22 พฤษภาคม 2556

ช่วยคนทุกข์ยาก ขัดสนอย่างไรดี?


อ่านพระกิตติคุณลูกา 6:32-36

ในเมืองเชียงใหม่   เดี๋ยวนี้มีคนขายดอกไม้ตามสี่แยกถนนวงแหวนอ้อมเมืองเกือบทุกแห่ง   และส่วนหนึ่งคือการใช้เด็กมาขายดอกไม้ตามที่เหล่านั้น   จนมีป้ายเขียนต่อต้านการกระทำเช่นนั้น   และเชิญชวนผู้คนที่รักเด็กไม่ให้ซื้อดอกไม้จากเด็กขายพวงมาลัยตามสี่แยก 

ตามสะพานลอยมีขอทานอุ้มเด็ก  บางครั้งเด็กบางคนพิการดูน่าสงสาร   เพื่อขอความเมตตาจากผู้คนเดินผ่านไปมา   แต่ก็มีคำเชิญชวนว่าอย่าให้เงินแก่ขอทานอีกเพราะพวกนี้เอาเด็กมาเป็นเครื่องมือในการขอทานหารายได้  ยิ่งกว่านั้นการกระทำเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งในกระบวนการค้าเด็ก

ใช่ครับการกระทำเหล่านี้อาจไม่ถูกต้องไม่สมควรเลยครับ   ไม่น่าส่งเสริม   ต้องหาทางแก้ไขยับยั้ง!

แต่ในระยะหลังนี้ในกลุ่มเพื่อนฝูงทั้งที่เป็นคริสตชนและไม่ได้เป็น   หลายคนบอกว่า เขาจะไม่ให้เงินแก่คนยากจนและขอทานอีกแล้ว   เพราะเป็นการส่งเสริมให้เขายึดการขอทานเป็นอาชีพ   ดีขึ้นมาหน่อยเพื่อนบางคนบอกว่า  ถ้าจะช่วยขอทานหรือคนยากจนอย่าให้เงิน   แต่ให้ซื้ออาหารให้รับประทานดีกว่า

เพื่อนผมคนหนึ่งโพล่งขึ้นมาทันทีว่า   “แล้วคุณจะรู้สึก” 

เขาเล่าว่า ครั้งหนึ่งเขาทำเช่นนี้คือบอกหญิงขอทานที่อุ้มลูกน้อยมาขอเงินจากเขาเมื่อเขากำลังกินก๋วยเตี๋ยวอยู่    เขาบอกหญิงคนนั้นว่า  เขายินดีที่จะให้แต่จะซื้ออาหารให้รับประทาน   หญิงคนนั้นบอกเพื่อนผมว่า   ขอเป็นก๋วยเตี๋ยวหมูไม่เอาก๋วยเตี๋ยวเนื้อวัว   เพื่อนผมคนนั้นเล่าต่อไปว่า  “ฮาเลยบอกว่า  เลือกมากอย่างงั้นไม่ต้องกิน”   ตอนนี้ผมคิดในใจว่า   หญิงคนนั้นอาจจะมีเหตุผลของนางก็ได้   ทำไมเพื่อนผมไม่ถามเขาสักคำ   เพื่อนผมพูดทิ้งท้ายว่า  “เป็นขอทานแล้วยังเรื่องมาก”   ผมคิดค้านว่า  แล้วขอทานไม่ใช่คนหรือ?

เป็นความจริงเช่นกันครับ   ผมได้พบหลายคนที่มีใจอยากจะช่วยคนยากคนจน คนขอทาน   แต่พอทำไปสักระยะเวลาหนึ่งกลับประสบกับความอ่อนใจ  ท้อใจ  และหมดใจที่จะช่วยในที่สุด  

ที่เกิดอาการเช่นนี้เพราะพวกเขาเริ่มต้นให้ด้วยใจกว้างขวางทั้งเงินทอง สิ่งของ และเวลา  ด้วยการคาดหวังการตอบสนองจากคนที่เขาช่วยในบางสิ่ง เช่น  คนยากคนจนคนเล็กน้อยเหล่านี้ที่เขาให้ความช่วยเหลือจะรู้สึกในบุญคุณที่เขาได้รับและตอบสนองด้วยการสำนึก  ชื่นชมในสิ่งที่เขาให้ ด้วยความสุภาพ   คนมั่งมีบางคนคาดหวังในใจว่า การช่วยเหลือครั้งสำคัญของเขาครั้งนี้ไม่ว่าจะเป็นการให้ที่พักใหม่   เสื้อผ้าสวยๆ แพงๆ  อาจจะเรียกน้ำตาแห่งการขอบคุณไหลออกมา   ด้วยการให้ที่คาดหวังของตน  แต่ความคาดหวังไม่เกิดขึ้นจริงจึงผิดคาด  จึงไม่ชื่นชมยินดีในการให้  จึงหมดอกหมดใจ   เพราะคนที่รับความช่วยเหลือไม่ได้ตอบสนองอย่างที่ตนเองคาดคิด หรือ คาดหวัง

