พระคริสต์ก่อร่างสร้างขึ้นในชีวิตของเรา
การพลิกฟื้นชีวิตจิตวิญญาณเป็นกระบวนการที่พระคริสต์ทรงก่อร่างขึ้นในชีวิตของเรา...เพื่อให้ชีวิตของเราเป็นไปตามพระฉายของพระเจ้า ให้มีชีวิตตามพระประสงค์ของพระองค์ เป็นการถวายพระเกียรติแด่พระองค์ และเราจะมีชีวิตที่ครบบริบูรณ์ อีกทั้งมีชีวิตเพื่อคนอื่นด้วย (กาลาเทีย 4:19; โรม 8:29; 12:1-2 อมตธรรม) การพลิกฟื้นชีวิตจิตวิญญาณในคริสตชนจะเกิดขึ้นได้นั้น
เกิดจากพระฉายาหรือพระลักษณะชีวิตของพระคริสต์ถูกปลูกฝังลงในชีวิตจิตวิญญาณของเรา และพระลักษณะชีวิตพระคริสต์ได้เติบโตขึ้นในเวลาเดียวกันก็ทำให้เกิดการพลิกฟื้นใหม่ในชีวิตของคนๆ
นั้น กระบวนการการก่อร่างพระคริสต์ในชีวิตคริสตชนที่ทำให้ชีวิตจิตวิญญาณคริสตชนเกิดการปรับเปลี่ยนไปเป็นชีวิตดั่งพระคริสต์นี้เองที่เป็นหัวใจหรือแก่นหลักแห่งพระกิตติคุณของพระคริสต์ และการที่ชีวิตของคนหนึ่งคนใดที่เกิดการพลิกฟื้นใหม่ในชีวิตจิตวิญญาณก็เป็นการยืนยันถึงพลังแห่งพระกิตติคุณที่กอบกู้ชีวิตจิตวิญญาณของคนๆ
นั้นออกจากอำนาจแห่งความบาปชั่ว แล้วบ่มเพาะให้เป็นชีวิตที่มีพลังของพระคริสต์ที่จะดำเนินชีวิตเพื่อสำแดงพระประสงค์ของพระเจ้า
(โรม 12:2)
รับการพลิกฟื้นจิตใจ
เป็นน้ำพระทัยของพระเจ้า ที่คริสตชนไม่ดำเนินชีวิตไปตามกระแสสังคม แต่ให้แสวงหาและรับการพลิกฟื้นจิตใจขึ้นใหม่
คำภาษากรีกในพระคัมภีร์ตอนนี้ที่ภาษาไทยแปลว่าจิตใจนั้นคือคำว่า nous
ซึ่งมีความหมายครอบคลุมไปถึง ความคิด หรือ การนึกคิดด้วย
แต่ความคิดที่ว่านี้มีความหมายกว้างกว่าสติปัญญาและเหตุผล กระบวนการคิด
ความรู้ และการรับรู้ แต่หมายถึงการสะท้อนคิดในจิตสำนึก ซึ่งรวมไปถึงกระบวนการรับรู้และความเข้าใจ รวมถึงความรู้สึก การพิจารณา
ตัดสินใจ
หรือการตัดสินสิ่งหนึ่งสิ่งใด
ที่เป็นตัวกระทบต่อการกระทำหรือพฤติกรรมที่แสดงออกมา อันเป็นการตอบสนองต่อสภาพแวดล้อมของโลกที่คนๆ นั้นประสบพบ
ดังนั้น วิธีการใดๆ ที่แสวงหาการพลิกฟื้นที่เป็นการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงต้องเป็นการที่ได้รับมากกว่าข้อมูลข่าวสารในระดับของความรู้หรือการรับรู้เท่านั้น
