10 กรกฎาคม 2556

ท่านคือผู้จัดการของพระเจ้า

อ่าน  ลูกา 12:42-47

42 องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​ตรัส​ว่า ใคร​เป็น​คน​ต้น​เรือน​สัตย์​ซื่อ​และ​ฉลาด ที่​นาย​ได้​ตั้ง​ไว้​เหนือ​พวก​คน​ใช้​สำหรับ​แจก​อาหาร​ตาม​เวลา​
43 เมื่อ​นาย​มา​พบ​เขา​กระทำ​อยู่​อย่าง​นั้น บ่าว​ผู้​นั้น​ก็​จะ​เป็น​สุข 

การงานหน้าที่ต่างๆ ในชีวิตของเราไม่ว่าจะตำแหน่งใด หรือไม่มีตำแหน่งเป็นงานการจัดการทั้งสิ้น   ไม่ว่าจะเป็นการจัดการในการงานที่ได้รับการมอบหมายให้สำเร็จลุล่วงตามวัตถุประสงค์  หรือ  เป็นการจัดการการแก้ปัญหาหรือวิกฤติที่กำลังเผชิญอยู่ให้คลี่คลายลงอย่างสร้างสรรค์ สิ่งเหล่านี้เป็นการจัดการทั้งสิ้น

พระเยซูคริสต์ได้ใช้คำว่า steward ซึ่งในพระคัมภีร์ไทยได้แปลเป็นสองสำนวนคือ  “พ่อบ้าน” (มตฐ) “คนต้นเรือน” (1971, อมตธรรม)   เป็นการเปรียบเทียบกับตำแหน่งงานของเจ้าของบ้านที่มีธุรกิจ  หรือกิจการงานที่มากหรือใหญ่   แล้วว่าจ้างคนหนึ่งให้มาดูแลและจัดการกิจการงานของบ้าน  ซึ่งเรามักคุ้นหูกับการใช้คำว่า “คนต้นเรือน”  เช่น ใน พระกิตติคุณลูกา 12:42 

ลักษณะเฉพาะ หรือ พิเศษ สำหรับคนต้นเรือนคือ คนๆ นั้นจะต้องรับผิดชอบจัดการกิจการ ธุรกิจ  การงานทั้งบ้านให้เป็นไปตามความประสงค์ของเจ้านายมิใช่ตามที่ตนเองเห็นดีเห็นควร  หรือบริหารจัดการตามใจของตนเองหรือที่ตนเองได้ร่ำเรียนมา   มิใช่บริหารจัดการเพื่อผลประโยชน์ของตน   แต่เพื่อผลประโยชน์ของเจ้านายหรือเจ้าของบ้าน  หรือเจ้าของกิจการงานธุรกิจ   เขาคนนั้นจะต้องกระทำการบริหารจัดการตามแนวทางที่เจ้าของบ้านประสงค์และได้วางไว้   ตามความต้องการและความสนใจของเจ้านายหรือเจ้าของบ้าน   แม้การกระทำตามความประสงค์หรือแนวทางของเจ้านายนั้นจะรู้สึกขัดแย้งกับความปรารถนาหรือรู้สึกสบายใจของ “คนต้นเรือน” ก็ตาม

สำหรับพระเยซูคริสต์แล้ว   คนที่จะมารับงานผู้จัดการพระราชกิจของพระองค์ในกรอบงานต่างๆ นั้นจะต้องเป็นคนที่มีมุมมองและอุทิศตนอย่างที่พระองค์ตรัสไว้ในพระกิตติคุณยอห์น 12:24-26 

1. เป็นผู้ที่ยอมมอบกายถวายชีวิตแด่พระองค์   มิได้มีชีวิตและทำงานเพื่อนตนเอง   แต่ทำงานอย่างถวายชีวิตเพื่อพระประสงค์ของพระคริสต์ (ข้อ 24-25)

2. เป็นผู้ที่ดำเนินชีวิตและทำงานที่ติดตามพระคริสต์   อยู่ในทุกที่ที่พระคริสต์อยู่   ทำในทุกงานที่พระองค์มอบหมายให้กระทำ   และที่สำคัญคือสำนึกว่าตนเองเป็นคนใช้ของพระคริสต์   นั่นคือคนใช้ของทุกคนที่ตนทำงานด้วย (ข้อ 26)

3. เป็นผู้ที่รู้เท่าทันแน่ชัดเจนว่า  เกียรติ  ชื่อเสียง  คุณค่าหน้าตาของคนต้นเรือน มิใช่มาจากการมีตำแหน่ง   จำนวนเงินเดือนมากๆ ที่ได้รับ   การได้รับการนับหน้าถือตามจากคนรอบข้าง  การก้มหัวคำนับจากเพื่อนร่วมงาน   แต่เกียรติสำหรับ คนต้นเรือน หรือ ผู้จัดการของพระคริสต์มาจากพระบิดา (ข้อ 26)

การที่เราเป็นผู้จัดการพระราชกิจของพระเยซูคริสต์มีหลักคิดที่สำคัญคือ   ในทุกครั้งที่เราได้รับโอกาสในการเป็นคนต้นเรือน หรือ พ่อบ้าน  ไม่ว่าจะเป็นการจัดการกิจการงาน หรือ บริหารจัดการความขัดแย้ง   ไม่ว่าเราจะได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบงานอะไร   ตำแหน่งใด  เราต้องตระหนักชัดว่า เราได้รับโอกาสและรับความไว้วางใจในการจัดการพระราชกิจของพระองค์ตามกรอบงานที่ทรงมอบหมาย   

