ตามความคิดเห็นของ
ดร. ริชาร์ด เอ.สเวนสัน
ที่ท่านเขียนในหนังสือ Margin:
Restoring Emotional, Physical, Financial, and Time Reserves to Overloaded
Lives. ว่าการดำรงชีวิตที่มีสุขภาวะอย่างสมดุล
เราจำเป็นต้องมีพื้นที่ว่างสำหรับชีวิตสี่ด้านด้วยกันคือ พื้นที่ว่างด้านพลังทางอารมณ์, พื้นที่ว่างด้านพลังทางกาย, พื้นที่ว่างในชีวิตสำหรับการเงินการทอง และพื้นที่ว่างด้านสำหรับเวลา
พื้นที่ว่างในชีวิตและพลังทางอารมณ์
ถ้าพลังทางอารมณ์ของเราหมดกำลังลง
ชีวิตของเราอยู่ไปก็เพื่อการอยู่รอดเท่านั้น มิใช่การดำรงชีวิตอย่างเต็มบริบูรณ์ เราต้องการพลังทางอารมณ์มิใช่เพื่อดูแลตัวเราเองเท่านั้นแต่มีไว้เพื่อเอื้อเฟื้อต่อผู้คนรอบข้างด้วย การที่พลังอารมณ์ลดน้อยถอยลงอาจนำไปสู่การหลงบูชาในตนเอง
การที่เรากลายเป็นคนที่หมกมุ่นในตนเองเพราะเราแทบจะไม่สามารถรับมือกับชีวิต ดังนั้น
สิ่งที่เราจะทำได้ในเวลาเช่นนั้นคือการที่จะสนใจแต่ตนเอง
คงเป็นการยากยิ่งที่เราจะสามารถบอกถึงจำนวนของพลังทางอารมณ์ แต่ก็ต้องยอมรับว่าเมื่อเราเกิดความอ่อนล้าเพลียแรงทางอารมณ์ จะนำไปสู่วงจรอาการหมดแรงในขั้นวิกฤติทั้งทางจิตใจ จิตวิญญาณ
และสุขภาพทางอารมณ์
เราอาจจะเปรียบพลังทางอารมณ์กับสมุดฝากธนาคาร เรามักจะมีเงินเหลือสำรองในสมุดฝากธนาคาร ในการเริ่มต้นวันใหม่แต่ละวัน เราต้องตรวจสอบให้รู้เท่าทันว่าเรามีพลังในตัวเหลืออยู่สักแค่ไหน ต้องรู้เท่าทันว่าอะไรที่เป็นตัวดูดพลังจากตัวเราไป
และ
อะไรเป็นตัวเสริมเพิ่มพลังแก่ชีวิตของเราในแต่ละวัน การพักผ่อน
การออกกำลังกาย การรับประทานอาหารที่เหมาะสม กำหนดขอบเขตด้านต่างๆ ในชีวิต การฝึกสำนึกซาบซึ้งในพระคุณ
การขอบพระคุณพระเจ้า
การติดต่อสัมพันธ์กับผู้อื่น
การอธิษฐานก็เป็นการเติมเต็มพลังทางอารมณ์ทางหนึ่งด้วย
พื้นที่ว่างในชีวิตและพลังทางกาย
ดร. สเวนสัน
แนะนำให้เราสนใจเรื่องนี้ใน 3 ด้านด้วยกันคือ
เราไม่อยากจะเชื่อว่า คนอเมริกันต้องการสามสิ่งคือ (1) มีหุ่นที่ดีขึ้น (2)
ลดน้ำหนักของตนเอง และ (3) นอนหลับมากขึ้น ในที่นี้เราคงไม่ลงไปในรายละเอียดให้ยุ่งยาก
แต่ทั้งสามประการดังกล่าวต่างเชื่อมโยงสัมพันธ์กัน การออกกำลังกาย การรับประทานอาหารที่ดี ย่อมเป็นเหตุผลที่นำไปถึงการที่นอนหลับได้ดีและมีสุภาพจิตที่สดชื่น จากผลการวิจัยได้ให้ข้อเสนอแนะว่า
การนอนหลับไม่เพียงพอทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มมากขึ้น
โดยไม่ต้องอ้างถึงการทำให้เกิดอารมณ์ฉุนเฉียวง่ายขึ้นและมากขึ้น ขาดสมาธิ
และเกิดความซึมเศร้าในชีวิต ดร.
