เมื่อไม่นานมานี้ ผมมีโอกาสสนทนาพูดคุยกับเพื่อนๆ น้องๆ
ที่ทำงานเป็นศิษยาภิบาล
เพื่อนศิษยาภิบาลท่านหนึ่งท้าทายผมขึ้นว่า
เท่าที่เดินทางพบปะกับผู้คนทั้งในคริสตจักรและในชุมชน ขอช่วยประมวลสรุปออกมาได้ไหมว่า ผู้นำผู้อภิบาลที่พบมาถ้าจะแบ่งเป็นประเภทใหญ่ๆ พอจะแบ่งออกเป็นกี่ประเภทอะไรบ้าง? ผมน้อมรับคำท้าทายนั้นด้วยความสนใจ พอดีได้ไปอ่านบทความของ David Murray อาจารย์สอนพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมในพระคริสต์ธรรม
Puritan Reformed Theological Seminary ดูน่าสนใจ เลยนำมาเรียบเรียงเขียนใหม่แบ่งปันกันอ่านเล่นๆ
ไปพลางๆ ก่อนนะครับ
ศบ. เฉยเมย
ท่านเป็นศิษยาภิบาลและผู้นำไม่ขยับเขยื่อนก้าวไปไหนเลย ถ้าเป็นตัวสนุ้กมีแต่รอให้ผู้เล่นแทงลูกอื่นให้มากระทบตน
หรือ แทงตนให้ไปกระทบคนอื่น
ถ้าสถานการณ์ในคริสตจักรราบเรียบไร้คลื่นลมเป็นสิ่งที่ท่านศิษยาภิบาลประเภทนี้ปรารถนามากที่สุด และถ้าเขาสามารถรักษาสถานภาพจำนวนสมาชิกในคริสตจักรให้ลดน้อยลงช้าที่สุดเป็นสิ่งที่เขาต้องการอย่างมาก
ศบ. เผด็จการ
ถ้า
ศบ.เฉยเมยเป็นเหมือนลูกสนุ้ก ศบ.
เผด็จการก็เป็นไม้คิวสนุ้ก
เขาเป็นศิษยาภิบาลที่ไม่หลบหลีกความยากลำบากที่มีรอบตัวเขา เขาผลักคนอื่นให้ออกไปจากเส้นทางของตนเอง และผลักดันแผนงานของตนเองออกไปอย่างรุกรานก้าวร้าวโดยไม่คิดกังวลหรือห่วงว่ามันจะกระทบต่อคนอื่นอย่างไร
บางครั้งเขาผลักดันแผนงานของเขาอย่างหนักยอมแม้กระทั่งจะจัดการทุกรูปแบบเพื่อให้เป็นไปตามแผนงานที่ตนวางไว้
ศบ. วิกฤติ
ศิษยาภิบาลประเภทนี้มิใช่
ศบ.แบบเฉยเมย หรือ เผด็จการก้าวร้าว
เขาเป็นศิษยาภิบาลที่ไม่หลีกลี้หนีความยากลำบากอย่างกับศิษยาภิบาลเฉยเมย
แต่ก็ไม่ใช่ศิษยาภิบาลที่สร้างความยากลำบากแก่ผู้อื่นอย่างศิษยาภิบาลเผด็จการ เขายอมรับความยากลำบากเมื่อมันเกิดขึ้น แต่เวลาที่ไม่มีความทุกข์ยากลำบากเขาก็เป็นศิษยาภิบาลที่สบายๆ แต่ถ้าความยากลำบากเกิดขึ้นเมื่อใดเขาก็สู้ไม่ถอย โดยเฉพาะอย่างยิ่งงานจะขับเคลื่อนเมื่อยามวิกฤติ
และ เมื่อทุกคนมุ่งมองสนใจมาที่เขาเมื่อมีวิกฤติ
เขาเป็นผู้นำที่จะนำผู้คน “ให้ข้ามทะเลแดง” แต่เขาเป็นผู้นำที่ไม่ค่อยสันทัดกับการนำผู้คนในถิ่นทุรกันดารสักเท่าใดนัก
ศบ. ไม่แน่ไม่นอน
บางครั้งเขาเป็นศิยาภิบาลที่กวาดลูกสนุ้กจนหมดโต๊ะ แต่บางครั้งเขาไม่สามารถที่จะกระแทกลูกสนุ้กลงหลุมได้แม้แต่ลูกเดียว
สมาชิกไม่สามารถคาดเดาได้ว่าอาทิตย์นี้ท่านศิษยาภิบาลจะจัดการอย่างไร เขาเป็นศิษยาภิบาลแบบขึ้นๆ ลงๆ บางครั้งคำเทศน์ของเขาทะยานสูงสุดยอด แต่บางครั้งเป็นคนเทศน์ที่จมดิ่งยิ่งกว่าน่าเบื่อหน่าย วันนี้อาจจะมีความสุขและเป็นคนที่เสริมสร้างกำลังใจแก่คนอื่น มาอีกวันหนึ่งกลับกลายเป็นศิษยาภิบาลที่แย่เลวร้าย ตกต่ำ ห่อเหี่ยว แย่อะไรปานนั้น!
