04 กรกฎาคม 2556

การพลิกฟื้นชีวิตจิตวิญญาณ

พระคริสต์ก่อร่างสร้างขึ้นในชีวิตของเรา

การพลิกฟื้นชีวิตจิตวิญญาณเป็นกระบวนการที่พระคริสต์ทรงก่อร่างขึ้นในชีวิตของเรา...เพื่อให้ชีวิตของเราเป็นไปตามพระฉายของพระเจ้า   ให้มีชีวิตตามพระประสงค์ของพระองค์   เป็นการถวายพระเกียรติแด่พระองค์   และเราจะมีชีวิตที่ครบบริบูรณ์  อีกทั้งมีชีวิตเพื่อคนอื่นด้วย (กาลาเทีย 4:19; โรม 8:29;  12:1-2 อมตธรรม)   การพลิกฟื้นชีวิตจิตวิญญาณในคริสตชนจะเกิดขึ้นได้นั้น  เกิดจากพระฉายาหรือพระลักษณะชีวิตของพระคริสต์ถูกปลูกฝังลงในชีวิตจิตวิญญาณของเรา   และพระลักษณะชีวิตพระคริสต์ได้เติบโตขึ้นในเวลาเดียวกันก็ทำให้เกิดการพลิกฟื้นใหม่ในชีวิตของคนๆ นั้น   กระบวนการการก่อร่างพระคริสต์ในชีวิตคริสตชนที่ทำให้ชีวิตจิตวิญญาณคริสตชนเกิดการปรับเปลี่ยนไปเป็นชีวิตดั่งพระคริสต์นี้เองที่เป็นหัวใจหรือแก่นหลักแห่งพระกิตติคุณของพระคริสต์   และการที่ชีวิตของคนหนึ่งคนใดที่เกิดการพลิกฟื้นใหม่ในชีวิตจิตวิญญาณก็เป็นการยืนยันถึงพลังแห่งพระกิตติคุณที่กอบกู้ชีวิตจิตวิญญาณของคนๆ นั้นออกจากอำนาจแห่งความบาปชั่ว   แล้วบ่มเพาะให้เป็นชีวิตที่มีพลังของพระคริสต์ที่จะดำเนินชีวิตเพื่อสำแดงพระประสงค์ของพระเจ้า (โรม 12:2)

รับการพลิกฟื้นจิตใจ

เป็นน้ำพระทัยของพระเจ้า  ที่คริสตชนไม่ดำเนินชีวิตไปตามกระแสสังคม   แต่ให้แสวงหาและรับการพลิกฟื้นจิตใจขึ้นใหม่   คำภาษากรีกในพระคัมภีร์ตอนนี้ที่ภาษาไทยแปลว่าจิตใจนั้นคือคำว่า nous ซึ่งมีความหมายครอบคลุมไปถึง ความคิด หรือ การนึกคิดด้วย   แต่ความคิดที่ว่านี้มีความหมายกว้างกว่าสติปัญญาและเหตุผล  กระบวนการคิด  ความรู้ และการรับรู้   แต่หมายถึงการสะท้อนคิดในจิตสำนึก  ซึ่งรวมไปถึงกระบวนการรับรู้และความเข้าใจ  รวมถึงความรู้สึก  การพิจารณา  ตัดสินใจ  หรือการตัดสินสิ่งหนึ่งสิ่งใด   ที่เป็นตัวกระทบต่อการกระทำหรือพฤติกรรมที่แสดงออกมา   อันเป็นการตอบสนองต่อสภาพแวดล้อมของโลกที่คนๆ นั้นประสบพบ  

