ของประทานในแต่ละตัวคนมีคุณค่า เพราะของประทานมาพร้อมกับพระประสงค์ของพระเจ้า
เมื่อเปรียบกับคนอื่น
สมัยที่ผมเรียนอยู่ในวิทยาลัยพระคริสต์ธรรม ผมใฝ่ฝันที่อยากเป็นนักไวโอลินกับเขาบ้าง จึงตัดสินใจขอเครื่องไวโอลินจากพี่ชายแล้วไปเรียนเล่นไวโอลินจากอาจารย์ฝรั่งท่านหนึ่งที่มีความชำนาญในด้านไวโอลิน มีลูกศิษย์ลูกหาจากที่ต่างๆ หลายคน
ทั้งอายุมากกว่าผมและเด็กกว่าผมเกือบสิบปี
ในแต่ละครั้งเมื่อผมไปเรียนบทเรียนไวโอลิน ผมต้องเล่นบทเพลงบทที่ผู้สอนสั่งให้ไปฝึกซ้อมมา ดูท่าทางผู้สอนพอใจในสิ่งที่ผมทำได้
แล้วอธิบายบทเรียนแบบฝึกหัดไวโอลินเพลงใหม่ เพื่อผมจะฝึกซ้อมในอาทิตย์ต่อไป
เมื่อผมเก็บข้าวของเรียบร้อยเพื่อนักเรียนคนใหม่จะเข้ามาเรียนต่อจากผม เด็กนักเรียนชายอายุ 9 ขวบเข้ามาเรียนต่อ ผมขออนุญาตนั่งฟังเขาเล่นเพลงที่ฝึกซ้อมตามที่ครูสั่ง ผมทึ่งในความสามารถของเด็กคนนี้
อายุเพียงเก้าขวบเล่นเพลงของนักตนตรีที่มีชื่อเสียง เอาอย่างงี้ก็แล้วกันครับ
เล่นเก่งกว่าผมเกินกว่าร้อยเท่าเอาเลยทีเดียว ผมคิดในใจว่า ของประทานความสามารถเล่นไวโอลินของผมมันเล็กน้อยเกินไป ยากที่ผมจะเป็นนักไวโอลินแน่
ภาพและความรู้สึกจากการเปรียบเทียบตนเองกับเด็กคนนั้น
ท่านเชื่อไหมครับในที่สุดผมเลิกไปเรียนไวโอลิน ความรู้สึกต้องการเป็นนักไวโอลินของผมอันตรธานไปไหนเมื่อไหร่ไม่รู้ ใช่ครับ
จนถึงทุกวันนี้ผมยังเล่นไวโอลินไม่เป็นครับ
เต็มใจที่จะฝึกหัดพัฒนา
ของประทาน หรือ
ที่คนทั้งหลายเรียกว่าศักยภาพ
ซึ่งเป็นสิ่งที่แต่ละคนได้รับติดตัวมาแต่เกิด บางครั้งบางคนเรียกว่าพรสวรรค์ พรจากพระเจ้า ซึ่งเป็นของประทานจากพระเจ้า ที่พระเจ้าบรรจงสอดใส่ลงในชีวิตของแต่ละคน หลังจากนั้นคนๆ นั้นจะต้องค้นหาให้พบว่า ตนเองมีพรจากพระเจ้า หรือ
ของประทานจากพระเจ้าอะไรบ้าง แล้วเอาศักยภาพ หรือของประทานดังกล่าวมาฝึกฝนพัฒนาให้เป็นความสามารถ สู่ความชำนาญ
และกลายเป็นอัจฉริยะในด้านนั้นๆ ต่อไป
สมัยที่ผมมีโอกาสลงไปทำงานในชุมชนซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับการเป็นศิษยาภิบาลในคริสตจักรชนบท