ในเวลาเดียวกันเราต้องรับความจริงว่ามีคนยากคนจนและขอทานจำนวนมาก ที่เป็นคนที่สุภาพ มีมารยาท   แน่นอนครับบางครั้งเราก็พบกับคนยากจน คนไร้บ้านบางคนที่เราไม่ชอบพฤติกรรมของเขา   และบางคนเราก็รู้เบื้องหลังว่า  เขาทำให้ตนเองต้องอยู่ในสภาพเช่นนี้   ยิ่งกว่านั้น  เราก็พบว่าคนยากคนจนคนไร้บ้านบางคนที่ใช้จ่ายเงินอย่างไม่เหมาะสม   และถ้าเราให้เงินหรือช่วยคนพวกนี้เขาก็จะนำไปใช้จ่ายในสิ่งที่ไม่สมควร   มีบางคนเล่าให้ฟังว่า   เวลาเขาให้เงินคนกลุ่มนี้หลายคนไม่เคยกล่าวคำว่าขอบคุณเลย   หรือมีบางคนที่บ่นอย่างไม่ค่อยพอใจในสิ่งที่เราช่วยเหลือ

ถ้าเช่นนั้น  บนจุดยืนของคริสตชนจะทำอย่างไรกับประเด็นชีวิตนี้?

พระธรรมเฉลยธรรมบัญญัติ 15:7-8  กล่าวไว้ว่า

“หากมีคนยากจนท่ามกลางพี่น้องในเมืองใด...
อย่านิ่งดูดายหรือไม่ยอมเห็นใจช่วยเหลือเขา
จงใจกว้างเอื้อเฟื้อ...” (อมตธรรม)

พระคัมภีร์ได้วางรากฐานในเรื่องนี้ว่า  เราควรช่วยคนยากคนจนเหล่านี้แม้บางคนที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม  ที่เราไม่พึงประสงค์เช่นนั้นหรือ?    คำตอบคงก็คือ “ถูกต้องครับ!”   การช่วยผู้เล็กน้อย ต่ำต้อย ยากจนไร้โอกาส   คริสตชนช่วยชีวิตเหล่านี้อย่างไร้เงื่อนไขครับ   พระเยซูคริสต์ทรงเรียกเราให้รับใช้พระองค์ผ่านการช่วยเหลือคนเหล่านี้แม้เขาไม่มีความชอบธรรมพอที่เราจะช่วยเหลือ   พระองค์ประสงค์ให้เราช่วยเหลือคนเหล่านี้อย่างไร้เงื่อนไขครับ

ในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมมีหลายเรื่องเกี่ยวกับรากฐานการดำเนินชีวิตในเรื่องการเอาใจใส่และการให้ความช่วยเหลือแก่คนยากคนจนคนขัดสน   ในที่นี้จะชวนพิจารณาถึงกรณีของเมืองโสโดม   โดยปกติแล้วเรามักตอบได้ทันที่ว่าเมืองโสโดมถูกพระเจ้าลงโทษทำลายไปเพราะเหตุเรื่องพฤติกรรมผิดประเวณี   การกระทำผิดทางเพศ   แต่ถ้าเราพิจารณาจากพระธรรมเอเสเคียล 16:49-50  เราพบว่า   สาเหตุหนึ่งที่เมืองนี้ถูกลงโทษทำลายคือ  “...โสโดม...มีบาปคือ  นางกับลูกๆ ที่หยิ่งยโสได้รับการบำรุงบำเรอเกินขนาด  และไม่มีเรื่องทุกข์ร้อนใดๆ   พวกเขาไม่ช่วยเหลือคนยากจนขัดสน   เขาจองหองและทำสิ่งที่น่าชิงชังต่อหน้าเรา  ฉะนั้นเราจึงกำจัดพวกเขาไปตามที่เจ้าได้เห็นแล้ว” (อมตธรรม)    เมื่ออ่านถึงพระธรรมตอนนี้ ความหยิ่งยโส  ความจองหอง  การมีอาหาร ทรัพย์สินมากมาย (เกินพอดี)   แต่กลับเมินเฉยละเลยความทุกข์ยากลำบากของคนอื่น  ไม่สนใจ  ไม่ให้ความช่วยเหลือ   เป็นสาเหตุที่ถูกพิพากษาถึงกับถูกทำลาย

อ่านถึงตอนนี้ท่านคิดอย่างไรบ้างครับ?   ส่วนตัวผมต้องกลับมาพิจารณาตนเองใหม่ครับ!