แต่ต้องเป็นสิ่งที่สร้างพลังกระทบต่อรากฐานส่วนลึกในชีวิตของเราและมีแรงกระทบต่อความเชื่อและความไว้วางใจของเราภายใน การวางรูปแบบชีวิตที่ผิดพลาดคลาดเคลื่อน และอุปสรรคต่างๆ จะเป็นตัวขวางกั้นเราจากการยอมจำนนชีวิตทั้งสิ้นของเราต่อพระเจ้า การพลิกฟื้นเปลี่ยนแปลงอย่างสิ้นเชิงเช่นนี้ต้องมีการสอนถึงคุณลักษณะชีวิตคริสต์ชนที่ชัดเจน มีแนวทางและวิธีการปฏิบัติที่แจ่มชัดเป็นรูปธรรม
เพื่อที่จะทำให้เราสามารถซึมซับสัจจะความจริงเข้าไปภายในชีวิตของเรา เพื่อที่จะช่วยเรารู้ว่าเราจะตอบสนองต่อการพลิกฟื้นเปลี่ยนแปลงเช่นนั้นในสภาพบริบทในสังคมโลกปัจจุบันอย่างไร
พระราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์
การพลิกฟื้นชีวิตจิตวิญญาณเป็นกระบวนการสำหรับคนที่ติดตามเป็นสาวกของพระคริสต์ที่จะเปลี่ยนแปลงและเติบโตขึ้นในชีวิตจิตวิญญาณ อย่างกับทารกที่เติบโตขึ้นเป็นเด็กเป็นวัยรุ่น แล้วเป็นผู้ใหญ่ เมล็ดพันธุ์แห่งชีวิตของพระคริสต์ถูกหว่านลงในชีวิตของเรา เมล็ดดังกล่าวจะงอกงามเติบโต อย่างไรก็ตามกระบวนการการพลิกฟื้นชีวิตจิตวิญญาณนั้นเป็นกระบวนการเหนือธรรมชาติด้วย
กล่าวคือมีบางสิ่งบางอย่างที่พระเจ้าเท่านั้นทรงกระทำให้สำเร็จในชีวิตของเราโดยผ่านทางพระวิญญาณบริสุทธิ์ พระวิญญาณบริสุทธิ์จะช่วยหนุนเสริมเรา ทรงแนะนำและสอนเรา
ทรงนำเราไปในทางของสัจจะความจริงเพื่อเราจะสามารถรับการปรับเปลี่ยนชีวิตจิตวิญญาณได้
(ยอห์น บทที่ 15 และ 16)
และพระวิญญาณจะช่วยในการสื่อสารสิ่งที่ล้ำลึกจากพระเจ้าเข้าในชีวิตของเรา (1โครินธ์ 2:9-16)
เราจะพบทางของการทรงปรับเปลี่ยนชีวิตจิตวิญญาณของเราด้วยการทรงนำของพระวิญญาณบริสุทธิ์
แต่เราไม่สามารถที่จะควบคุมการทำงานของพระวิญญาณบริสุทธิ์ หรือทำให้สิ่งนี้เกิดขึ้นด้วยตัวของเราเองหรือตามใจปรารถนา
ลมแห่งพระวิญญาณจะพัดไปตามทางที่พระวิญญาณจะพัดไป (ยอห์น 3:8)
เปาโลอธิบายเรื่องนี้ด้วยการเปรียบเทียบทั้งในมิติที่เป็นไปตามธรรมชาติ และที่เหนือธรรมชาติ ภาพที่เป็นไปตามธรรมชาติเป็นการปรับเปลี่ยนชีวิตจิตวิญญาณที่เป็นเหมือนตัวอ่อนที่ก่อตัวขึ้นในครรภ์ของมารดา เหมือนพระคริสต์ที่ก่อตัวในชีวิตของคริสตชน “...ข้าพเจ้าต้องเจ็บครรภ์เพราะท่านทั้งหลายอีก