ศบ. กลัวลาน
ใครๆ ก็มีความกลัวกันทั้งนั้น แต่ศิษยาภิบาลแบบนี้ชีวิตของเขาถูกครอบงำด้วยความกลัว กลัวจนเห็นได้ชัด ไม่สามารถที่จะเอาชนะความกลัวได้เลย
การตัดสินใจแต่ละครั้งก็เป็นการตัดสินใจบนพื้นฐานความกลัว สมาชิกรู้ถึงความกลัวของศิษยาภิบาลของเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในคำเทศนาของศิษยาภิบาล สมาชิกส่วนใหญ่เริ่มไม่ติดตามและทำตามศิษยาภิบาล แต่มีสมาชิกบางคนที่สบโอกาสเริ่มใช้การสร้างความกลัวแก่ตัว
ศิษยาภิบาลเพื่อสร้างประโยชน์แก่ตนหรือใช้ความกลัวกระตุ้นศิษยาภิบาลให้ทำในสิ่งที่ตนคาดหวัง
ศบ. มองร้าย
เมื่อสมาชิกคิดถึงศิษยาภิบาลประเภทนี้ ทันทีภาพของศิษยาภิบาลก็ผุดขึ้นในสมองในจินตนาการของเรา เป็นภาพของคนที่หน้ามุ่ย เศร้า ซึม สิ้นหวัง และท่าทางเก็บกด ดูเครียด
เป็นเหมือนคนที่ถูกคลุมด้วยเมฆดำหนาทึบ
หรือตัวเนื้อเปียกปอนด้วยเหงื่อเมื่อเขาต้องทำอะไรในชีวิต เขาจะตั้งข้อสงสัยการเติบโตของคริสตจักรอื่นๆ อีกทั้งมองว่า คริสตชนที่มีความชื่นชมยินดีเป็นคริสตชนที่ตื้นเขิน
ความคิดความเชื่อที่ครอบงำเขาเป็นเรื่องความบาปและการพิพากษาจะเป็นเช่นนี้ไปจนถึงวันตายของเขา
ศบ. คุยโตโอ้อวด
ศิษยาภิบาลประเภทนี้เก่งในการทำให้เพื่อศิษยาภิบาลคนอื่นรู้สึกแย่กว่าตน และดูจะชื่นชอบในการกระทำเช่นนั้น(หลายครั้งโดยไม่รู้ตัว) บ่อยครั้งทำตัวเป็นนักรายงานข่าวกับคนที่เขาพบเจอพูดคุย
(เพื่อแสดงว่าเขาเป็นผู้รู้) เขาเป็นคนที่ชำนาญเกี่ยวกับเรื่องตัวเลข
และมักจะมีตัวเลขของผู้ที่เข้ามาร่วมนมัสการครั้งล่าสุด ตัวเลขชั้นเรียน ผู้คนที่มาเรียนในชั้นรวีฯ ตัวเลขผู้รับบัพติสมาใหม่ จำนวนครั้งที่ตนได้รับเชิญไปร่วมประชุมสัมนา จำนวนครั้ง/จำนวนคนของกิจกรรมที่ตนไปร่วมมา(ไม่รู้เกี่ยวกับชีวิตคริสตจักรหรือไม่ก็นำมารายงาน)
เมื่อมีคนมาเยี่ยมคริสตจักรของศิษยาภิบาลประเภทนี้จะรู้สึกว่าชีวิตจริงของคริสตจักรไม่เป็นไปตามราคาคุยของศิษยาภิบาล
แต่สภาพความเป็นจริงมันฟ้องว่าศิษยาภิบาลโม้มากไปหน่อยหรือเปล่าเนี่ย!
