การรอคอยเวลาของพระเจ้า
มิใช่ช่วงเวลาที่เราจะอยู่เฉยๆ
และก็ไม่ใช่เวลาที่ยืดยาดเกียจคร้านไม่อยากทำอะไร
และก็ไม่ใช่เราไม่รู้ว่าจะจัดการอย่างไรเลยปล่อยให้พระเจ้าว่าไปก็แล้วกัน
แต่การรอคอยเวลาของพระเจ้า เป็นเวลาของการมีวินัยชีวิต และ
การอุทิศชีวิตแด่พระองค์!
สิ่งจำเป็นพื้นฐานบางประการสำหรับการรอคอยเวลาของพระเจ้า มีดังนี้
ความเชื่อศรัทธา
เราต้องตระหนักชัดว่า
แผนการและเวลาของพระเจ้านั้นแตกต่างจากความคิดและตารางเวลาแห่งใจปรารถนาของเรา 8เพราะความคิดของเราไม่เป็นความคิดของเจ้า ทั้งทางของเจ้าไม่เป็นวิถีของเรา” พระเจ้าตรัสดังนี้ 9“เพราะฟ้าสวรรค์สูงกว่าแผ่นดินโลกฉันใด วิถีของเราสูงกว่าทางของเจ้า และความคิดของเราก็สูงกว่าความคิดของเจ้าฉันนั้น...”
(อิสยาห์ 55:8-9 มตฐ)
จากจุดยืนและมุมมองตามความเป็นมนุษย์ เราจะพบว่าความคิด แผนการ
ของพระเจ้านั้นแปลกแตกต่างจากที่เราคิดที่เราวางแผนและต่างจากความคาดหวังของเรา
แต่ถ้าเรามีความไว้วางใจในพระเจ้าตามพระประสงค์ ตามแผนการของพระองค์ มุมมองในชีวิตของเราจะเริ่มเปิดกว้าง ความคิดของเราเริ่มน้อมรับ และในที่สุดเราก็จะพบความจริงว่า แท้จริงแล้วพระประสงค์ ความคิด
แผนการ
และกำหนดเวลาของพระองค์นั้นรอบคอบ “เหตุฉะนี้ท่านทั้งหลายจงเป็นคนดีรอบคอบ
เหมือนอย่างพระบิดาของท่าน ผู้ทรงสถิตในสวรรค์เป็นผู้ดีรอบคอบ” (มัทธิว
5:48)
ดังนั้น
การที่ใครจะรอคอยเวลาของพระเจ้าได้หรือไม่ย่อมขึ้นอยู่กับวินัยความเชื่อศรัทธาในชีวิตของคนๆ
นั้น ถ้าเราดำเนินชีวิตคริสตชนในแต่ละวันโดยมีพระเจ้าทรงนำเป็นเอกเป็นใหญ่ในชีวิต
ชีวิตประจำวันของเราก็จะกลมกลืนไปกับพระประสงค์และแผนงานของพระเจ้า เมื่อนั้น
เราก็จะเห็นชัดเจนว่า
“เวลาของพระเจ้า” นั้น “ใช่เลย”
“เหมาะสม”
ความถ่อม
การรอคอยพระเจ้าและเวลาของพระองค์นั้น
ขึ้นอยู่บนพื้นฐานของการที่เราแต่ละคนยอมรับความจริงว่า เราต้องการและเราต้องพึ่งพระองค์ การที่เราจะยอมรับความสำคัญ สูงส่งของพระเจ้าในชีวิตของเรานั้นจำเป็นที่เราจะต้องถ่อมใจ
การที่เรายอมถ่อมใจเป็นการที่เรายอมเข้าสู่กระบวนการที่พระเจ้าทรงหล่อหลอมเสริมสร้างวินัยชีวิตของเราให้เป็นผู้ที่เชื่อฟังตามแนวทางและแผนการของพระองค์ในชีวิต
(เฉลยธรรมบัญญัติ 8:2, 3, 16; สดุดี 25:9)
การถ่อมใจคือ การยอมรับการเสริมสร้างให้เรามีจิตใจอย่างคนที่พระคริสต์ทรงเลือก “เพราะฉะนั้นในฐานะเป็นพวกที่พระเจ้าทรงเลือก
พวกที่บริสุทธิ์ และพวกที่ทรงรัก จงสวมใจเมตตา ใจกรุณา ใจถ่อม
ใจสุภาพอ่อนโยน ใจอดทน” (โคโลสี 3:12)