จนกว่าพระคริสต์จะได้ทรงก่อร่างขึ้นในตัวท่าน” (กาลาเทีย 4:19)
ในกระบวนการนี้มนุษย์มีส่วนในการพลิกฟื้นปรับเปลี่ยนชีวิตจิตวิญญาณด้วยการรับการก่อร่างขึ้นของพระคริสต์ในชีวิตตน
และ การเกิดชีวิตใหม่ของพระคริสต์ในชีวิตเรา
อย่างไรก็ตามมนุษย์เราเข้าใจในกระบวนการตั้งครรภ์จนคลอดบุตรในความจริงหลายๆ
เรื่อง
แต่ก็ยังมีอีกหลายเรื่องเกี่ยวกับการตั้งครรภ์และคลอดบุตรที่ยังเป็นเรื่องที่ล้ำลึกเกินกว่าความเข้าใจของเรา ยังเป็นเรื่องอัศจรรย์ ซึ่งส่วนเหล่านี้เป็นพระราชกิจของพระเจ้า
ตามที่เปาโลกล่าวในโรม
12:2 ที่กล่าวถึงกระบวนการพลิกฟื้นปรับเปลี่ยนของชีวิต ท่านกล่าวว่า
อย่าลอกเลียนแบบอย่างคนในยุคนี้ แต่จงรับการเปลี่ยนแปลงจิตใจหรือกระบวนการนึกคิดเสียใหม่ คำว่าเปลี่ยนแปลงที่เราแปลในภาษาไทย มาจากภาษากรีกในพระคัมภีร์คำว่า metamorphooซึ่งใช้ในกระบวนการเปลี่ยนแปลงจากหนอนผีเสื้อที่เข้าไปฝังตัวอยู่ในความมืดของรังไหม กลายเป็นดักแด้ ในที่สุดเกิดการพลิกฟื้นและปรับเปลี่ยนชีวิตของมันอย่างสิ้นเชิงเป็นผีเสื้อ เหนือที่เราจะรับรู้หรือเข้าใจได้ เป็นการเปลี่ยนแปลงทั้งในระดับโครงสร้าง
ศักยภาพ และความสามารถอย่างสิ้นเชิง
การเปลี่ยนแปลงเช่นนี้เป็นกระบวนการเปลี่ยนแปลงที่เหนือความเข้าใจ
เป็นการเปลี่ยนแปลงจากพระเจ้าที่ทรงกระทำพระราชกิจของพระองค์
การน้อมรับความล้ำลึก
ทั้งการก่อร่างของตัวอ่อนในครรภ์มารดา
และ การปรับเปลี่ยนชีวิตของหนอนผีเสื้อในรังไหมเป็นปรากฏการณ์ตามธรรมชาติทางกายภาพของโลกนี้
แต่ก็มีส่วนของทั้งกายภาพตามธรรมชาติกับพระราชกิจของพระเจ้า
ภาพเปรียบเทียบนี้ได้นำไปสู่ความเข้าใจถึงกระบวนการพลิกฟื้นปรับเปลี่ยนของชีวิตจิตวิญญาณในมิติความล้ำลึกในการปรับเปลี่ยน
ภายนอกเราดูเหมือนว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงไปตามปกติ
แต่ยังมีอีกส่วนหนึ่งที่เราจะเข้าใจได้ก็โดยการที่พระเจ้าทรงเปิดเผยถึงพระราชกิจที่พระองค์ทรงกระทำเท่านั้น
แท้จริงแล้ว
ทุกสิ่งที่เรายืนยันว่าเป็นหลักแก่นในความเชื่อศรัทธาของคริสตชนนั้นพระคัมภีร์บ่งชี้ว่าเป็นความล้ำลึก เป็นความล้ำลึกของพระเจ้า (1โครินธ์ 2:1)...