สเวนสันกล่าวว่า โดยภาพรวมแล้วคนอเมริกันนอนหลับน้อยลงคืนละชั่วโมงครึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับ
100 ปีที่ผ่านมา
พื้นที่ว่างในชีวิตกับเศรษฐกิจ
ถ้าเปรียบเทียบคนอเมริกันกับคนส่วนอื่นในโลก
คนอเมริกันดูจะมั่งมีมั่งคั่งกว่า แต่ความมั่งคั่งดังกล่าวไม่ได้ทำให้อเมริกันชนมีความคิดที่สงบสันติ
คนส่วนใหญ่จะมีความเครียดในเรื่องการเงิน
คนที่มั่งมีก็วิตกห่วงใยกับเงินที่ตนมีอยู่
ในขณะที่คนไม่มีก็เครียดกังวลว่าทำอย่างไรตนจึงจะทำเงินหรือมีเงินมากขึ้น
เรามีความยากลำบากที่จะแยกแยะชัดเจนระหว่าง
“ความต้องการอยากได้” กับ “ความจำเป็นในชีวิต”
หลายคนกำลังใช้จ่ายทั้งๆ ที่ยังไม่มี
บ้างก็จ่ายเงินล่วงหน้า
หลายคนในพวกเราจึงต้องเป็นหนี้
และมีชีวิตในภาวะที่ล่อแหลมบนขอบที่คมกริบของใบมีดโกน
พระวจนะของระเจ้าเตือนเราว่า
ความมั่งคั่งร่ำรวยอาจจะกลายเป็นกับดักในชีวิตของเรา มันอาจจะทำให้บางคนต้องตกลงไปในความมัวเมาและเย้ายวน ให้เราออกห่างและเลือกสนใจต่อสิ่งอื่นที่เห็นว่าสำคัญในชีวิต
พระเยซูคริสต์บอกเราอย่างตรงไปตรงมาและชัดเจนว่า
อย่าสั่งสมทรัพย์สมบัติสำหรับตนในโลกนี้
แต่ผมไม่คิดว่าพระองค์กำลังแนะนำเราว่าให้อยู่ไปวันๆ หนึ่งอย่างไร้เป้าหมายแผนการในชีวิต แต่พระคัมภีร์กล่าวถึงเรื่องเงินทองว่า
เราจะต้องมีมุมมองต่อเงินทองบนรากฐานตามพระวจนะของพระเจ้า
มีใจที่ต้องการให้ลดน้อยลง และ มีจิตใจกว้างขวางในการให้ที่เพิ่มสูงขึ้น
พื้นที่ว่างในชีวิตสำหรับเรื่องการเงินควรจะให้เรามีความต้องการจำเป็นในชีวิตของเราต่ำลง(ลดลง) และควรมีจิตใจที่ให้ด้วยใจกว้างขวางสูงขึ้น ให้เราคาดหวังในชีวิตจากเบื้องบน
ให้เราสร้างพื้นที่ว่างในชีวิตด้านการเงินด้วยการดำรงชีวิตแบบเรียบง่าย และลดรายจ่ายของเราลงก็จะสร้างแรงกดดันและความเครียดในชีวิตลดน้อยถอยลงด้วย เพื่อเราจะมีพื้นที่เตรียมรองรับสำหรับการเปลี่ยนแปลงที่ไม่คาดคิดมาก่อน เตรียมพื้นที่ชีวิตด้านเงินทองที่จะตอบสนองสถานการณ์ต่างๆ
ด้วยใจกว้างขวาง
เมื่อเรายังมีชีวิตอยู่
ให้อยู่อย่างเรียบง่ายตามอัตภาพ พอใจในสิ่งที่ตนมี หลีกเลี่ยงการใช้จ่ายด้วยใจง่ายใจเร็ว คิดให้รอบคอบในการจับจ่ายใช้สอย เป็นคนที่มีใจกว้างขวางในการช่วยเหลือคนอื่นตามกำลัง และมีการอดออมที่เหมาะสมพอดี เพื่อมีใช้จ่ายจำเป็นในกรณีฉุกเฉินในชีวิต
พื้นทีว่างในชีวิตด้านเวลา
ในยุคปัจจุบันได้ผูกพันเวลากับความเร่งเร็วและผลผลิตหรือผลที่เกิดขึ้น เรานับเป็นวินาที แม้จะเป็นเวลาว่างเวลาตามสบายแต่มันก็ไม่ว่างและก็เร่งรีบอยู่ดี ผู้คนที่กลับจากการ “พักผ่อน พักร้อน”
ด้วยความเหนื่อยล้า?
เป็นไปได้อย่างไรที่เราเก็บรักษาเวลาไว้มากมาย แต่กลับมีเวลาสำรองไว้น้อยเหลือเกิน? อะไรที่มัน “เขมือบ” เอาเวลาของเราไป? การจราจรในเวลาเร่งรีบ, โทรศัพท์,
การประชุม,
ความยุ่งเหยิงและเรื่องสัพเพเหระที่จะต้องการจัดให้เป็นระเบียบระบบ, จดหมายขยะ,
อีเมล์ และ อะไรอีกมามาย...