ดังนั้น  วิธีการใดๆ ที่แสวงหาการพลิกฟื้นที่เป็นการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงต้องเป็นการที่ได้รับมากกว่าข้อมูลข่าวสารในระดับของความรู้หรือการรับรู้เท่านั้น   แต่ต้องเป็นสิ่งที่สร้างพลังกระทบต่อรากฐานส่วนลึกในชีวิตของเราและมีแรงกระทบต่อความเชื่อและความไว้วางใจของเราภายใน    การวางรูปแบบชีวิตที่ผิดพลาดคลาดเคลื่อน   และอุปสรรคต่างๆ จะเป็นตัวขวางกั้นเราจากการยอมจำนนชีวิตทั้งสิ้นของเราต่อพระเจ้า   การพลิกฟื้นเปลี่ยนแปลงอย่างสิ้นเชิงเช่นนี้ต้องมีการสอนถึงคุณลักษณะชีวิตคริสต์ชนที่ชัดเจน   มีแนวทางและวิธีการปฏิบัติที่แจ่มชัดเป็นรูปธรรม   เพื่อที่จะทำให้เราสามารถซึมซับสัจจะความจริงเข้าไปภายในชีวิตของเรา  เพื่อที่จะช่วยเรารู้ว่าเราจะตอบสนองต่อการพลิกฟื้นเปลี่ยนแปลงเช่นนั้นในสภาพบริบทในสังคมโลกปัจจุบันอย่างไร

พระราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์

การพลิกฟื้นชีวิตจิตวิญญาณเป็นกระบวนการสำหรับคนที่ติดตามเป็นสาวกของพระคริสต์ที่จะเปลี่ยนแปลงและเติบโตขึ้นในชีวิตจิตวิญญาณ   อย่างกับทารกที่เติบโตขึ้นเป็นเด็กเป็นวัยรุ่น  แล้วเป็นผู้ใหญ่   เมล็ดพันธุ์แห่งชีวิตของพระคริสต์ถูกหว่านลงในชีวิตของเรา   เมล็ดดังกล่าวจะงอกงามเติบโต   อย่างไรก็ตามกระบวนการการพลิกฟื้นชีวิตจิตวิญญาณนั้นเป็นกระบวนการเหนือธรรมชาติด้วย   กล่าวคือมีบางสิ่งบางอย่างที่พระเจ้าเท่านั้นทรงกระทำให้สำเร็จในชีวิตของเราโดยผ่านทางพระวิญญาณบริสุทธิ์   พระวิญญาณบริสุทธิ์จะช่วยหนุนเสริมเรา  ทรงแนะนำและสอนเรา  ทรงนำเราไปในทางของสัจจะความจริงเพื่อเราจะสามารถรับการปรับเปลี่ยนชีวิตจิตวิญญาณได้ (ยอห์น บทที่ 15 และ 16)   และพระวิญญาณจะช่วยในการสื่อสารสิ่งที่ล้ำลึกจากพระเจ้าเข้าในชีวิตของเรา (1โครินธ์ 2:9-16)  เราจะพบทางของการทรงปรับเปลี่ยนชีวิตจิตวิญญาณของเราด้วยการทรงนำของพระวิญญาณบริสุทธิ์   แต่เราไม่สามารถที่จะควบคุมการทำงานของพระวิญญาณบริสุทธิ์   หรือทำให้สิ่งนี้เกิดขึ้นด้วยตัวของเราเองหรือตามใจปรารถนา ลมแห่งพระวิญญาณจะพัดไปตามทางที่พระวิญญาณจะพัดไป (ยอห์น 3:8)