เราเป็นคนรับใช้ของพระคริสต์
และรับมอบหมายสิ่งล้ำลึกของพระเจ้า (1โครินธ์ 4:1 อมตธรรม)
ความล้ำลึกแห่งพระประสงค์ของพระเจ้า (เอเฟซัส 1:9) ความล้ำลึกของพระคริสต์ (เอเฟซัส 3:4)...ความล้ำลึกของข่าวประเสริฐ (เอเฟซัส 6:19) ความล้ำลึกในชีวิตสมรสที่ประยุกต์ใช้กับความสัมพันธ์ของพระคริสต์กับคริสตจักร
(เอเฟซัส 5:31-32)
ความล้ำลึกแห่งศักดิ์ศรีที่พระคริสต์สถิตภายในท่าน (โคโลสี 1:27)
ความล้ำลึกของพระเจ้าคือพระคริสต์ (โคโลสี 2:2)...
ความล้ำลึกในความเชื่อ (1ทิโมธี 3:9)
ถ้าเรารู้สึกไม่สบายใจในเรื่องความล้ำลึก
เราก็จะไม่สบายใจกับพระกิตติคุณที่เราประกาศ การจาริกไปบนเส้นทางของการพลิกฟื้นปรับเปลี่ยนชีวิตจิตวิญญาณเราต้องเต็มใจที่จะยอมละจากการพยายามควบคุมชีวิตของเราแต่ให้ตัวเราเคลื่อนไปตามกระบวนการที่เราไม่สามารถที่จะเข้าใจได้ทั้งหมด
และไม่สามารถที่จะคาดเดาว่าจะเกิดผลอย่างไร
เรารู้ว่าเราจะมีคุณลักษณะชีวิตที่เป็นเหมือนพระคริสต์มากยิ่งขึ้น เราไม่สามารถบอกหรือคาดเดาว่าพระลักษณะพระคริสต์อันใดที่จะเกิดขึ้นในชีวิตของเรา หรือชีวิตของเราจะเป็นอย่างไร
บทบาทของวินัยชีวิตจิตวิญญาณ
ในเมื่อเราไม่สามารถที่จะปรับเปลี่ยนตัวเราเองให้มีลักษณะที่เป็นเหมือนพระคริสต์ แต่เราสามารถสร้างเงื่อนไขให้การพลิกฟื้นปรับเปลี่ยนชีวิตจิตวิญญาณสามารถเกิดขึ้นได้ และนี่คือที่มาของการฝึกหัดทางจิตวิญญาณ
การฝึกหัดด้านจิตวิญญาณมิใช่ช่องทางที่ทำตนเพื่อพิสูจน์ว่าจิตวิญญาณของเราอยู่เหนือกว่าคนอื่น และก็มิใช่โปรแกรมเพื่อจะช่วยให้ตนเองสามารถเข้าไปเข้าควบคุมการปรับเปลี่ยนชีวิตจิตวิญญาณในชีวิตของเรา แต่เป็นการฝึกวินัยจิตวิญญาณที่ใช้กิจกรรมที่เป็นรูปธรรมเพื่อที่ทำตัวของเราให้เปิดกว้างรับการทรงกระทำพระราชกิจของพระเจ้าในชีวิตและผ่านชีวิตของเรา
นี่คือสิ่งที่เปาโลวิงวอนให้คริสตชนในกรุงโรม“...ให้ถวายตัวของท่านแด่พระองค์
เพื่อเป็นเครื่องบูชาอันบริสุทธิ์ที่มีชีวิตและเป็นที่พอพระทัยพระเจ้า
ซึ่งเป็นการนมัสการโดยวิญญาณจิตของท่าน” (โรม 12:1 มตฐ)
เปาโลกำลังบอกว่า
เราสามารถที่จะตั้งอกตั้งใจสร้างเงื่อนไขเพื่อให้เกิดกระบวนการพลิกฟื้นปรับเปลี่ยนชีวิตจิตวิญญาณ โดยการยอมเข้าร่วมการมีวินัยที่ช่วยให้เรายอมตนต่อพระเจ้า
มิใช่เป็นเพียงคิดตามทฤษฎีเท่านั้นและเป็นการกระทำจริงในชีวิต Richard
Foster ได้อธิบายไว้ว่า
“วินัยชีวิตจิตวิญญาณเป็นแนวทางหลักที่เราถวายตัวเราต่อพระเจ้าเป็นเครื่องบูชาที่มีชีวิตอยู่ เราสามารถที่จะถวายชีวิตของเรา ความคิดของเรา
จิตใจของเรา
พระเจ้าจะทรงรับตัวเราที่เป็นของถวายนี้เพื่อพระองค์จะทรงกระทำในสิ่งที่เราไม่สามารถกระทำด้วยตนเอง
แล้วทรงกระทำให้เกิดนิสัยแห่งความรักและสันติสุข และชื่นชมยินดีในพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่ฝังลึกลงในชีวิตจิตวิญญาณของเรา...”