ผมได้พบกับเพื่อนต่างชาติที่ทำงานด้านการวิจัยชีวิตชุมชนและมุ่งเน้นการสร้างเสริมกระบวนการเรียนรู้ในหมู่ประชาชนคนสามัญชนคนธรรมดาทั้งหลาย
และกระบวนการเรียนรู้ที่กล่าวนี้ใช้กระบวนการการกระตุ้นคิดและค้นหาด้วยการตั้งคำถามและการวิเคราะห์ประสบการณ์ตรงจากการลงมือทำของคนๆ
นั้น
ผมไม่คิดว่าตนเองจะทำสิ่งนี้ได้
ประการแรกผมไม่ได้เรียนเรื่องอย่างนี้ในวิทยาลัยพระคริสต์ธรรม
ประการต่อมางานในคริสตจักรไม่เคยเห็นคนเขาใช้กระบวนการเรียนรู้ดังกล่าว ส่วนมากเป็นการเทศน์การสอนทั้งสิ้น ประการสุดท้ายมักคิดว่าตนเองเป็นเด็กที่เติบโตในเมือง ในคริสตจักรจีน ไม่น่าจะมีความสามารถในเรื่องประเภทนี้ และไม่คิดว่าตนจะทำได้
มีอยู่สิ่งหนึ่งในเรื่องนี้ที่มีในตัวผมเวลานั้นคือ ผมรู้สึกสนุก
ตื่นเต้นกับการค้นพบสิ่งใหม่
กล้าและเต็มที่ที่จะลองทำลองฝึกหัด
แล้วก็พบว่าตนเองทำได้ และทำได้ดีขึ้น
การมีพี่เลี้ยงที่กระตุ้นหนุนเสริมให้แสวงหา ฝึกฝน
พัฒนา และที่สำคัญให้กำลังใจ จนผมเองเริ่มเห็นคุณค่าในของประทานในศักยภาพดังกล่าวจึงทุ่มเทฝึกฝนพัฒนาจนเป็นความสามารถ ความชำนาญ
ที่ตนชอบ สนุกกับมัน และภาคภูมิใจ กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวัน
จนสามารถเชื่อมโยงของประทานนี้กับพระประสงค์ของพระเจ้าในชีวิตผม
เป็นสิ่งที่ผมเห็นว่าทำแล้วเป็นการถวายเกียรติแด่พระเจ้า และนี่คือคุณค่าที่ผมพบ
ในความอ่อนด้อยแต่มีของประทานพิเศษ
พระเจ้าไม่มีพระประสงค์ให้เอาของประทานในตนเองไปเปรียบเทียบกับของประทานที่มีในคนอื่น
แต่พระองค์ต้องการให้เราใช้ของประทานที่เราแต่ละคนได้รับด้วยความรับผิดชอบอย่างสัตย์ซื่อ ไม่ว่าของประทานนั้นจะใหญ่โตหรือเล็กน้อยปานใดก็ตาม
(ลูกา 16:10; มัทธิว 25:14-29; 1โครินธ์ 4:2) เปาโลได้กล่าวถึงของประทานที่ได้รับในแต่ละคนว่า “เราไม่กล้าจัดชั้นหรือเปรียบเทียบ(ของประทานใน)ตัวเรากับคนที่ยกย่องตนเอง
เมื่อพวกเขาเอาตนเองเป็นเครื่องวัดและเปรียบเทียบกันเอง พวกเขาก็ไม่ฉลาด” (2โครินธ์ 10:12 อมตธรรม)
เป็นการเขลาที่นำของประทานในแต่ละตัวคนมาเปรียบเทียบกันว่าของใครดีเด่นกว่า เพราะเราต้องรู้เท่าทันในเรื่องนี้ว่า คริสตชนสองคนต่างก็ได้รับของประทานที่แตกต่างกัน