ศบ. มาดวิชาการ
ศิษยาภิบาลประเภทที่ขยันอ่าน เขาสามารถอ้างอิงคำพูดสำคัญๆ จากคนในยุคต่างๆ ของคริสตจักร ขนาดที่ผู้ฟังรู้สึกว่า
เขาน่าจะรู้จักคนสำคัญเหล่านั้นในประวัติศาสตร์คริสจักรเป็นการส่วนตัว เขาเรียกตนเองว่าเป็น
“ศิษยาภิบาลนักวิชาการ”
ศิษยาภิบาลประเภทนี้มักเข้าใจว่า
การเลี้ยงดูลูกแกะที่ดีที่สุดคือการเตรียมเทศนาที่ใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 40 ชั่วโมงต่อหนึ่งกัณฑ์เทศน์ ลูกแกะคริสตจักรแห่งนี้น่าจะโชคดีเหลือเกิน?
ศบ. สังคมสัมพันธ์
ศิษยาภิบาลประเภทนี้มีความสัมพันธ์กับสังคมเป็นอย่างดี เขาเข้าสังคมได้อย่างดีเยี่ยม และมีกิจกรรมมากมายที่ทำในสังคมชุมชนในแต่ละสัปดาห์ เป็นศิษยาภิบาลที่ชอบออกไปเยี่ยมคนโน้นไปพบคนนี้ใช้วันละหลายๆ
ชั่วโมงในการพบปะกับผู้คนในสังคม
เขาชอบรับแขกที่แม้จะมิได้นัดหมายก็ตาม
ชอบคนโทรศัพท์มาพูดคุยด้วย
ศิษยาภิบาลประเภทนี้จะอ้างว่าการพบปะสัมพันธ์ผู้คนสำคัญกว่าการอ่านหนังสือและการค้นคว้าพระวจนะของพระเจ้า ไม่ต้องไปพูดถึงการค้นคว้าขุดรากศัพท์ภาษากรีก-ฮีบรู เขาเห็นว่าเสียเวลาอย่างไม่คุ้มค่า เขาเป็นคนที่รักสังคมชุมชนมาก แต่คนที่มานั่งฟังเขาเช้าวันอาทิตย์ดูลดน้อยถอดลงเป็นลำดับ
ศบ. นักบริหารจัดการ
ศิษยาภิบาลประเภทนี้ชอบงานเอกสาร อีเมล์
รายงาน กรรมการ กฎระเบียบคริสตจักร โครงสร้างคริสตจักร ระเบียบปฏิบัติ
สิ่งเหล่านี้เป็นที่ชื่นชอบของศิษยาภิบาลประเภทนี้ ถ้าให้เลือกระหว่างการทำพันธกิจคริสตจักร กับ
การบริหารจัดการคริสตจักร ประการหลังนี้ดูเป็นเรื่องสำคัญและรีบด่วนกว่า
หมายความว่าเรื่องคนเรื่องสมาชิกเป็นเรื่องที่รอกันได้ แต่รายงานนี้ต้องส่งอาทิตย์หน้า ดูเหมือนรายงาน
และเอกสารเป็นเรื่องที่บีบรัดมากกว่าการเตรียมเทศนาและการเยี่ยมเยียน ความเร่งรีบสำคัญและจำเป็นที่จะต้องจัดการมีผลกระทบให้การเตรียมการเทศนาและการเยี่ยมเยียนดูสำคัญน้อยกว่างานการบริหารจัดการในสำนักงานคริสตจักร
ผมเชื่อแน่ว่า ท่านคงเคยพบศิษยาภิบาลทุกประเภทมาแล้วทั้งสิ้น เพียงบางประเภทน้อยบ้าง บางประเภทมากบ้างแล้วแต่โอกาส