มองไปแล้ว เราจะได้พื้นที่ว่างด้านเวลาในชีวิตของเราจากที่ไหน?
การเลือกที่คิดว่าฉลาด
แต่...
เพื่อนผมคนหนึ่งเล่าว่า เมื่อไม่นานมานี้เขาไปสัมมนาที่กรุงเทพฯ ในเช้าวันอาทิตย์หลังการสัมมนา
เขาตัดสินใจเช่ารถจากโรงแรมและขับไปปลายทางจังหวัดหนึ่งใกล้กรุงเทฯ เขาคิดว่าวันอาทิตย์รถคงไม่ติด และเป็นการพักผ่อนไปในตัว และวางแผนจะแวะเที่ยวข้างทางสองสามแห่ง
“มันเป็นไปได้อย่างไร?” เสียงเพื่อนดังแหลมขึ้น “วันอาทิตย์ภาษาอะไรว่ะ
รถติดหนึบเลย!” เขาบอกว่ารถเคลื่อนไปข้างหน้าที่ละคืบ มีเสียงบีบแตรรถด้วยอารมณ์เสีย หน้าตาคนในรถแต่ละคันท่าทีโกรธเคร่งเครียด เหมือนกำลังบ่นพึมพำอะไรกับตนเองหลังพวงมาลัย และนี่เป็นวันอาทิตย์นะยังเป็นอย่างงี้
แล้ววันทำงานในชั่วโมงเร่งรีบมันจะสาหัสกว่านี้สักแค่ไหน?
เพื่อนเล่าว่า
ในฐานะคนมาจากบ้านนอกต้องขับรถด้วยความระมัดระวังอย่างยิ่ง
กันชนหน้าของเขาห่างกันชนท้ายรถคันข้างหน้าแค่เส้นยาแดงผ่าแปด
แม้จะเคลื่อนตัวไปอย่างเชื่องช้าแต่ก็ต้องระวังอย่างมากที่จะไม่เอาข้างรถไปสีกับรถซ้ายขวา เขากล่าวว่า “สติแตก!
ประสาทรับประทานจริงๆ”
เพื่อนผมกลับจาก
“พักผ่อน” วันนั้นถึงโรงแรมในกรุงเทพฯ เกือบเที่ยงคืน
เขาสูญเสียเวลาเพื่อการพักผ่อนที่มหาเครียดครั้งหนึ่งในชีวิตของเขา
สมดุลภาพในชีวิต
การมีความสมดุลที่มีสุขภาวะในชีวิตเราจำเป็นที่จะต้องทำสิ่งสำคัญที่จำเป็นในชีวิตให้สำเร็จ รวมหมายถึงมีเวลาแก่ครอบครัว เพื่อนฝูงมิตรสหาย กับตนเอง
และกับความเชื่อศรัทธาของตัวเรา
แต่อาจจะไม่ต้องลำดับความสำคัญก่อนหลังตามข้างต้น ความจริงก็คือในชีวิตของเราต้องใช้เวลาสำหรับมิติต่างๆ
ในชีวิตในหลากหลายด้านเหล่านี้
ความเชื่อศรัทธาของเราจะ
“ผอมแห้งแรงน้อย” ถ้าเรามิได้รับการเอาใจใส่ฟูมฟักบำรุงจากตนเอง และเราจะไม่สามารถเข้าถึงชีวิตจิตวิญญาณ
ถ้าความเชื่อศรัทธาของเรา “เพลีย พร่อง อ่อนแรง”
หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง
ถ้าเราปล่อยปละละเลยให้ความเชื่อศรัทธาของเรา “ขึ้นสนิม” แล้ว เราต้องกลับมา “เคาะสนิม” จะเป็นภาระชีวิตที่ลำบากหนักอึ้ง
การที่เราต้องดูแลชีวิตและจิตวิญญาณของตนเองมิใช่เรื่องสะดวกสบายเลย
แต่ก็เป็นสิ่งที่จำเป็นต้องทำในชีวิตของเราครับ
แต่ก็ต้องไม่ลืมด้วยเช่นกันนะครับว่า
ในสิ่งใดที่เกินความสามารถที่เราจะลงมือลงใจจัดการเองได้
พระวิญญาณของพระเจ้าพร้อมที่จะทรงหนุนเสริมเรี่ยวแรงแก่เราครับ ปรึกษากับพระองค์เดี๋ยวนี้ซิครับ!
ประสิทธิ์
แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย
เชียงใหม่
E-mail:
prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น