(Renovare Perspective, April 1999)
ความสำคัญจำเป็นของชุมชนที่เป็นพระวรกายของพระคริสต์
การพลิกฟื้นปรับเปลี่ยนชีวิตจิตวิญญาณเมื่อเกิดขึ้นแล้วจะนำสู่การเปลี่ยนแปลงต่อเนื่องมากขึ้น ยิ่งนานยิ่งเพิ่มมากขึ้น และเป็นการเพิ่มพูนขึ้นในชีวิตของผู้อื่นที่อยู่ร่วมในบริบทให้มีวินัยชีวิตจิตวิญญาณร่วมกับเรา และการฝึกหัดการเปิดตนเองแด่พระเจ้า โดยทั่วไปแล้ว เมื่อเรายังมีชีวิตบนโลกนี้ การพลิกฟื้นเปลี่ยนแปลงชีวิตจิตวิญญาณของเราจะเพิ่มมากขึ้น
(2โครินธ์ 3:18) เมื่อเราได้พึ่งพาหนุนเสริมกันและกันที่จะเติบโตขึ้น(1โครินธ์ 12)
คำสอนของเปาโลในเรื่องการพลิกฟื้นเปลี่ยนแปลงชีวิตจิตวิญญาณในโรมบทที่
12 และในจดหมายฝากตอนอื่นๆ การพลิกฟื้นปรับเปลี่ยนชีวิตจิตวิญญาณเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในบริบทคริสตจักรที่เป็นชุมชนแห่งพระกายพระคริสต์ที่ประกอบด้วยอวัยวะมากมายหลายส่วน เราบ่มเพาะ
สั่งสอน กระตุ้นหนุนเสริมกันและกันด้วยความรักและกระทำสิ่งที่ดีต่อกัน เพื่อเราจะเติบโตขึ้นในพระคริสต์ร่วมกัน ของประทานด้านจิตวิญญาณของเรามีไว้เพื่อกระทำสิ่งดีเพื่อผู้อื่น
มิใช่เพื่อประโยชน์สำหรับตนเองหรือสร้างบารมีแก่ตนเอง แต่เราเป็นตัวแทนของพระคริสต์ที่จะนำพระคุณนั้นไปถึงคนต่างๆ เพื่อเสริมสร้างพระกายของพระคริสต์ให้จำเริญขึ้น Robert Mulholland
ได้เขียนไว้ว่า “เราไม่สามารถที่จะมีการพลิกฟื้นปรับเปลี่ยนชีวิตให้มีลักษณะเหมือนพระคริสต์มากขึ้นภายนอกชุมชนผู้เชื่อ จิตวิญญาณเป็นเหมือนถ่านไฟที่จะต้องอยู่ในกองไฟหรือในเตาไฟเพื่อที่จะสามารถเผาไหม้ให้ความร้อน” (Invitation to a Journey, p.145)
(แต่ถ้าแยกออกไปเป็นถ่านเพียงก้อนเดียวก็จะเริ่มอ่อนแรงและมอดดับลงในที่สุด)
แน่นอนครับเมื่อเราฝึกปฏิบัติชีวิตจิตวิญญาณมีบางครั้งที่เราฝึกปฏิบัติเป็นการส่วนตัว
(การเฝ้าเดี่ยว, การเข้าเงียบ, การอ่านพระวจนะ, การสำรวจตนเอง, การสารภาพ,
การแสวงหาทิศทางชีวิตจิตวิญญาณ)
แต่เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพควรมีการปฏิบัติวินัยชีวิตจิตวิญญาณร่วมกันในชุมชนด้วย
(การอธิษฐานและนมัสการพระเจ้าร่วมกัน,