แล้วแต่ศิษยาภิบาลแต่ละท่าน และผมเชื่อแน่ว่า
จากประสบการณ์ของท่านยังสามารถที่จะเขียนเพิ่มประเภทศิษยาภิบาลต่อท้ายนี้ได้อีก เช่น
ศบ. นักการเมือง, ศบ. จัดทำโครงการ, ศบ. นักสังคมสงเคราะห์ และ ฯลฯ
ในฐานะที่ผมเคยทำงานด้านการอภิบาลมาบ้างเล็กน้อย เมื่อใคร่ครวญถึงเรื่องนี้แล้วผมกลับพบว่า ในตัวผมเคยมีศิษยาภิบาลทุกประเภท มากบ้างน้อยบ้างคละเคล้ากันไป
และบางครั้งเป็นศิษาภิบาลทุกประเภทในวันเดียวกัน
แต่อย่างไรก็ตาม แม้เราจะมีความผิดพลาดในชีวิตการอภิบาล แต่ผมก็พบว่าองค์พระผู้เป็นเจ้ายังเมตตาทรงใช้
“ภาชนะดิน” และเป็นการยืนยันสัจจะความจริงว่า
“...ฤทธิ์เดชอันเลิศนั้นเป็นของพระเจ้า ไม่ได้มาจากตัวเราเอง...”
(2โครินธ์ 4:7)
เมื่อสิ้นสุดในแต่ละวัน ให้เรานำบุคลิกลักษณะศิษยาภิบาลที่ปนเปื้อนด้วยความบาปทั้งหลายมาวางไว้ต่อหน้ากางเขนของพระคริสต์อีกครั้งหนึ่ง เพื่อทูลขอรับการให้อภัยจากพระองค์ และรับการทรงเสริมสร้างใหม่จากพระองค์ด้วย มุ่งมองไปที่พระคริสต์ผู้ยอมสละชีวิตเพื่อเรา เพื่อความบาปผิดของบรรดาศิษยาภิบาลคริสตชนทั้งหลาย
ยิ่งเรามีโอกาสอภิบาลชีวิตและเทศนาแก่ผู้คนมากแค่ไหน
เรายิ่งสำนึกถึงคุณค่าที่พระองค์ทรงกอบกู้ไถ่ถอนชีวิตของเราผู้เป็นศิษยาภิบาลออกมาจากอำนาจแห่งความบาปชั่วมากแค่นั้น
เพียงขอให้เรามั่นใจว่า เรากำลังติดตามใครกันแน่
ขอให้เราพิเคราะห์ไตร่ตรองอย่างถ้วนถี่ว่า
เรากำลังติดตามพระคริสต์มากกว่าการติดตามสิ่งอื่นใดหรือใครคนใดคนหนึ่งใช่ไหม? เพราะพระองค์ทรงสัญญาว่า ให้เราติดตามพระองค์ แล้วพระองค์จะทรงทำให้เราเป็นคนที่นำคนอื่นมาหาพระองค์ ดั่งชาวประมงได้นำปลาจากทะเล (มัทธิว 4:19)
แล้วผมก็นั่งถามตัวเองหน้าแป้นคอมพิวเตอร์ว่า
แล้วศิษยาภิบาลที่สอดคล้องตามพระประสงค์ของพระเจ้าและตอบโจทย์บริบทชีวิตสมาชิกในคริสตจักร
และสังคมไทยนั้นเป็นอย่างไรบ้างหนอ?
ท่านผู้อ่านช่วยกรุณาระดมความคิดเห็นด้วยนะครับ!
ประสิทธิ์
แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย
เชียงใหม่
E-mail:
prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น