บทความเรื่อง “ไล่ล่าไปในความว่างเปล่า”
ตอนที่หนึ่ง เป็นการพิจารณาถึงประสบการณ์ชีวิตจิตวิญญาณ, จิตใจ,
และอารมณ์ที่ถูกถาโถมโจมตีจากวัฒนธรรมทันสมัยของยุคนี้ วัฒนธรรมความก้าวหน้า ได้ทำให้เราต้องการมากกว่า เร็วกว่า
ดีกว่า
จนชีวิตเราอยู่ในสภาพที่เกินพอดีเกินเหมาะสม เราต้องการใหญ่ขึ้น ดีขึ้น
เพราะเราเข้าใจว่ายิ่งมีมากขึ้นยิ่งทำให้มีความสุข
ในตอนนี้เราจะพิจารณาความเข้าใจเรื่อง
“ความสำเร็จ” ตามวัฒนธรรมปัจจุบันที่ขัดแย้งแตกต่างจากความหมายความสำเร็จในพระคัมภีร์อย่างไรบ้าง
ความจำกัดความของคำว่า
“ความสำเร็จ”
ครั้งหนึ่ง ในสำนักงานกลุ่มเพื่อนที่ทำงานด้วยกัน เราถกกันว่า
“เรามีชีวิตเพื่อทำงาน หรือ เราทำงานเพื่อจะมีชีวิต”
เพราะจะมีบางกลุ่มคนที่มีชีวิตอยู่เพื่อที่จะทำงาน หรือการทำงานมีความสำคัญที่ยิ่งยวดในชีวิต ในขณะที่มีคนอีกกลุ่มหนึ่งมองว่า ที่เราทำงานก็เพื่อที่เราจะดำรงชีวิตอยู่ได้ ดังนั้น คนจึงเห็นคุณค่า ความหมาย ความงาม
และความรักในการมีชีวิต
ที่แตกต่างกัน
การมองความสำเร็จในชีวิตก็ย่อมแตกต่างกันไปด้วย
อิทธิพลจากสิ่งต่างๆ ที่ถาโถมเข้าในชีวิตของเราในยุคทันสมัยนี้
ทำให้ความคาดหวังในชีวิตของผู้คนเปลี่ยนไป และคำจำกัดความของความสำเร็จ และ ความพอเพียงที่เรามีในชีวิตก็เปลี่ยนแปลงไปด้วย
วัฒนธรรมปัจจุบันบอกกับเราและผู้คนทั้งหลายว่าสิ่งที่มีคุณค่าคือ ความหนุ่มความสาว ความงาม
ความร่ำรวย
และความสำเร็จในชีวิต
พวกเราที่อยู่ในชุมชนแห่งความเชื่อต้องยอมรับว่า
นี่มิใช่หลักเกณฑ์ที่พระเจ้าใช้เป็นเกณฑ์อธิบายความสำเร็จในชีวิตของมนุษย์
ความสำเร็จตามนัยพระคัมภีร์
พระคัมภีร์มีเกณฑ์มากมายที่เป็นตัวกำหนดบ่งบอกถึงความสำเร็จในชีวิต
และ ลำดับสำคัญในชีวิตควรเป็นเช่นไร
33 แต่พวกท่านจงแสวงหาแผ่นดินของพระเจ้า และความชอบธรรมของพระองค์ก่อน แล้วพระองค์จะทรงเพิ่มเติมสิ่งทั้งปวงนี้ให้
(มัทธิว 6:33 มตฐ)
ความสำเร็จคือการพบชีวิตที่อยู่ภายใต้การครอบครองของพระเจ้า
8 มนุษย์เอ๋ย พระองค์ทรงสำแดงแก่เจ้าแล้วว่าอะไรดี?
และพระยาห์เวห์ทรงประสงค์อะไรจากเจ้า?