เปาโลอธิบายเรื่องนี้ด้วยการเปรียบเทียบทั้งในมิติที่เป็นไปตามธรรมชาติ  และที่เหนือธรรมชาติ   ภาพที่เป็นไปตามธรรมชาติเป็นการปรับเปลี่ยนชีวิตจิตวิญญาณที่เป็นเหมือนตัวอ่อนที่ก่อตัวขึ้นในครรภ์ของมารดา   เหมือนพระคริสต์ที่ก่อตัวในชีวิตของคริสตชน   “...ข้าพ​เจ้า​ต้อง​เจ็บ​ครรภ์​เพราะ​ท่าน​ทั้ง​หลาย​อีก จน​กว่า​พระ​คริสต์​จะ​ได้​ทรง​ก่อ​ร่าง​ขึ้น​ใน​ตัว​ท่าน” (กาลาเทีย 4:19)   ในกระบวนการนี้มนุษย์มีส่วนในการพลิกฟื้นปรับเปลี่ยนชีวิตจิตวิญญาณด้วยการรับการก่อร่างขึ้นของพระคริสต์ในชีวิตตน และ  การเกิดชีวิตใหม่ของพระคริสต์ในชีวิตเรา   อย่างไรก็ตามมนุษย์เราเข้าใจในกระบวนการตั้งครรภ์จนคลอดบุตรในความจริงหลายๆ เรื่อง   แต่ก็ยังมีอีกหลายเรื่องเกี่ยวกับการตั้งครรภ์และคลอดบุตรที่ยังเป็นเรื่องที่ล้ำลึกเกินกว่าความเข้าใจของเรา   ยังเป็นเรื่องอัศจรรย์   ซึ่งส่วนเหล่านี้เป็นพระราชกิจของพระเจ้า

ตามที่เปาโลกล่าวในโรม 12:2 ที่กล่าวถึงกระบวนการพลิกฟื้นปรับเปลี่ยนของชีวิต  ท่านกล่าวว่า  อย่า​ลอก​เลียน​แบบ​อย่าง​คน​ใน​ยุค​นี้ แต่​จง​รับ​การ​เปลี่ยน​แปลง​จิต​ใจหรือกระบวนการนึกคิดเสียใหม่  คำว่าเปลี่ยนแปลงที่เราแปลในภาษาไทย   มาจากภาษากรีกในพระคัมภีร์คำว่า  metamorphooซึ่งใช้ในกระบวนการเปลี่ยนแปลงจากหนอนผีเสื้อที่เข้าไปฝังตัวอยู่ในความมืดของรังไหม  กลายเป็นดักแด้  ในที่สุดเกิดการพลิกฟื้นและปรับเปลี่ยนชีวิตของมันอย่างสิ้นเชิงเป็นผีเสื้อ   เหนือที่เราจะรับรู้หรือเข้าใจได้   เป็นการเปลี่ยนแปลงทั้งในระดับโครงสร้าง ศักยภาพ และความสามารถอย่างสิ้นเชิง   การเปลี่ยนแปลงเช่นนี้เป็นกระบวนการเปลี่ยนแปลงที่เหนือความเข้าใจ   เป็นการเปลี่ยนแปลงจากพระเจ้าที่ทรงกระทำพระราชกิจของพระองค์

การน้อมรับความล้ำลึก

ทั้งการก่อร่างของตัวอ่อนในครรภ์มารดา และ การปรับเปลี่ยนชีวิตของหนอนผีเสื้อในรังไหมเป็นปรากฏการณ์ตามธรรมชาติทางกายภาพของโลกนี้   แต่ก็มีส่วนของทั้งกายภาพตามธรรมชาติกับพระราชกิจของพระเจ้า   ภาพเปรียบเทียบนี้ได้นำไปสู่ความเข้าใจถึงกระบวนการพลิกฟื้นปรับเปลี่ยนของชีวิตจิตวิญญาณในมิติความล้ำลึกในการปรับเปลี่ยน   ภายนอกเราดูเหมือนว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงไปตามปกติ   แต่ยังมีอีกส่วนหนึ่งที่เราจะเข้าใจได้ก็โดยการที่พระเจ้าทรงเปิดเผยถึงพระราชกิจที่พระองค์ทรงกระทำเท่านั้น

