สิ่งที่ผมได้เรียนรู้อย่างมากเมื่อชีวิตต้องออกมาทำงานคือ ผมควรจะพูดอย่างไร
จะพูดอย่างไร คนที่ผมพูดด้วย จะเชื่อมั่นว่าผมอยู่เคียงข้างเขา
จะพูดอย่างไร ให้ผู้ฟังเข้าใจอย่างที่ผมต้องการให้เขาเข้าใจ
จะพูดอย่างไร ที่ความตั้งใจและเจตนาของผมจะไม่ถูกผู้ฟังเข้าใจผิด
จะพูดอย่างไร ในเรื่องที่เข้าใจยากลำบากให้ผู้ฟังเข้าใจและยอมรับได้
จะพูดอย่างไร
ที่ผู้ฟังยังฟังสิ่งผมพูด
ที่ผู้ฟังไม่เริ่มคิดค้าน โต้แย้งในจิตใจ
แล้วไม่สนใจฟังเราพูดในเวลาเดียวกัน
จะพูดอย่างไร
ที่เป็นการพูดด้วยสัตย์ซื่อจริงใจ
ตรงไปตรงมา และการพูดยังเกิดผลทุกอย่างตามทุกประการข้างต้น
การพูดมีความแตกต่างหลากหลาย
ความแตกต่างเหล่านั้นมิใช่สิ่งที่เราจะเห็นชัดเจนด้วยตาเสมอไป
ในการพูดสื่อสารด้วยวิธีการเดียวกันแต่ในงานที่แตกต่างกันอาจสร้างสิ่งแตกต่างตรงกันข้ามกันได้
เช่น
การสื่อสารในงานธุรกิจ
การสื่อสารในการให้การปรึกษา
การสื่อสารในชีวิต
เราคงต้องกลับมาสำรวจตรวจดูว่า เรามีความอ่อนพร่องในการสื่อสารด้านใด
เราอาจจะเคยมีประสบการณ์ถึงความอ่อนพร่องในการสื่อสารทั้งในการทำธุรกิจ
และ ในการเป็นผู้นำ เพราะในการทำธุรกิจและในการเป็นผู้นำเรามิได้มุ่งสื่อสารเพียงให้ทีมงานของเรามีวิสัยทัศน์และพลังขับเคลื่อนร่วมเท่านั้น
แต่เป็นการสื่อสารในวงการทำธุรกิจ
การงาน ที่มีความเป็นคนเป็นสำคัญ!
ถึงแม้ว่าปัจจุบันนี้เราจะมีเทคโนโลยีที่สนับสนุนในการสื่อสารตลอดเวลาและในทุกที่ แต่ในที่สุดเทคโนโลยีเหล่านี้ก็ต้องถูกใช้โดยคน
คนที่มีความคิด
ความรู้สึก มีจิตมีใจ
ในการสื่อสารของเราในวันนี้กับคนใดคนหนึ่งนั่นเป็นโอกาสที่เรา...อาจจะ...
- ให้การศึกษาเรียนรู้แก่คน
- สร้างความเจ็บปวดแก่คนๆ นั้น
- ลดคุณค่าในคนที่เราพูดด้วย
- ให้กำลังใจกับคนที่เราสื่อสาร
- สร้างความสับสนมึนงงแก่คนที่สื่อสารด้วย
- ให้ข้อมูลแก่ผู้ที่เราสื่อสารด้วย
และรายการนี้ยังมีอีกยาวเหยียดครับ....
ในพระคัมภีร์ที่พูดถึงการใช้ลิ้น หรือการสื่อสารพูดจาไว้มากมายหลายตอน
แสดงว่าพระคัมภีร์เห็นถึงความสำคัญของการสื่อสาร ขอยกตัวอย่างบางตอนจากพระคัมภีร์มาดังนี้
17 คนที่พูดความจริงก็ให้การอย่างซื่อสัตย์
แต่พยานเท็จกล่าวคำหลอกลวง
18
คำพูดพล่อยๆ เหมือนดาบแทง
แต่ลิ้นของคนมีปัญญานำการรักษามาให้
19
ปากที่พูดจริงทนอยู่ได้เป็นนิตย์
แต่ลิ้นที่พูดมุสาอยู่ได้เพียงประเดี๋ยวเดียว (สุภาษิต 12:17-19 มตฐ)
4 ลิ้นที่ปลอบโยนเป็นต้นไม้แห่งชีวิต
แต่ลิ้นตลบตะแลงทำให้จิตใจแตกสลาย (อ่านสุภาษิต 15:3-5 ข้อ 4 มตฐ)
คำพูดของท่านเสริมสร้างหรือทำลาย
เป็นที่แน่ชัดด้วยว่า สิ่งที่เราพูด หรือ
วิธีการที่เราสื่อสารได้สร้างความแตกต่างด้วย
อาจจะเป็นการ “เสริมสร้าง” หรือ เป็นการ “ทำลาย” ก็ได้
เรารู้เรื่องนี้แล้ว เราได้อ่านจากพระคัมภีร์แล้วใช่ไหม?
