24 กรกฎาคม 2556

ไม่มีของประทานที่เล็กน้อยเกินไป

ของประทานในแต่ละตัวคนมีคุณค่า   เพราะของประทานมาพร้อมกับพระประสงค์ของพระเจ้า

เมื่อเปรียบกับคนอื่น

สมัยที่ผมเรียนอยู่ในวิทยาลัยพระคริสต์ธรรม  ผมใฝ่ฝันที่อยากเป็นนักไวโอลินกับเขาบ้าง   จึงตัดสินใจขอเครื่องไวโอลินจากพี่ชายแล้วไปเรียนเล่นไวโอลินจากอาจารย์ฝรั่งท่านหนึ่งที่มีความชำนาญในด้านไวโอลิน   มีลูกศิษย์ลูกหาจากที่ต่างๆ หลายคน   ทั้งอายุมากกว่าผมและเด็กกว่าผมเกือบสิบปี   ในแต่ละครั้งเมื่อผมไปเรียนบทเรียนไวโอลิน   ผมต้องเล่นบทเพลงบทที่ผู้สอนสั่งให้ไปฝึกซ้อมมา   ดูท่าทางผู้สอนพอใจในสิ่งที่ผมทำได้   แล้วอธิบายบทเรียนแบบฝึกหัดไวโอลินเพลงใหม่   เพื่อผมจะฝึกซ้อมในอาทิตย์ต่อไป   เมื่อผมเก็บข้าวของเรียบร้อยเพื่อนักเรียนคนใหม่จะเข้ามาเรียนต่อจากผม    เด็กนักเรียนชายอายุ 9 ขวบเข้ามาเรียนต่อ   ผมขออนุญาตนั่งฟังเขาเล่นเพลงที่ฝึกซ้อมตามที่ครูสั่ง    ผมทึ่งในความสามารถของเด็กคนนี้   อายุเพียงเก้าขวบเล่นเพลงของนักตนตรีที่มีชื่อเสียง   เอาอย่างงี้ก็แล้วกันครับ   เล่นเก่งกว่าผมเกินกว่าร้อยเท่าเอาเลยทีเดียว   ผมคิดในใจว่า ของประทานความสามารถเล่นไวโอลินของผมมันเล็กน้อยเกินไป   ยากที่ผมจะเป็นนักไวโอลินแน่

ภาพและความรู้สึกจากการเปรียบเทียบตนเองกับเด็กคนนั้น   ท่านเชื่อไหมครับในที่สุดผมเลิกไปเรียนไวโอลิน   ความรู้สึกต้องการเป็นนักไวโอลินของผมอันตรธานไปไหนเมื่อไหร่ไม่รู้   ใช่ครับ  จนถึงทุกวันนี้ผมยังเล่นไวโอลินไม่เป็นครับ

เต็มใจที่จะฝึกหัดพัฒนา

ของประทาน หรือ ที่คนทั้งหลายเรียกว่าศักยภาพ   ซึ่งเป็นสิ่งที่แต่ละคนได้รับติดตัวมาแต่เกิด   บางครั้งบางคนเรียกว่าพรสวรรค์   พรจากพระเจ้า   ซึ่งเป็นของประทานจากพระเจ้า    ที่พระเจ้าบรรจงสอดใส่ลงในชีวิตของแต่ละคน   หลังจากนั้นคนๆ นั้นจะต้องค้นหาให้พบว่า   ตนเองมีพรจากพระเจ้า หรือ ของประทานจากพระเจ้าอะไรบ้าง   แล้วเอาศักยภาพ  หรือของประทานดังกล่าวมาฝึกฝนพัฒนาให้เป็นความสามารถ  สู่ความชำนาญ   และกลายเป็นอัจฉริยะในด้านนั้นๆ ต่อไป 

สมัยที่ผมมีโอกาสลงไปทำงานในชุมชนซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับการเป็นศิษยาภิบาลในคริสตจักรชนบท   ผมได้พบกับเพื่อนต่างชาติที่ทำงานด้านการวิจัยชีวิตชุมชนและมุ่งเน้นการสร้างเสริมกระบวนการเรียนรู้ในหมู่ประชาชนคนสามัญชนคนธรรมดาทั้งหลาย   และกระบวนการเรียนรู้ที่กล่าวนี้ใช้กระบวนการการกระตุ้นคิดและค้นหาด้วยการตั้งคำถามและการวิเคราะห์ประสบการณ์ตรงจากการลงมือทำของคนๆ นั้น

