าเรารักพระเจ้าจริง ความรักที่มีต่อเพื่อนบ้านก็จะสำแดงเป็นรูปธรรม
ในชีวิตประจำวันของคริสตชนเรามีโอกาสมากมายที่จะรักเพื่อนบ้าน
เราเคยที่จะนั่งลงกับเพื่อนคนหนึ่งในชุมชนคริสตจักร หรือ ในที่ทำงาน
เพื่อที่จะฟังถึงความทุกข์ร้อนยากลำบากในชีวิตด้วยความใส่ใจ
มีโอกาสที่จะรับรู้ถึงความเจ็บปวดในชีวิตของเขาและร่วมอธิษฐานกับเขาต่อพระเจ้าในสถานการณ์ชีวิตนั้น จนเกิดศานติสุขในชีวิต แม้ความทุกข์ยากจะยังได้รับการถูกขจัดออกไปหรือไม่ก็ตาม ท่านได้ให้อ้อมกอดที่เปี่ยมด้วยความรักและอบอุ่นแก่ทารกน้อยที่แม่ต้องนอนป่วยหนักในโรงพยาบาล
เมื่อท่านได้ไปเยี่ยมคนในชุมชนหรือไม่?
ท่านมีโอกาสที่จะช่วยกวาดบ้านให้ผู้สูอายุที่ท้ายหมู่บ้าน ช่วยตักน้ำไว้ในห้องน้ำ ช่วยรับเขามานมัสการพระเจ้าที่ชุมชนคริสตจักร
การรับใช้คนอื่นด้วยจริงใจก่อนที่จะแสวงหาสิ่งที่ตนเองต้องการจำเป็น สำแดงออกถึงรูปธรรมของความรักพระเจ้าที่มีในชีวิตของท่าน นี่เป็นคุณธรรมและคุณภาพชีวิตที่สำคัญในแผ่นดินของพระเจ้า
และเป็นการวางรากฐานที่สำคัญยิ่งในการกระทำตามพระมหาบัญชาของพระคริสต์
และคือรากฐานของชุมชนคริสตจักรที่เอาใจใส่และหนุนเสริมกันและกันในชุมชนคริสตจักรแห่งนั้นๆ
และเราต่างก็เป็นคนหนึ่งและอวัยวะหนึ่งในชุมชนคริสตจักรที่มีพระคริสต์เป็นศีรษะครับ
ประสิทธิ์
แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย
เชียงใหม่
E-mail:
prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น