ประการสำคัญแรก คือท่านจะต้องแสวงหาความเข้าใจที่ชัดเจนจากพระวจนะของพระเจ้าว่าพระองค์ประสงค์อะไรที่เรียกให้ท่านบริหารจัดการกิจการนั้น หรือ สถานการณ์นั้น  

ประการที่สอง เมื่อพระเจ้าทรงเรียกใช้ใคร  พระองค์จะประทานกำลังความคิด  ความสามารถ  และบุคลากร  อุปกรณ์ที่จำเป็นแก่เรา  

ประการที่สาม เราจะต้องบริหารจัดการภารกิจที่ได้รับมอบหมายนั้นอย่างสัตย์ซื่อ   ด้วยพระคุณของพระเจ้า   และตามแนวทางตามพระประสงค์ของพระคริสต์  

ประการที่สี่  พระเจ้าจะประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์ให้อยู่เคียงข้างเรา  เป็นที่ปรึกษาของเรา  และหนุนเสริมเป็นกำลังแก่เราในการขับเคลื่อนจัดการภารกิจนั้นๆ ให้ลุล่วงสำเร็จตามพระประสงค์

ในทุกวันนี้  งานเป็นสิ่งที่ผู้คนไขว่คว้าหากันทำเพื่อจะมีรายได้เลี้ยงชีพ  เพื่อความมั่นคงของชีวิตตนและครอบครัว   แต่สำหรับเราท่านที่เป็นคริสตชนแล้ว   ทุกงานที่เราทำเรากำลังเป็นคนต้นเรือน หรือ เป็นพ่อบ้านในงานนั้นๆ ที่พระองค์ทรงเรียกและมอบหมายให้เราทำ   ที่สำคัญคือเราตระหนักชัดเจนหรือไม่ว่า พระเจ้ามีพระประสงค์อะไรที่มอบหมายให้เรารับผิดชอบงานนั้น?   พระองค์คาดหวังว่า เราจะทำงานให้เกิดผลอะไรและอย่างไรบ้าง?   ในการทำงานที่ทรงเรียกนั้นพระองค์ต้องการให้เราเป็นคนต้นเรือนที่เสริมสร้างสัมพันธภาพกับผู้คนรอบข้างในงานที่ทรงมอบหมายนั้นอย่างไร? 

วันนี้ไม่ว่าเราจะเป็นเกษตรกร  คนงานรับจ้าง  พ่อค้าแม่ขาย  แพทย์  พยาบาล  นักศึกษา  อาจารย์   คนสวน  แม่ครัว  คนทำความสะอาด   ผู้จัดการโรงพยาบาล   ครูใหญ่โรงเรียน  ผู้อำนวยการโรงพยาบาล  หน่วยงาน  สถาบันต่างๆ   นักธุรกิจ   นักวิทยาศาสตร์  นักการเมือง   อธิการมหาวิทยาลัย  ศิษยาภิบาล  ผู้บริหารทางการเงิน  ผู้บริหารองค์กรระดับชาติ  ผู้บริหารสภาคริสตจักร   โรงพยาบาล โรงเรียน  และ ฯลฯ   เราคงต้องตระหนักชัดเจนว่า

1. ทุกอย่างที่เรามี  ไม่ว่าร่างกาย  กำลัง  สติปัญญา  ความสามารถ  ทรัพยากรต่างๆ  เพื่อนร่วมงานทั้งสิ้นที่เราใช้ในการทำงาน  เรามิได้เป็นเจ้าของ   แต่ทั้งสิ้นนี้พระเจ้าทรงประทานแก่เราตามที่พระองค์เห็นเหมาะสม   เพื่อให้เราทำงานชีวิตตามพระประสงค์ของพระองค์   เราเป็นเหมือนบ่าวที่ได้รับมอบตะลันต์จากเจ้านายให้นำไปทำให้เกิดประโยชน์ (ดู มัทธิว 25:14-30)

2. พระเจ้าประสงค์อะไรที่เรียกให้เราบริหารจัดการกิจการนั้น งานนั้น  หรือ สถานการณ์นั้นที่ท่านรับผิดชอบอยู่ในวันนี้?

3. พระเจ้าทรงคาดหวังอะไรจากการที่ทรงมอบหมายภารกิจการงาน หรือ ตำแหน่งที่ท่านเป็นอยู่ในวันนี้   ให้ท่านรับผิดชอบอะไรบ้างต่อพระองค์?

4. เมื่อเราประสบกับวิกฤติตีบตันในงานที่ได้รับการทรงมอบหมาย   เราจะจัดการสถานการณ์เช่นนั้นอย่างไร?

5. เรารู้หรือไม่ว่า   พระเจ้าประสงค์ให้เราบริหารจัดการสัมพันธภาพระหว่างผู้คนที่เกี่ยวข้องกับงานที่ทรงมอบหมายอย่างไรบ้าง?

6. เราชัดเจนไหมว่า   อะไรคือสิ่งที่มีคุณค่าสูงสุดและสำคัญๆในการบริหารจัดการภารกิจงานนั้นๆ ตามพระประสงค์ของพระเจ้าที่ทรงมอบหมายงานความรับผิดชอบนี้แก่เรา?

7. วันนี้หลังทำงานแล้ว   ถ้าท่านต้องพบกับเจ้านายที่เป็นเจ้าของทรัพยากรทั้งหมดเหล่านี้   และมอบหมายให้ท่านใช้ทรัพยากรทุกอย่างที่พระองค์ประทานแก่ท่านทำตามพระประสงค์ของพระองค์   ท่านจะรายงานพระองค์ว่าอย่างไรดี?

วันนี้ท่านเป็นผู้จัดการของพระเจ้าในงานที่ท่านทำและรับผิดชอบครับ!

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com

081-2894499

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น