ผมไม่คิดว่าตนเองจะทำสิ่งนี้ได้   ประการแรกผมไม่ได้เรียนเรื่องอย่างนี้ในวิทยาลัยพระคริสต์ธรรม   ประการต่อมางานในคริสตจักรไม่เคยเห็นคนเขาใช้กระบวนการเรียนรู้ดังกล่าว   ส่วนมากเป็นการเทศน์การสอนทั้งสิ้น   ประการสุดท้ายมักคิดว่าตนเองเป็นเด็กที่เติบโตในเมือง   ในคริสตจักรจีน   ไม่น่าจะมีความสามารถในเรื่องประเภทนี้   และไม่คิดว่าตนจะทำได้   มีอยู่สิ่งหนึ่งในเรื่องนี้ที่มีในตัวผมเวลานั้นคือ   ผมรู้สึกสนุก  ตื่นเต้นกับการค้นพบสิ่งใหม่   กล้าและเต็มที่ที่จะลองทำลองฝึกหัด   แล้วก็พบว่าตนเองทำได้   และทำได้ดีขึ้น

การมีพี่เลี้ยงที่กระตุ้นหนุนเสริมให้แสวงหา  ฝึกฝน  พัฒนา  และที่สำคัญให้กำลังใจ   จนผมเองเริ่มเห็นคุณค่าในของประทานในศักยภาพดังกล่าวจึงทุ่มเทฝึกฝนพัฒนาจนเป็นความสามารถ  ความชำนาญ   ที่ตนชอบ  สนุกกับมัน   และภาคภูมิใจ   กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวัน   จนสามารถเชื่อมโยงของประทานนี้กับพระประสงค์ของพระเจ้าในชีวิตผม   เป็นสิ่งที่ผมเห็นว่าทำแล้วเป็นการถวายเกียรติแด่พระเจ้า   และนี่คือคุณค่าที่ผมพบ

ในความอ่อนด้อยแต่มีของประทานพิเศษ

พระเจ้าไม่มีพระประสงค์ให้เอาของประทานในตนเองไปเปรียบเทียบกับของประทานที่มีในคนอื่น    แต่พระองค์ต้องการให้เราใช้ของประทานที่เราแต่ละคนได้รับด้วยความรับผิดชอบอย่างสัตย์ซื่อ   ไม่ว่าของประทานนั้นจะใหญ่โตหรือเล็กน้อยปานใดก็ตาม (ลูกา 16:10;  มัทธิว 25:14-29;  1โครินธ์ 4:2)   เปาโลได้กล่าวถึงของประทานที่ได้รับในแต่ละคนว่า   เราไม่กล้าจัดชั้นหรือเปรียบเทียบ(ของประทานใน)ตัวเรากับคนที่ยกย่องตนเอง   เมื่อพวกเขาเอาตนเองเป็นเครื่องวัดและเปรียบเทียบกันเอง   พวกเขาก็ไม่ฉลาด”  (2โครินธ์ 10:12 อมตธรรม)  

เป็นการเขลาที่นำของประทานในแต่ละตัวคนมาเปรียบเทียบกันว่าของใครดีเด่นกว่า   เพราะเราต้องรู้เท่าทันในเรื่องนี้ว่า  คริสตชนสองคนต่างก็ได้รับของประทานที่แตกต่างกัน   หรือแม้จะมีประเภทของประทานเดียวกันแต่ลักษณะความละเอียดอ่อนในแต่ละด้านก็ไม่เหมือนกันด้วย   สมัยที่ผมเรียนในวิทยาลัยพระคริสต์ธรรม   มีนักศึกษารุ่นพี่ของผมคนหนึ่งเขาร้องเพลงเดี่ยวได้ไพเราะมาก   ผมแสดงความชื่นชมในความสามารถของเขา   ผมต้องแปลกใจเมื่อเขาบอกผมว่า   “น้องชายนายไม่รู้หรอกว่าหูพี่มีปัญหาเรื่องการแยกแยะระดับเสียงดนตรีแตกต่างจากคนอื่น   พี่ร้องเพลงเดี่ยวได้   พี่นำคณะนักร้องได้   แต่พี่หมดสิทธิที่จะร้องเพลงในคณะนักร้อง   เพราะจะพาลให้คณะนักร้องเกิดเสียงเพี้ยนล่มลงได้”    จะเป็นการไม่ฉลาดอย่างยิ่งที่จะเอาของประทานด้านดนตรีของพี่คนนี้ไปเปรียบเทียบกับความสามารถด้านดนตรีของนักศึกษาคนอื่นในวิทยาลัย