นอกจากให้ทำความยุติธรรมและให้รักความเมตตา(รักสัจจะกรุณา)
และให้ดำเนินชีวิตไปกับพระเจ้าของเจ้าด้วยความถ่อมใจ (มีคา 6:8 มตฐ
ในวงเล็บ 1971)
ความสำเร็จในชีวิตคือ การดำรงชีวิตด้วยความยุติธรรม มีความรัก เมตตา บนรากฐานของสัจจะ ความจริง
และดำเนินชีวิตถ่อมใจไปกับพระเจ้า
15 แล้วพระองค์ตรัสกับพวกเขาว่า “ระวังให้ดี
จงหลีกเลี่ยงจากความโลภทุกอย่าง เพราะว่าชีวิตของคนไม่ได้อยู่ที่การมีของฟุ่มเฟือย” 16 แล้วพระองค์ตรัสอุปมาเรื่องหนึ่งให้เขาฟังว่า
“ไร่นาของเศรษฐีคนหนึ่งเกิดผลบริบูรณ์มาก 17 เศรษฐีคนนั้นจึงคิดในใจว่า ‘ข้าจะทำอย่างไรดี?
เพราะว่าข้าไม่มีที่ที่จะเก็บพืชผลของข้า’ 18 เขาจึงคิดว่า ‘ข้าจะทำอย่างนี้
คือจะรื้อยุ้งฉางของข้าและจะสร้างใหม่ให้ใหญ่โตขึ้น
แล้วข้าจะรวบรวมข้าวและสมบัติทั้งหมดของข้าไว้ที่นั่น 19 แล้วจะบอกกับจิตใจของข้าว่า “จิตใจเอ๋ย
เจ้ามีทรัพย์สมบัติมากเก็บไว้พอหลายปี จงอยู่สบาย กิน ดื่ม
และรื่นเริงเถิด” 20 แต่พระเจ้าตรัสกับเขาว่า ‘โอ คนโง่ ในคืนนี้ชีวิตของเจ้าจะต้องเรียกเอาไปจากเจ้า
แล้วของที่เจ้ารวบรวมไว้นั้นจะเป็นของใคร?’ 21 คนที่สะสมทรัพย์สมบัติไว้สำหรับตัว
และไม่ได้มั่งมีฝ่ายพระเจ้าก็เป็นเช่นนั้นแหละ”
(ลูกา 12:15-21 มตฐ)
ความสำเร็จมิใช่เพราะเรามั่งมีเพื่อตนเอง แต่มั่งมีในพระเจ้าเพื่อผู้อื่น
19 “อย่าสะสมทรัพย์สมบัติเพื่อตัวพวกท่านเองไว้ในโลก
ที่อาจเป็นสนิมและที่แมลงกินเสียได้
และที่ขโมยอาจทะลวงลักเอาไปได้ 20 แต่จงสะสมทรัพย์สมบัติเพื่อตัวพวกท่านเองไว้ในสวรรค์
ที่ไม่มีแมลงจะกินและไม่มีสนิมจะกัด และที่ไม่มีขโมยทะลวงลักเอาไปได้
21 เพราะว่าทรัพย์สมบัติของท่านอยู่ที่ไหน
ใจของท่านก็อยู่ที่นั่นด้วย (มัทธิว 6:19-21 มตฐ)
ความสำเร็จคือการที่ความมั่งมีมั่งคั่งที่ทำให้เรามีชีวิตจิตใจที่ติดสนิทกับพระเจ้ามากยิ่งขึ้น
11 ข้าพเจ้าไม่ได้พูดเนื่องจากความขัดสน
เพราะข้าพเจ้าเรียนรู้ที่จะพอใจในสภาพที่เป็นอยู่
12
ข้าพเจ้ารู้จักความขาดแคลนและรู้จักความอุดมสมบูรณ์
ไม่ว่าในกรณีใดหรือในทุกกรณี ข้าพเจ้าได้เรียนรู้เคล็ดลับในการเผชิญความอิ่มท้องและความอดอยาก
ความอุดมสมบูรณ์และความขัดสนแล้ว 13
ข้าพเจ้าเผชิญได้ทุกอย่างโดยพระองค์ผู้ทรงเสริมกำลังข้าพเจ้า
(ฟีลิปปี 4:11-13 มตฐ)
ความสำเร็จคือ
การที่มีชีวิตที่ไว้วางใจในพระเจ้าในทุกสถานการณ์
ว่าพระองค์จะประทานกำลังในการเผชิญทุกสถานการณ์แก่เรา
10 เพราะว่าการรักเงินทองเป็นรากเหง้าของความชั่วทั้งหมด