ประเด็นต่อมาที่เราต้องพิจารณาในกรณีของเมืองโสโดมว่า   เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับการที่เราต้องเอาใจใส่ช่วยเหลือ ผู้คนยากจนขัดสนแม้มิใช่คนชอบธรรมเช่นไร?   ประการพื้นฐานเราต้องตระหนักว่าที่เมืองโสโดมถูกพิพากษาลงโทษ   เพราะไม่สามารถพบคนชอบธรรมแม้แต่ 10 คน   นั่นหมายความว่าไม่ว่าคนมั่งมี ยากจนในโสโดมต่างเป็นคนไม่ชอบธรรม   เพราะถ้าทั้งเมืองมีคนชอบธรรมแค่ 10 พระเจ้าก็จะไม่ทำลาย   นี่คือพระทัยที่เมตตาและเป็นพระคุณของพระเจ้า

การที่คริสตชนในปัจจุบันจะเอาใจใส่คนทุกข์ ยากจน ขัดสน  ไร้โอกาส  แม้ชีวิตของเขาจะมิใช่คนที่ชอบธรรม หรือ คนที่เราคาดหวังให้เขาเป็น   เป็นการเตือนตนเองว่าชีวิตที่เราอยู่รอดจนถึงทุกวันนี้เพราะพระคุณของพระเจ้า   ที่เราอยู่รอดปลอดภัยมิใช่เพราะเราเป็นคนดีมีความความชอบธรรม   แต่เป็นเพราะความรักเมตตาและพระคุณของพระเจ้าต่างหาก   เราต้องชัดเจนว่าที่ชีวิตเราอยู่รอดได้เพราะพระคุณของพระเจ้า   มิใช่บุญญาบารมีความดีที่เรากระทำสั่งสมไว้   เพราะตามมาตรฐานของพระเจ้าพระบิดาคือ  “...เพราะว่าพระองค์(พระบิดา)ทรงให้ดวงอาทิตย์ของพระองค์ขึ้นส่องสว่างแก่คนดีและคนชั่วเสมอกัน   และให้ฝนตกแก่คนชอบธรรมและอธรรม” (มัทธิว 5:45 มตฐ.)  

ในฐานะคริสตชนเรามีจุดยืนชัดเจนตามพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์ว่า   “ถ้าพวกท่านรักเฉพาะคนที่รักท่าน ควรนับว่าเป็นคุณความดีของท่านด้วยหรือ?   เพราะแม้แต่พวกคนบาปก็ยังรักเฉพาะคนที่รักเขาเหมือนกัน...เพราะว่าพระองค์ทรงพระกรุณาทั้งต่อคนอกตัญญูและความชั่ว   พวกท่านจงมีใจเมตตากรุณาเหมือนอย่างพระบิดาของท่านมีพระทัยเมตตา” (ลูกา 6:32, 35-36 มตฐ.) 

การที่เรารับใช้พระเจ้าผ่านการให้ความเอาใจใส่ช่วยเหลือคนทุกข์ยากต่ำต้อยนั้น   เรามิได้กระทำเพราะคนเหล่านี้เหมาะสมที่จะได้รับความช่วยเหลือหรือไม่   แต่ที่เรากระทำเช่นนั้นเพราะเรามีและต้องการสำแดงความรักเมตตาของพระเยซูคริสต์แก่ทุกคนต่างหาก

ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าโปรดเปิดตาของเราในวันนี้   ที่จะมองเห็นพระคริสต์ในชีวิตองผู้คนที่ทุกข์ยาก ขัดสน  ยากจน  และชีวิตที่กำลังจนตรอก   และทรงประทานพลังชีวิตและจิตใจเมตตากรุณาอย่างพระบิดา   เพื่อเราจะได้พบและสัมผัสพระคริสต์ผ่านการสัมผัสคนชีวิตคนเหล่านั้นที่ทรงเปิดตาให้เราเห็น

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499

3 ความคิดเห็น:

  1. กระทำตามรอยพระบาทพระเยซูคะอย่ากระทำตามโลก

    ตอบลบ
  2. ครูจูดี้ปันรัก(ShareLove)21 ธันวาคม 2562 เวลา 15:21

    ขอพระเจ้าอวยพรท่านคะ

    ตอบลบ