นักศึกษารุ่นพี่คนนี้ของผมมีความอ่อนด้อยในความสามารถการแยก ระดับเสียงดนตรี   แต่ถ้าพี่คนนี้ร้องเพลงเดี่ยวในคริสตจักรจะสร้างความอัศจรรย์ใจและความชื่นชมแก่ผู้เข้าร่วมนมัสการพระเจ้า   และถ้าเขาเดี่ยวไวโอลินครั้งใด   ที่นมัสการทั้งหมดเงียบกริบ   ว่ากันว่าแม้เข็มสักเล่มหนึ่งหล่นตกพื้นก็จะได้ยินเสียง   ในมุมมองหนึ่งดูเหมือนว่าของประทานของพี่เขาจะมีปัญหา  มีข้ออ่อนด้อย    แต่กลับเป็นของประทานที่ถูกพัฒนาขึ้นในตัวเขากลายเป็นความสามารถเฉพาะตัวที่เขากระทำได้อย่างมีคุณค่า   ที่เขาสามารถใช้กระทำในชีวิตเพื่อเป็นการถวายเกียรติแด่พระเจ้า   และนำความสุขมาสู่ผู้คนในคริสตจักร

ในแผนการใหญ่ของพระเจ้า

บางครั้งเราแต่ละคนอาจจะมีความรู้สึกว่าของประทาน  พรจากพระเจ้า  ความสามารถที่เราได้รับเป็นเพียงของประทานที่เล็กน้อย   แต่เราต้องตระหนักเสมอว่า   พระเจ้าใส่ของประทานพระพรของพระองค์ลงในชีวิตของเราแต่ละคนที่อาจจะดูว่าเล็กน้อย   แต่ของประทานชิ้นเล็กชิ้นน้อยเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งในแผนการใหญ่ของพระเจ้าที่จะให้ผู้คนใช้ของประทานประสานเกาะเกี่ยวกันให้เกิดผลที่ยิ่งใหญ่และสำคัญ   พระเจ้าเท่านั้นที่ทรงรู้ว่าผลที่จะเกิดขึ้นในเป้าหมายปลายทางทั้งสิ้นนี้คืออะไร

เมื่อเราไม่สามารถรู้ถึงผลที่จะเกิดขึ้นที่เป้าหายปลายทางคืออะไร   เราเป็นใครที่จะตัดสินตีตราว่า   ของประทานในตัวเรา หรือ ในตัวคนอื่นว่าเป็นความสามารถที่เล็กน้อยไม่สูงค่า?   พระวิญญาณของพระเจ้าจะทรงกระทำพระราชกิจของพระองค์ในการใช้ของประทานเหล่านั้นในแต่ละตัวคนให้มีส่วนในการเสริมสร้างตามแผนงานใหญ่ของพระองค์ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมด้วยการหนุนเสริมเชื่อมสัมพันธ์กันและกัน