การถ่อมใจคือ การยอมรับเป้าหมายปลายที่ที่จะเกิดขึ้นตามแผนการของพระเจ้า “บำเหน็จของความถ่อมตัวและความยำเกรงพระยาห์เวห์ คือความมั่งคั่ง เกียรติ และชีวิต”
(สุภาษิต 22:4) และ
การถ่อมใจคือ คุณลักษณะหนึ่งในชีวิตของพระคริสต์เพื่อกระทำตามแผนการและพระประสงค์ของพระบิดา ที่เราจะต้องได้รับการเสริมสร้างในชีวิตคริสตชน
“(พระเยซูคริสต์)พระองค์ทรงถ่อมพระองค์ลง
ทรงยอมเชื่อฟังจนถึงความมรณา กระทั่งมรณาบนกางเขน” (ฟีลิปปี 2:8 มตฐ)
เราไม่สามารถที่จะมีชีวิตที่เปลี่ยนจากการที่มีความคิด แผนการ
และความปรารถนาของเราไปยอมรับแผนการ ตามพระประสงค์ และ
ตามเวลาที่พระองค์กำหนดได้ ถ้าเรามิได้ยอมถ่อมชีวิตของเราลงรับการเปลี่ยนแปลง
เสริมสร้าง
และมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับพระองค์ก่อน
และที่สำคัญคือ
เราจะต้องถ่อมตนเพื่อจะถวายชีวิตทั้งสิ้นของเราให้เป็นของพระเจ้า
เพื่อเราจะได้รับการเปลี่ยนแปลงจากพระคริสต์ “อย่าลอกเลียนแบบอย่างคนในยุคนี้
แต่จงรับการเปลี่ยนแปลงจิตใจ แล้วอุปนิสัยของท่านจึงจะเปลี่ยนใหม่
เพื่อท่านจะได้ทราบพระประสงค์ของพระเจ้า จะได้รู้ว่าอะไรดี
อะไรเป็นที่ชอบพระทัย และอะไรดียอดเยี่ยม” (โรม 12:2)
ความอดทน
การรอคอยความชัดเจนแผนการของพระเจ้าในแต่ละประเด็นที่ต้องตัดสินใจต้องอาศัยความอดทนอย่างสูง การรอคอยความชัดเจนแผนการของพระเจ้าและเวลาของพระองค์นั้นมิได้หมายความว่าเราไม่สนใจสภาวะรอบด้านในบริบทที่เรากำลังเป็นอยู่
เราต้องเอาใจใส่และไม่ให้อิทธิพลแวดล้อมมีพลังเหนือการตัดสินใจของเราในประเด็นนั้นๆ
แต่เราเพิ่มความสนใจอีกด้านหนึ่งบนรากฐานความเชื่อของเราคือ
พระเจ้ามีพระประสงค์และแผนการอย่างไรบ้างในประเด็นที่เราต้องตัดสินใจ
ด้วยการที่เราใส่ใจต่อสภาพแวดล้อมที่เป็นจริงทำให้เราเห็นชัดเจนยิ่งขึ้นถึงพระประสงค์ของพระเจ้า
และ เวลาของพระองค์มีความเหมาะสมสอดคล้องและตอบสนองต่อความจริงในเวลานั้นอย่างไรบ้าง นั่นหมายความว่าเราจะต้องมีวินัยชีวิตในด้านความอดทนในการรอคอยความชัดเจนในพระประสงค์และแผนงานของพระองค์
นอกจากการรอคอยความชัดเจนแผนการของพระเจ้าและเวลาของพระองค์จะเป็นโอกาสที่เราจะประสบความสำเร็จในชีวิตของเราตามพระประสงค์ของพระเจ้าแล้ว การที่เราอดทนในการรอคอยก็ยังเป็นการฝึกปรือให้ชีวิตคริสตชนเข้มแข็งขึ้นอีกด้วย
และเพิ่มพูนวินัยการรอคอยของเราได้เหนียวแน่นเข้มแข็งอีกด้วย เพราะในความอดทนนั้นเองที่เพิ่มพูนความหวังแก่เรา ดังที่เปาโลกล่าวกับคริสตชนในกรุงโรงว่าว่า “ยิ่งกว่านั้น
เราก็ชื่นชมยินดีในความทุกข์ยากด้วย
เพราะเรารู้ว่าความทุกข์ยากนั้น ทำให้เกิดความทรหดอดทน และความทรหดอดทนทำให้เห็นว่าเราเป็นคนที่พระเจ้าทรงใช้ได้