หรือแม้จะมีประเภทของประทานเดียวกันแต่ลักษณะความละเอียดอ่อนในแต่ละด้านก็ไม่เหมือนกันด้วย สมัยที่ผมเรียนในวิทยาลัยพระคริสต์ธรรม
มีนักศึกษารุ่นพี่ของผมคนหนึ่งเขาร้องเพลงเดี่ยวได้ไพเราะมาก ผมแสดงความชื่นชมในความสามารถของเขา ผมต้องแปลกใจเมื่อเขาบอกผมว่า “น้องชายนายไม่รู้หรอกว่าหูพี่มีปัญหาเรื่องการแยกแยะระดับเสียงดนตรีแตกต่างจากคนอื่น พี่ร้องเพลงเดี่ยวได้ พี่นำคณะนักร้องได้ แต่พี่หมดสิทธิที่จะร้องเพลงในคณะนักร้อง
เพราะจะพาลให้คณะนักร้องเกิดเสียงเพี้ยนล่มลงได้”
จะเป็นการไม่ฉลาดอย่างยิ่งที่จะเอาของประทานด้านดนตรีของพี่คนนี้ไปเปรียบเทียบกับความสามารถด้านดนตรีของนักศึกษาคนอื่นในวิทยาลัย
นักศึกษารุ่นพี่คนนี้ของผมมีความอ่อนด้อยในความสามารถการแยก
ระดับเสียงดนตรี
แต่ถ้าพี่คนนี้ร้องเพลงเดี่ยวในคริสตจักรจะสร้างความอัศจรรย์ใจและความชื่นชมแก่ผู้เข้าร่วมนมัสการพระเจ้า และถ้าเขาเดี่ยวไวโอลินครั้งใด ที่นมัสการทั้งหมดเงียบกริบ ว่ากันว่าแม้เข็มสักเล่มหนึ่งหล่นตกพื้นก็จะได้ยินเสียง
ในมุมมองหนึ่งดูเหมือนว่าของประทานของพี่เขาจะมีปัญหา มีข้ออ่อนด้อย แต่กลับเป็นของประทานที่ถูกพัฒนาขึ้นในตัวเขากลายเป็นความสามารถเฉพาะตัวที่เขากระทำได้อย่างมีคุณค่า
ที่เขาสามารถใช้กระทำในชีวิตเพื่อเป็นการถวายเกียรติแด่พระเจ้า และนำความสุขมาสู่ผู้คนในคริสตจักร
ในแผนการใหญ่ของพระเจ้า
บางครั้งเราแต่ละคนอาจจะมีความรู้สึกว่าของประทาน พรจากพระเจ้า
ความสามารถที่เราได้รับเป็นเพียงของประทานที่เล็กน้อย แต่เราต้องตระหนักเสมอว่า พระเจ้าใส่ของประทานพระพรของพระองค์ลงในชีวิตของเราแต่ละคนที่อาจจะดูว่าเล็กน้อย
แต่ของประทานชิ้นเล็กชิ้นน้อยเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งในแผนการใหญ่ของพระเจ้าที่จะให้ผู้คนใช้ของประทานประสานเกาะเกี่ยวกันให้เกิดผลที่ยิ่งใหญ่และสำคัญ พระเจ้าเท่านั้นที่ทรงรู้ว่าผลที่จะเกิดขึ้นในเป้าหมายปลายทางทั้งสิ้นนี้คืออะไร
เมื่อเราไม่สามารถรู้ถึงผลที่จะเกิดขึ้นที่เป้าหายปลายทางคืออะไร เราเป็นใครที่จะตัดสินตีตราว่า ของประทานในตัวเรา หรือ
ในตัวคนอื่นว่าเป็นความสามารถที่เล็กน้อยไม่สูงค่า?