การเรียนการสอนร่วมกัน, การหนุนเสริมกันและกัน, การช่วยเหลือเกื้อกูลกันและกัน,
การร่วมสามัคคีธรรมในมหาสนิท, การต้อนรับกันและกัน,
การเอาใจใส่คนที่จำเป็นได้รับการเอาใจใส่,
มิตรภาพทางจิตวิญญาณ, การแบ่งปันชีวิต
การเสริมสร้างความยุติธรรม และ ฯลฯ)
เพื่อเห็นแก่ผู้อื่น
การพลิกฟื้นเปลี่ยนแปลงชีวิตจิตวิญญาณมีเป้าหมายในตัวของมันเอง เพื่อที่จะนำการยกย่องสรรเสริญแด่พระเจ้า และในเวลาเดียวกันก็เป็นแนวทางที่นำไปสู่เป้าหมายปลายทางเพื่อที่เราจะสื่อสารการสถิตอยู่ของพระคริสต์ไปยังคนอื่น
และเพื่อที่จะสำแดงการกระทำด้วยความรักเมตตาในโลกนี้
เครื่องมือที่จะใช้ในการวัดถึงความเป็นผู้ใหญ่ในชีวิตจิตวิญญาณคือการเชื่อฟังตามพระมหาบัญญัติของพระคริสต์
ที่ชีวิตจิตวิญญาณจะรักพระเจ้ามากขึ้นสุดชีวิต แล้วนำไปสู่การรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง
(มาระโก 12:30-31; 1โครินธ์ 12; 1ยอห์น 4:7) จากนั้นคนๆ นั้นจะเชื่อฟังและกระทำตามพระมหาบัญชาของพระคริสต์
(มัทธิว 28:18-20)
การสำแดงความรักเมตตา
เช่น การให้สิ่งต่างๆ ที่เรามีด้วยใจกว้างขวาง,
การสร้างการคืนดีและสร้างสันติ(ทั้งในชีวิตภายในตลอดไปจนถึงการข้ามเผ่าพันธุ์ ข้ามเพศ
ข้ามสถานะทางเศรษฐกิจ
และในกลุ่มประชาชนต่างๆ)
กระทำให้เกิดความยุติธรรม
กระทำสำแดงความเมตตา เอาใจใส่คนยากคนจน
และทำการเพื่อเสริมสร้างชีวิตที่ดีกว่าในชุมชนต่างๆ ของมนุษยชาติ รวมไปถึงการแบ่งปันความเชื่อศรัทธาของเราด้วย(การประกาศ) เรากระทำสิ่งทั้งสิ้นในพระนามของพระเยซูคริสต์ ด้วยความรัก เมตตา เสียสละของพระองค์
การก่อร่างชีวิตของพระคริสต์ในชีวิตจิตวิญญาณของเรานั้นก็เพื่อที่จะเป็นการยกย่องสรรเสริญพระเจ้า เพื่อเราจะมีชีวิตที่ครบบริบูรณ์ และเพื่อเห็นแก่ชีวิตของผู้อื่น ด้วยเหตุนี้เราจึงตรากตรำทำงานหนัก
และเผชิญกับทุกสิ่งทุกสถานการณ์ชีวิตด้วยพระกำลังจากพระเจ้าที่ประทานแก่ชีวิตจิตวิญญาณของเรา
เรียบเรียงและ สะท้อนคิดจากบทความของ Dr. Ruth Haley Barton
ประสิทธิ์
แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย
เชียงใหม่
E-mail:
prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น