และการที่เป็นเช่นนั้นทำให้มีความหวัง” (โรม 5:3-4 มตฐ)
ความกล้าหาญ
การรอคอยแผนการและเวลาของพระเจ้าต้องการความกล้าหาญอย่างสูง
โดยเฉพาะที่ท่านจะต้องรอคอยแผนการของพระเจ้าและเวลาของพระองค์ในเรื่องที่ต้องเกี่ยวข้องกับคนรอบข้าง และจะมีกระแสกดดันอย่างแรงจากสังคมในเวลานั้น
ถ้าเราลืมตัวหรือพลั้งเผลอเราอาจจะละความสนใจในการรอคอยแผนการและเวลาของพระเจ้าแล้วรีบด่วนตัดสินใจตามกระแสกดดันที่ผลักดันและแรงเร่งรีบรอบข้าง เราจึงด่วนตัดสินใจตามกระแสสังคม เศรษฐกิจ หรือการเมือง หรือตามแนวโน้มวัฒนธรรมในเวลานั้นๆ เราจะต้องสุขุม ยืนมั่นที่จะฟังเสียงของพระเจ้าที่จะทรงสำแดงเปิดเผยความชัดแจ้งให้เราเห็นและรู้ว่าอะไรคือแผนการของพระเจ้าและอะไรคือเวลาของพระองค์ พระเจ้าตรัสกับโยชูวาว่า “...จงเข้มแข็งและกล้าหาญเถิด
อย่าครั่นคร้ามหรือตกใจเลย
เพราะว่าพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้าสถิตกับเจ้าทุกแห่งที่เจ้าไป...”
(โยชูวา 1:9 มตฐ)
ถ้าเราจะพิจารณาพระคัมภีร์ตอนต่างๆ
โดยเฉพาะในพระธรรมสดุดี
เมื่อกล่าวถึงการรอคอยพระเจ้านั้นจะต้องเต็มด้วยความกล้าหาญ เช่น “จงรอคอยพระยาห์เวห์ จงเข้มแข็ง
และให้จิตใจของท่านกล้าหาญเถิด เออ
จงรอคอยพระยาห์เวห์” (27:14 มตฐ)
แต่เราต้องตระหนักด้วยว่า ความกล้าหาญมิได้เกิดขึ้นจากตัวของเราเอง
พระเจ้าจะเป็นผู้ประทานความกล้าหาญถ้าเราตั้งใจที่จะรอคอยพระองค์ “ในวันที่ข้าพระองค์ร้องทูล
พระองค์ได้ทรงตอบข้าพระองค์ พระองค์ทรงให้ข้าพระองค์กล้าหาญโดยประทานกำลังแก่จิตใจของข้าพระองค์”
(138:3 มตฐ)
เป็นการฉลาดที่เราจะรอคอยพระเจ้าและเวลาของพระองค์
และเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งถ้าเราตั้งใจที่จะให้พระเจ้าทรงนำและเปิดเผยในการตัดสินใจในทุกเรื่องในชีวิตของเรา ยิ่งกว่านั้น การที่เราจะตัดสินใจทวนกระแสอิทธิพลของสังคม วัฒนธรรม
เศรษฐกิจ
และการเมืองในโลกปัจจุบันแล้ว
การที่เราจะเอาใจใส่ในการรอคอยพระเจ้า
แผนงานและเวลาของพระองค์เป็นสิ่งที่เราจะละเลยและหลงลืมไม่ได้เด็ดขาด
การที่เราจะมุ่งมั่นที่จะมีวินัยชีวิตในการรอคอยพระเจ้าย่อมขึ้นอยู่กับรากฐานความเชื่อศรัทธา ความถ่อมใจถ่อมตนในชีวิต
ความอดทนและทนอดต่อแรงกดดันบีบคั้นเร่งรีบรอบด้าน
และเราต้องมีใจกล้าหาญที่จะเลือกรอคอยพระเจ้ามากกว่าคล้อยตามกระแสสังคมโลก
วันนี้
พระเจ้าทรงพร้อมที่จะนำและสำแดงพระประสงค์และเวลาของพระองค์แก่เราทุกเรื่องในชีวิตของท่าน
ประสิทธิ์
แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย
เชียงใหม่
E-mail:
prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น