ความโลภเงินทองนี้ที่ทำให้บางคนหลงไปจากความเชื่อ
และตอมตรมด้วยความทุกข์มากมาย (1ทิโมธี 6:10 มตฐ)
ความสำเร็จ มิใช่การที่มีชีวิตยึดติดเกาะมั่น และ
อยากได้ใคร่มีในทรัพย์สินเงินทอง
เพราะนั่นจะนำมาซึ่งความทุกข์
สวนกระแสวัฒนธรรม
การสร้างพื้นที่ว่างในชีวิตเป็นการสวนกระแสวัฒนธรรมปัจจุบัน การสร้างพื้นที่ว่างในชีวิตมิใช่รูปแบบหรือสิ่งที่กระทำกันในวัฒนธรรมยุคนี้
และพื้นที่ว่างในชีวิตมิใช่สิ่งที่จะเกิดขึ้นเองแต่เป็นสิ่งที่เจ้าตัวต้องทุ่มเทพยายามให้เกิดขึ้นในชีวิตของตน พื้นที่ว่างในชีวิตจะเกิดขึ้นได้จำเป็นที่คนๆ
นั้นต้องสำนึกรู้ตนและพยายามที่จะเอื้อให้เกิดพื้นที่ว่างในชีวิต พื้นที่ว่างในชีวิตจะไหลบ่าผลักดันสิ่งที่ถาโถมจู่โจมเข้ามาในชีวิตของเรา แต่สิ่งที่เป็นอิทธิพลจู่โจมเข้ามาในชีวิตของเราจะไม่สามารถทำให้ชีวิตของเรากลับไปสู่สภาพตามที่มันต้องการ นอกจากการถูกบังคับขู่เข็ญ
ประโยชน์ที่ได้จากการที่มีพื้นที่ว่างในชีวิต
การมีพื้นที่ว่างในชีวิต
คือการที่เรามีชีวิตตามพระสัญญาของพระเยซูคริสต์ที่ทรงนำชีวิตที่ครบบริบูรณ์มายังผู้ที่เชื่อศรัทธาในพระองค์
การที่เรามีพื้นที่ว่างในชีวิตมิได้ค้ำประกันว่าชีวิตของเราจะปราศจากปัญหา
แต่ชีวิตของเราจะได้รับสิ่งที่อุดมสมบูรณ์ในชีวิต เช่นบางประการดังนี้
- สันติสุข
- สามารถที่จะบ่มเพาะฟูมฟักสัมพันธภาพกับพระเจ้า สัมพันธภาพในตนเอง และกับเพื่อนมนุษย์
- มีพลังชีวิตสำรองมากพอสำหรับพระประสงค์ของพระเจ้าในวิถีชีวิตของตน
- มีเวลาและพลังชีวิตเหลือพอที่จะรับมือกับประเด็นที่มิได้คาดคิดหรือวิกฤติที่เข้ามาในชีวิตกะทันหัน
- มีเงินทองสำรองเพียงพอที่จะใช้เอื้อเฟื้อแก่ผู้อื่น
- มีความเครียดที่น้อยนิดต่อรายจ่ายที่มิได้คาดคิด
- มีพื้นที่ว่างในสมองสำหรับการคิดที่สร้างสรรค์
- มีวัตถุสิ่งของที่จะต้องเก็บรักษาไม่มากมาย ทำให้สะอาด สะดวก เป็นระเบียบในการเก็บรักษา
- มีเวลาสำหรับการสะท้อนคิดในสิ่งที่สำคัญที่แท้จริง มีเวลาการฝึกสำนึกเท่าทันตนเอง และ สำนึกรู้คุณในสิ่งต่างๆ
- และที่สำคัญคือ มีเวลาชีวิตที่ติดสนิทใกล้ชิดกับพระเจ้าอย่างเหมาะสมเพียงพอในแต่ละวัน
แล้วเราจะมีพื้นที่ว่างในชีวิตได้อย่างไรครับ? ท่านมีคำตอบอยู่แล้วในบทความนี้ตอนที่หนึ่ง ย่อหน้าสุดท้าย “ชีวิตที่ต้องเลือก” ครับ
(กรุณาอ่านต่อตอนต่อไปในวันศุกร์หน้า)
ประสิทธิ์
แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย
เชียงใหม่
E-mail:
prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น