แท้จริงแล้ว   ทุกสิ่งที่เรายืนยันว่าเป็นหลักแก่นในความเชื่อศรัทธาของคริสตชนนั้นพระคัมภีร์บ่งชี้ว่าเป็นความล้ำลึก   เป็นความล้ำลึกของพระเจ้า (1โครินธ์ 2:1)... เราเป็นคนรับใช้ของพระคริสต์  และรับมอบหมายสิ่งล้ำลึกของพระเจ้า (1โครินธ์ 4:1 อมตธรรม)   ความล้ำลึกแห่งพระประสงค์ของพระเจ้า (เอเฟซัส 1:9)   ความล้ำลึกของพระคริสต์ (เอเฟซัส 3:4)...ความล้ำลึกของข่าวประเสริฐ (เอเฟซัส 6:19)  ความล้ำลึกในชีวิตสมรสที่ประยุกต์ใช้กับความสัมพันธ์ของพระคริสต์กับคริสตจักร (เอเฟซัส 5:31-32)  ความล้ำลึกแห่งศักดิ์ศรีที่พระคริสต์สถิตภายในท่าน (โคโลสี 1:27)   ความล้ำลึกของพระเจ้าคือพระคริสต์ (โคโลสี 2:2)... ความล้ำลึกในความเชื่อ (1ทิโมธี 3:9)

ถ้าเรารู้สึกไม่สบายใจในเรื่องความล้ำลึก  เราก็จะไม่สบายใจกับพระกิตติคุณที่เราประกาศ   การจาริกไปบนเส้นทางของการพลิกฟื้นปรับเปลี่ยนชีวิตจิตวิญญาณเราต้องเต็มใจที่จะยอมละจากการพยายามควบคุมชีวิตของเราแต่ให้ตัวเราเคลื่อนไปตามกระบวนการที่เราไม่สามารถที่จะเข้าใจได้ทั้งหมด และไม่สามารถที่จะคาดเดาว่าจะเกิดผลอย่างไร   เรารู้ว่าเราจะมีคุณลักษณะชีวิตที่เป็นเหมือนพระคริสต์มากยิ่งขึ้น   เราไม่สามารถบอกหรือคาดเดาว่าพระลักษณะพระคริสต์อันใดที่จะเกิดขึ้นในชีวิตของเรา   หรือชีวิตของเราจะเป็นอย่างไร

บทบาทของวินัยชีวิตจิตวิญญาณ

ในเมื่อเราไม่สามารถที่จะปรับเปลี่ยนตัวเราเองให้มีลักษณะที่เป็นเหมือนพระคริสต์   แต่เราสามารถสร้างเงื่อนไขให้การพลิกฟื้นปรับเปลี่ยนชีวิตจิตวิญญาณสามารถเกิดขึ้นได้   และนี่คือที่มาของการฝึกหัดทางจิตวิญญาณ   การฝึกหัดด้านจิตวิญญาณมิใช่ช่องทางที่ทำตนเพื่อพิสูจน์ว่าจิตวิญญาณของเราอยู่เหนือกว่าคนอื่น   และก็มิใช่โปรแกรมเพื่อจะช่วยให้ตนเองสามารถเข้าไปเข้าควบคุมการปรับเปลี่ยนชีวิตจิตวิญญาณในชีวิตของเรา   แต่เป็นการฝึกวินัยจิตวิญญาณที่ใช้กิจกรรมที่เป็นรูปธรรมเพื่อที่ทำตัวของเราให้เปิดกว้างรับการทรงกระทำพระราชกิจของพระเจ้าในชีวิตและผ่านชีวิตของเรา

นี่คือสิ่งที่เปาโลวิงวอนให้คริสตชนในกรุงโรม“...ให้​ถวาย​ตัว​ของ​ท่าน​แด่​พระ​องค์ เพื่อ​เป็น​เครื่อง​บูชา​อัน​บริ​สุทธิ์​ที่​มี​ชีวิตและ​เป็น​ที่​พอ​พระ​ทัย​พระ​เจ้า ซึ่ง​เป็น​การ​นมัส​การ​โดย​วิญ​ญาณ​จิต​ของ​ท่าน” (โรม 12:1 มตฐ)   เปาโลกำลังบอกว่า  เราสามารถที่จะตั้งอกตั้งใจสร้างเงื่อนไขเพื่อให้เกิดกระบวนการพลิกฟื้นปรับเปลี่ยนชีวิตจิตวิญญาณ   โดยการยอมเข้าร่วมการมีวินัยที่ช่วยให้เรายอมตนต่อพระเจ้า   มิใช่เป็นเพียงคิดตามทฤษฎีเท่านั้นและเป็นการกระทำจริงในชีวิต   Richard Foster ได้อธิบายไว้ว่า   “วินัยชีวิตจิตวิญญาณเป็นแนวทางหลักที่เราถวายตัวเราต่อพระเจ้าเป็นเครื่องบูชาที่มีชีวิตอยู่   เราสามารถที่จะถวายชีวิตของเรา  ความคิดของเรา  จิตใจของเรา   พระเจ้าจะทรงรับตัวเราที่เป็นของถวายนี้เพื่อพระองค์จะทรงกระทำในสิ่งที่เราไม่สามารถกระทำด้วยตนเอง   แล้วทรงกระทำให้เกิดนิสัยแห่งความรักและสันติสุข  และชื่นชมยินดีในพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่ฝังลึกลงในชีวิตจิตวิญญาณของเรา...” (Renovare Perspective, April 1999)