พระวิญญาณของพระเจ้าจะทรงกระทำพระราชกิจของพระองค์ในการใช้ของประทานเหล่านั้นในแต่ละตัวคนให้มีส่วนในการเสริมสร้างตามแผนงานใหญ่ของพระองค์ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมด้วยการหนุนเสริมเชื่อมสัมพันธ์กันและกัน
ผู้เผยพระวจนะได้กล่าวเตือนประชาชนอิสราเอลว่าไม่ควรดูหมิ่นดูแคลน
“สิ่งเล็กน้อย” เกี่ยวกับการซ่อมสร้างพระวิหารขึ้นใหม่โดยเศรุบบาเบล ประชาชนมองว่าพระวิหารที่ซ่อมสร้างขึ้นใหม่นั้นมีขนาดเล็กและไม่งดงามตระการตาเท่าพระวิหารที่สร้างในสมัยโซโลมอน ผู้เผยพระวจนะเศคาริยาห์ย้ำว่า สิ่งที่ยิ่งใหญ่และงดงามมิได้หมายความว่าเป็นสิ่งดีกว่าเสมอไป
สิ่งที่เรากระทำเพื่อพระเจ้าอาจจะดูเล็กน้อยและไม่สำคัญในขณะนี้
แต่พระองค์กลับชื่นชมในสิ่งที่กระทำถูกต้อง
จงสัตย์ซื่อในสิ่งที่เรากระทำแม้จะเป็นสิ่งเล็กสิ่งน้อยแค่ไหนก็ตาม ให้เราเริ่มต้นจากจุดที่เราทำได้ส่วนผลทั้งหมดพระเจ้าจะทรงรับผิดชอบ เศคาริยาห์กล่าวว่า “เศรุบบาเบลได้ลงมือวางรากของพระวิหารจนสำเร็จ แล้วเจ้าจะรู้ว่า
พระเยโฮวาห์ผู้ทรงฤทธิ์ได้ทรงส่งเรามาหาพวกเจ้า
ใครบังอาจดูถูกสิ่งเล็กน้อยที่เกิดขึ้นในวันนี้
เพราะพระเนตรทั้งเจ็ดขององค์พระผู้เป็นเจ้าซึ่งมองไปทั่วพิภพจะชื่นชมยินดีเมื่อเห็นศิลามุมเอกที่คัดสรรอยู่ในมือเศรุบบาเบล”
(เศคาริยาห์ 4:9-10 อมตธรรม)
ให้เรามีจิตใจที่ขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับของประทานที่พระองค์ประทานแก่เราด้วยพระกรุณาสำหรับคริสตจักรต่างๆ และคนแต่ละคนในคริสตจักร แต่จงไว้วางใจในแผนการใหญ่ของพระเจ้า เมื่อถึงวันที่พระเจ้าทรงเปิดเผยสำแดงแผนการใหญ่ทั้งหมดของพระองค์ เราต่างต้องอัศจรรย์ใจถึงของประทานเล็กน้อยในแต่ละตัวคนของเราเมื่อเชื่อมโยงเข้าในแผนงานใหญ่ของพระองค์แล้วเกิดสิ่งที่เกินความคาดเดาของเราได้
เพราะแม้จะเป็นของประทานเล็กน้อยพระองค์ทรงกระทำให้เกิดคุณค่าอย่างสูงในสายพระเนตรของพระองค์
เปาโลกล่าวว่า “แต่พระเจ้าทรงตั้งอวัยวะแต่ละอวัยวะไว้ในร่างกายตามชอบพระทัยของพระองค์”
(1โค-รินธ์ 12:18 มตฐ) “ความจริงมีอวัยวะหลายอย่าง
แต่ก็ยังเป็นร่างกายเดียวกัน...แต่หลายๆ
อวัยวะของร่างกายที่เราคิดว่าอ่อนแอกว่า ก็ยังเป็นสิ่งจำเป็น...อวัยวะของร่างกายที่เราคิดว่าไร้เกียรติ
เราก็ยังทำให้มีเกียรติยิ่งขึ้น... ส่วนท่านทั้งหลายเป็นกายของพระคริสต์
และแต่ละอวัยวะก็เป็นส่วนหนึ่งของกายนั้น ... ” (ข้อ 20, 22-23, 27) ความรับผิดชอบของเราคือ
การพัฒนาและใช้ของประทานที่มีในตัวเราอย่างสัตย์ซื่อต่อพระเจ้า...ไม่ว่าของประทานนั้นจะเล็กหรือใหญ่ จะสำคัญปานใดก็ตาม
ประสิทธิ์
แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย
เชียงใหม่
E-mail:
prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น