ผู้เผยพระวจนะได้กล่าวเตือนประชาชนอิสราเอลว่าไม่ควรดูหมิ่นดูแคลน “สิ่งเล็กน้อย” เกี่ยวกับการซ่อมสร้างพระวิหารขึ้นใหม่โดยเศรุบบาเบล   ประชาชนมองว่าพระวิหารที่ซ่อมสร้างขึ้นใหม่นั้นมีขนาดเล็กและไม่งดงามตระการตาเท่าพระวิหารที่สร้างในสมัยโซโลมอน  ผู้เผยพระวจนะเศคาริยาห์ย้ำว่า   สิ่งที่ยิ่งใหญ่และงดงามมิได้หมายความว่าเป็นสิ่งดีกว่าเสมอไป   สิ่งที่เรากระทำเพื่อพระเจ้าอาจจะดูเล็กน้อยและไม่สำคัญในขณะนี้   แต่พระองค์กลับชื่นชมในสิ่งที่กระทำถูกต้อง   จงสัตย์ซื่อในสิ่งที่เรากระทำแม้จะเป็นสิ่งเล็กสิ่งน้อยแค่ไหนก็ตาม   ให้เราเริ่มต้นจากจุดที่เราทำได้ส่วนผลทั้งหมดพระเจ้าจะทรงรับผิดชอบ   เศคาริยาห์กล่าวว่า  “เศรุบบาเบลได้ลงมือวางรากของพระวิหารจนสำเร็จ   แล้วเจ้าจะรู้ว่า พระเยโฮวาห์ผู้ทรงฤทธิ์ได้ทรงส่งเรามาหาพวกเจ้า   ใครบังอาจดูถูกสิ่งเล็กน้อยที่เกิดขึ้นในวันนี้   เพราะพระเนตรทั้งเจ็ดขององค์พระผู้เป็นเจ้าซึ่งมองไปทั่วพิภพจะชื่นชมยินดีเมื่อเห็นศิลามุมเอกที่คัดสรรอยู่ในมือเศรุบบาเบล” (เศคาริยาห์ 4:9-10 อมตธรรม)

ให้เรามีจิตใจที่ขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับของประทานที่พระองค์ประทานแก่เราด้วยพระกรุณาสำหรับคริสตจักรต่างๆ  และคนแต่ละคนในคริสตจักร   แต่จงไว้วางใจในแผนการใหญ่ของพระเจ้า   เมื่อถึงวันที่พระเจ้าทรงเปิดเผยสำแดงแผนการใหญ่ทั้งหมดของพระองค์   เราต่างต้องอัศจรรย์ใจถึงของประทานเล็กน้อยในแต่ละตัวคนของเราเมื่อเชื่อมโยงเข้าในแผนงานใหญ่ของพระองค์แล้วเกิดสิ่งที่เกินความคาดเดาของเราได้    เพราะแม้จะเป็นของประทานเล็กน้อยพระองค์ทรงกระทำให้เกิดคุณค่าอย่างสูงในสายพระเนตรของพระองค์

เปาโลกล่าวว่า  “แต่​พระ​เจ้า​ทรง​ตั้ง​อวัยวะ​แต่​ละ​อวัยวะ​ไว้​ใน​ร่าง​กาย​ตาม​ชอบ​พระ​ทัย​ของ​พระ​องค์” (1โค-รินธ์ 12:18 มตฐ)  “ความ​จริง​มี​อวัยวะ​หลาย​อย่าง แต่​ก็​ยัง​เป็น​ร่าง​กาย​เดียว​กัน...แต่​หลายๆ อวัยวะ​ของ​ร่าง​กาย​ที่​เรา​คิด​ว่า​อ่อน​แอ​กว่า ก็​ยัง​เป็น​สิ่ง​จำ​เป็น...อวัยวะ​ของ​ร่าง​กาย​ที่​เรา​คิด​ว่า​ไร้​เกียรติ เรา​ก็​ยัง​ทำ​ให้​มี​เกียรติ​ยิ่ง​ขึ้น... ส่วน​ท่าน​ทั้ง​หลาย​เป็น​กาย​ของ​พระ​คริสต์ และ​แต่​ละ​อวัยวะ​ก็​เป็น​ส่วน​หนึ่ง​ของ​กาย​นั้น ... ” (ข้อ 20,  22-23, 27ความรับผิดชอบของเราคือ  การพัฒนาและใช้ของประทานที่มีในตัวเราอย่างสัตย์ซื่อต่อพระเจ้า...ไม่ว่าของประทานนั้นจะเล็กหรือใหญ่   จะสำคัญปานใดก็ตาม


ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น