ความสำคัญจำเป็นของชุมชนที่เป็นพระวรกายของพระคริสต์

การพลิกฟื้นปรับเปลี่ยนชีวิตจิตวิญญาณเมื่อเกิดขึ้นแล้วจะนำสู่การเปลี่ยนแปลงต่อเนื่องมากขึ้น  ยิ่งนานยิ่งเพิ่มมากขึ้น  และเป็นการเพิ่มพูนขึ้นในชีวิตของผู้อื่นที่อยู่ร่วมในบริบทให้มีวินัยชีวิตจิตวิญญาณร่วมกับเรา  และการฝึกหัดการเปิดตนเองแด่พระเจ้า   โดยทั่วไปแล้ว  เมื่อเรายังมีชีวิตบนโลกนี้ การพลิกฟื้นเปลี่ยนแปลงชีวิตจิตวิญญาณของเราจะเพิ่มมากขึ้น (2โครินธ์ 3:18) เมื่อเราได้พึ่งพาหนุนเสริมกันและกันที่จะเติบโตขึ้น(1โครินธ์ 12)

คำสอนของเปาโลในเรื่องการพลิกฟื้นเปลี่ยนแปลงชีวิตจิตวิญญาณในโรมบทที่ 12 และในจดหมายฝากตอนอื่นๆ การพลิกฟื้นปรับเปลี่ยนชีวิตจิตวิญญาณเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในบริบทคริสตจักรที่เป็นชุมชนแห่งพระกายพระคริสต์ที่ประกอบด้วยอวัยวะมากมายหลายส่วน   เราบ่มเพาะ  สั่งสอน  กระตุ้นหนุนเสริมกันและกันด้วยความรักและกระทำสิ่งที่ดีต่อกัน   เพื่อเราจะเติบโตขึ้นในพระคริสต์ร่วมกัน   ของประทานด้านจิตวิญญาณของเรามีไว้เพื่อกระทำสิ่งดีเพื่อผู้อื่น   มิใช่เพื่อประโยชน์สำหรับตนเองหรือสร้างบารมีแก่ตนเอง   แต่เราเป็นตัวแทนของพระคริสต์ที่จะนำพระคุณนั้นไปถึงคนต่างๆ   เพื่อเสริมสร้างพระกายของพระคริสต์ให้จำเริญขึ้น  Robert Mulholland ได้เขียนไว้ว่า  “เราไม่สามารถที่จะมีการพลิกฟื้นปรับเปลี่ยนชีวิตให้มีลักษณะเหมือนพระคริสต์มากขึ้นภายนอกชุมชนผู้เชื่อ   จิตวิญญาณเป็นเหมือนถ่านไฟที่จะต้องอยู่ในกองไฟหรือในเตาไฟเพื่อที่จะสามารถเผาไหม้ให้ความร้อน”  (Invitation to a Journey, p.145)   (แต่ถ้าแยกออกไปเป็นถ่านเพียงก้อนเดียวก็จะเริ่มอ่อนแรงและมอดดับลงในที่สุด)