เราพบลูกน้องที่เหมือนมีอะไรมาจุกปากจุกคอพูดอะไรไม่ออกเพราะผู้บริหารได้ตัดสินใจย้ายหน้าที่การงานของเขา
ไปในส่วนที่เขาไม่มีความสามารถ
เราเห็นสีหน้าและดวงตาของคนทำงานในหน่วยงานนั้นหลังจากที่ผู้บริหารตัดการบริการทุกอย่างเพียงเพื่อเพิ่มตัวเลขรายได้ให้มากขึ้น เพื่อพิสูจน์ความเป็นนักบริหารของตนเอง(ด้วยตัวเลขทางบัญชี)
แต่กลับทำลายความเป็นคนของคนทำงานและผู้มาใช้(ซื้อ)บริการด้วย
เราทุกคนต่างตกลงในกับดักการใช้คำพูดโดยขาดการเอาใจใส่ต่อผลที่อาจจะเกิดขึ้นกับคนที่เราสื่อสารด้วย
ทั้งนี้เพราะมิใช่คำพูดเท่านั้นที่สร้างการเสริมสร้างหรือทำลาย แต่เพราะคำพูดที่เราใช้ในการสื่อสารนั้นมันถูกกลั่นและกรองมาจากวิธีคิดของคนๆ
นั้น จึงสร้างผลที่เกิดจากการสื่อสารอย่างมากมาย และสร้างผลกระทบต่อความคิด ความรู้สึกของคนที่รับการสื่อสารนั้นด้วย
แล้วเราจะใช้คำพูดสื่อสารของเราที่สร้างความแตกต่างได้อย่างไร?
เราคงต้องฝึกและสร้างความตระหนักถึงความรู้สึกของคนที่เราจะสื่อสารด้วย ทั้งนี้ให้รวมถึงการสื่อสารด้วยวาจาคำพูด ท่าทางที่แสดงออก น้ำเสียงที่ใช้ และเจตนาที่ซ่อนเร้นในการสื่อสารนั้นๆ เรื่องนี้มิใช่ความรู้ ทักษะ เท่านั้น แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องของ “ใจ”
และนี่เป็นประสบการณ์ของการสื่อสารที่เสริมสร้างความแตกต่างในชีวิตของเราเองและผู้รับสาร
1) ให้อธิษฐานก่อนทุกครั้งที่จะมีการสื่อสารที่สำคัญ
ให้เราทูลขอให้พระวิญญาณบริสุทธิ์ประทานสิ่งที่เราควรจะสื่อสาร และมีวิธีการท่าทีในการสื่อสารที่สื่อด้วยความรักเมตตาแบบพระคริสต์ พระวิญญาณบริสุทธิ์จะนำเรา และ
ประทานเนื้อหา
วิธีการที่เหมาะสมในการสื่อสารครั้งนั้น
ที่สำคัญคือพระวิญญาณบริสุทธิ์จะทำงานในจิตใจและจิตวิญญาณของเรา
และในเวลาเดียวกันพระองค์จะทรงทำงานในจิตใจและจิตวิญญาณของผู้ที่เราสื่อสารด้วย และนี่ย่อมเป็นการที่เสริมสร้างทั้งสองฝ่ายขึ้น
1 แผนงานความคิดเป็นของมนุษย์
แต่คำตอบของลิ้นมาจากพระยาห์เวห์
2
ทางทุกสายของมนุษย์ก็บริสุทธิ์ในสายตาของเขาเอง
แต่พระยาห์เวห์ทรงตรวจดูจิตใจ
3
จงมอบงานของเจ้าไว้กับพระยาห์เวห์
แล้วแผนงานของเจ้าจะได้รับการสถาปนา (สุภาษิต 16:1-3 มตฐ)
2) ให้ฝึกซ้อมการสื่อสารก่อน
จำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะต้องใคร่ครวญถึงผลกระทบทางอารมณ์
ความรู้สึก ที่อาจจะเกิดขึ้นกับบางคนในการสื่อสารครั้งนั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่เราต้องพิจารณาว่าเราจะใช้การสื่อสารแบบไหน เราจะมีทีท่า และ แสดงท่าทางอย่างไร และที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือ การที่เขียนสาระสำคัญของการสื่อสารครั้งนั้นขึ้น เพื่อความชัดเจน และพร้อมใช้เมื่อจำเป็นต้องการใช้ในการสื่อสารครั้งนั้น
3) เอาใจเขามาใส่ใจเรา
เราคงต้องถามตนเองก่อนว่า
ถ้าเราเป็นเขาเมื่อได้ยินสิ่งที่เราจะสื่อสารกับเขาจะเกิดความรู้สึกอย่างไรบ้าง? จะมีวิธีการอะไรบ้างไหมที่สร้างความนิ่มนวล
และ สร้างความรู้สึกดีเมื่อได้ยินเรื่องนี้?
