ถึงแม้ว่าเราสามารถที่มั่นใจพระเจ้าว่า
พระองค์ทรงกระทำพระราชกิจของพระองค์เพื่อให้เกิดสิ่งดีในชีวิตของเราและในชีวิตของคนอื่นๆ
แม้ในสถานการณ์ที่ชีวิตเราต้องอยู่ท่ามกลางการทดลองหรือเผชิญหน้ากับความทุกข์ยากก็ตาม แต่เราก็ไม่สามารถที่จะรู้ชัดเจนทุกครั้งไปว่าอะไรคือสิ่งดีที่พระเจ้าทรงกระทำในในสถานการณ์เหล่านั้น ในหลายกรณีที่เราไม่สามารถประจักษ์แจ้งชัดว่าในที่สุดแล้วอะไรคือพระประสงค์สำหรับชีวิตของเราเป็นเวลายาวนาน
และในบางสถานการณ์เป้าหมายปลายทางแห่งพระประสงค์ของพระองค์ยังเป็นสิ่งที่ล้ำลึกมากสำหรับความเข้าใจของเรา
และบางครั้งจะเข้าใจชัดเจนได้เมื่อเราได้อยู่หน้าต่อหน้ากับพระเจ้า (อ่าน
โรม 11:33-36) อย่างไรก็ตาม
สิ่งนี้ไม่ควรที่จะทำให้ความเชื่อมั่น และ
ความตั้งใจที่จะเชื่อฟังองค์พระผู้เป็นเจ้าของเราลดน้อยจืดจางลง ดังพระธรรมเฉลยธรรมบัญญัติ 29:29 กล่าวไว้ว่า
29 “สิ่งลี้ลับทั้งปวงเป็นของพระยาห์เวห์พระเจ้าของเราทั้งหลาย
แต่สิ่งที่ทรงสำแดงนั้นเป็นของเราทั้งหลายและของลูกหลานของเราเป็นนิตย์
เพื่อเราจะทำตามถ้อยคำทั้งสิ้นของธรรมบัญญัตินี้”
(มตฐ)
ข้อความข้างต้นนี้เป็นกุญแจที่บอกเราถึงการที่เราจะต้องเผชิญหน้าและรับมือกับสถานการณ์ชีวิตที่ต้องได้รับความเจ็บปวดอย่างไม่เป็นธรรม พระเจ้าอาจจะไม่ได้บอกทุกสิ่งทุกเรื่องที่เราต้องการที่จะรู้ โดยเฉพาะความเจ็บปวดที่เรากำลังรับในชีวิต
แต่พระองค์ได้บอกแก่เราแล้วในทุกเรื่องที่เราจำเป็นต้องรู้ในการดำรงชีวิตของเรา ดังนั้น
แทนที่เราจะเสียเวลาและพลังชีวิตของเรากับการว้าวุ่นและวุ่นวายใจและครุ่นคิดไตร่ตรองในเรื่องที่เหนือความเข้าใจของเรา
แต่ให้เรามุ่งมองให้ความสนใจกับพระสัญญาและพระวจนะของพระองค์ที่พระเจ้าได้เปิดเผยแก่เราแล้ว พระวจนะของพระเจ้าได้บอกแก่เราแล้วว่า พระเจ้าทรงครอบครอง ปกครอง และทรงประทานสิ่งต่างๆ ให้แก่เรา ดังนั้น
เราจึงมั่นใจได้ว่าอะไรก็ตามที่พระองค์อนุญาตให้เกิดขึ้นแก่ชีวิตของเราย่อมเป็นสิ่งที่สามารถจะนำมาซึ่งการถวายเกียรติแด่พระเจ้า ก่อเกิดประโยชน์แก่คนอื่นรอบข้าง และช่วยตัวเราเองให้เติบโตขึ้น
ท่านกำลังมีความเจ็บปวดในชีวิตหรือ?
มีสถานการณ์ใดในชีวิตของท่านที่ท่านไม่เข้าใจว่าทำไมสิ่งเลวร้ายนี้เกิดขึ้นในชีวิตของท่าน?
เมื่อเราไว้วางใจพระเจ้าด้วยสุดจิตสุดใจ เราไว้วางใจพระองค์ใน “เรื่องล้ำลึก”
ที่เกิดขึ้นแก่เรา
ประการแรก ให้เราทบทวนและระลึกถึงสิ่งต่างๆ ที่พระเจ้าเคยกระทำในชีวิตของเรามาแล้วก่อนหน้านี้
รวมถึงการที่พระคริสต์ทรงฉุดช่วยเราให้รอดออกจากจากอำนาจแห่งความบาปในรูปแบบต่างๆ และทรงปกป้อง
คุ้มครอง ทรงสร้างเราขึ้นใหม่ และนำเราไปในทางของพระองค์
ประการต่อมาให้เรามุ่งมั่นความตั้งใจของเราในการเชื่อฟังในสิ่งที่ทรงเปิดเผยของพระเจ้า
เมื่อนั้นเราจะมีประสบการณ์ความสงบภายในชีวิตของเรา (อ่านสดุดี บทที่ 131)
และเห็นถึงการทรงปกป้องและน้ำพระทัยอันดีที่มีแก่ชีวิตของเรา (สุภาษิต 26:4)
1 ข้าแต่พระยาห์เวห์
ใจของข้าพระองค์มิได้เห่อเหิม
และตาของข้าพระองค์มิได้ยโส
ข้าพระองค์มิได้ไปยุ่งกับเรื่องใหญ่โต
หรือเรื่องอัศจรรย์เกินตัวของข้าพระองค์
2 แต่ข้าพระองค์ได้สงบและระงับจิตใจของข้าพระองค์
อย่างเด็กที่หย่านมแล้วสงบอยู่ที่อกมารดาของตน
จิตใจของข้าพระองค์สงบอยู่ภายในข้าพระองค์
อย่างเด็กที่หย่านมแล้ว (ข้อ 1-2 มตฐ)
4 เพราะพระองค์ทรงเป็นที่คุ้มภัยสำหรับคนยากจน
เป็นที่คุ้มภัยสำหรับคนขัดสนเมื่อเขาทุกข์ใจ
เป็นที่กำบังจากพายุและเป็นร่มกันความร้อน
ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย
สันทราย เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น