แน่นอนครับเมื่อเราฝึกปฏิบัติชีวิตจิตวิญญาณมีบางครั้งที่เราฝึกปฏิบัติเป็นการส่วนตัว (การเฝ้าเดี่ยว,  การเข้าเงียบ,   การอ่านพระวจนะ,  การสำรวจตนเอง,  การสารภาพ,  การแสวงหาทิศทางชีวิตจิตวิญญาณ)   แต่เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพควรมีการปฏิบัติวินัยชีวิตจิตวิญญาณร่วมกันในชุมชนด้วย (การอธิษฐานและนมัสการพระเจ้าร่วมกัน,  การเรียนการสอนร่วมกัน,  การหนุนเสริมกันและกัน, การช่วยเหลือเกื้อกูลกันและกัน,  การร่วมสามัคคีธรรมในมหาสนิท,  การต้อนรับกันและกัน,   การเอาใจใส่คนที่จำเป็นได้รับการเอาใจใส่,  มิตรภาพทางจิตวิญญาณ, การแบ่งปันชีวิต   การเสริมสร้างความยุติธรรม และ ฯลฯ)

เพื่อเห็นแก่ผู้อื่น

การพลิกฟื้นเปลี่ยนแปลงชีวิตจิตวิญญาณมีเป้าหมายในตัวของมันเอง   เพื่อที่จะนำการยกย่องสรรเสริญแด่พระเจ้า   และในเวลาเดียวกันก็เป็นแนวทางที่นำไปสู่เป้าหมายปลายทางเพื่อที่เราจะสื่อสารการสถิตอยู่ของพระคริสต์ไปยังคนอื่น  และเพื่อที่จะสำแดงการกระทำด้วยความรักเมตตาในโลกนี้   เครื่องมือที่จะใช้ในการวัดถึงความเป็นผู้ใหญ่ในชีวิตจิตวิญญาณคือการเชื่อฟังตามพระมหาบัญญัติของพระคริสต์   ที่ชีวิตจิตวิญญาณจะรักพระเจ้ามากขึ้นสุดชีวิต  แล้วนำไปสู่การรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง (มาระโก 12:30-31;  1โครินธ์ 12;  1ยอห์น 4:7)   จากนั้นคนๆ นั้นจะเชื่อฟังและกระทำตามพระมหาบัญชาของพระคริสต์ (มัทธิว 28:18-20)

การสำแดงความรักเมตตา เช่น การให้สิ่งต่างๆ ที่เรามีด้วยใจกว้างขวาง,   การสร้างการคืนดีและสร้างสันติ(ทั้งในชีวิตภายในตลอดไปจนถึงการข้ามเผ่าพันธุ์  ข้ามเพศ   ข้ามสถานะทางเศรษฐกิจ   และในกลุ่มประชาชนต่างๆ)   กระทำให้เกิดความยุติธรรม   กระทำสำแดงความเมตตา  เอาใจใส่คนยากคนจน   และทำการเพื่อเสริมสร้างชีวิตที่ดีกว่าในชุมชนต่างๆ ของมนุษยชาติ   รวมไปถึงการแบ่งปันความเชื่อศรัทธาของเราด้วย(การประกาศ)   เรากระทำสิ่งทั้งสิ้นในพระนามของพระเยซูคริสต์   ด้วยความรัก เมตตา เสียสละของพระองค์

การก่อร่างชีวิตของพระคริสต์ในชีวิตจิตวิญญาณของเรานั้นก็เพื่อที่จะเป็นการยกย่องสรรเสริญพระเจ้า   เพื่อเราจะมีชีวิตที่ครบบริบูรณ์   และเพื่อเห็นแก่ชีวิตของผู้อื่น   ด้วยเหตุนี้เราจึงตรากตรำทำงานหนัก  และเผชิญกับทุกสิ่งทุกสถานการณ์ชีวิตด้วยพระกำลังจากพระเจ้าที่ประทานแก่ชีวิตจิตวิญญาณของเรา
เรียบเรียงและ สะท้อนคิดจากบทความของ Dr. Ruth Haley Barton

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com

081-2894499

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น