เมื่อเขาได้ยินเนื้อหาและวิธีการที่เราสื่อสาร เขาจะรู้สึกว่าเราใส่ใจชีวิต และ
ความรู้สึกของเขาหรือไม่?
เขาจะรู้สึกว่าเรายืนเคียงข้างเขาหรือไม่? เขาจะรู้สึกว่าเราจริงใจ ตรงไปตรงมากับเขาหรือไม่?
4) ใส่ใจคนที่เราสื่อสารด้วย
ไม่ว่าสถานการณ์ในการสื่อสารครั้งนั้นจะเป็นอย่างไร หรือการสื่อสารจะเป็นอย่างไรก็ตาม
ความจริงของความจริงที่เราต้องไม่หลงลืมคือ คนที่เราสื่อสารด้วยเป็นมนุษย์ที่มีชีวิตจิตใจ ทั้งเขาและเราต่างต้องการสายสัมพันธ์ที่ดี ความรู้สึกที่อบอุ่นจากกันและกัน การเปิดเผยจริงใจ
การสื่อสารที่ทำแบบทางการ แบบผู้จัดการ ผู้อำนวยการกับลูกน้อง จะทำให้คำพูดคำจาของเรามาจาก “หัว” ยืนอยู่บนตรรกะ มิใช่คำพูดหรือการสื่อสารที่มาจาก “ใจ” ไม่ควรละเลยการใส่ใจคู่สนทนาสื่อสาร แต่ให้เรากระทำต่อคู่สนทนาสื่อสารของเราอย่างเป็นมนุษย์ ที่มีความเชื่อ มีความรู้สึก
มีแรงบันดาลใจพร้อมที่จะรับการกระตุ้นให้เขามีส่วนร่วมรับผิดชอบ และเปิดช่องทางการสื่อสารแบบสองทาง
แต่ที่น่าอันตรายคือ บ่อยครั้งที่ผู้บริหารมักทำการสื่อสารเพื่อเป็นการนำสารที่ตนเองต้องการใส่เข้าใน
“หู” และใน “หัว” ของคนที่ตนต้องการสื่อสารด้วย
หรือบางครั้งวิธีการสื่อสารของเราทำเช่นนั้นเพียงเพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้ง หรือเพื่อไม่ทำให้ตนเองรู้สึกไม่สบายใจเท่านั้น (สื่อสารเพื่อตนเองเท่านั้น)
ในวันนี้
โปรดตระหนักว่า
เมื่อท่านสื่อสารสนทนากับใครเมื่อใดก็ตาม
พระคริสต์อยู่เคียงข้างทั้งตัวท่านและคู่สนทนาสื่อสาร พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงพร้อมที่จะช่วยท่านให้สื่อสารที่สร้างสรรค์ที่สอดคล้องตามพระประสงค์ของพระเจ้า
แต่หากเราสื่อสารสนทนาโดยไม่สนใจปรึกษาพระวิญญาณบริสุทธิ์ แล้วการสนทนาสื่อสารครั้งนั้นทำให้คู่สนทนาต้องทุกข์กังวลใจ เจ็บปวดในชีวิต
ก็เหมือท่านได้ทำให้พระคริสต์ที่เคียงข้างคู่สนทนาสื่อสารต้องเจ็บปวดเพราะการพูดการสื่อสารของท่านด้วย
ประสิทธิ์
แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย
เชียงใหม่
E-mail:
prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น