07 สิงหาคม 2556

ชีวิตคริสตชนของท่านเติบโตไหม?

อ่านยากอบ 1:22

การเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ในพระคริสต์ หรือ เจริญขึ้นในการดำเนินชีวิตแบบพระคริสต์นั้น   มิได้เกิดขึ้นเพราะเราไปฟังคำเทศนาในวันอาทิตย์  การถวายสิบลด  หรือ ถวายทรัพย์ เท่านั้น    ความจริงที่ปรากฏชัดเจนคือ คริสตชนหลายต่อหลายคนที่ทำเช่นกล่าวนี้ก็ยังเป็นคริสตชนที่เฉื่อยชา  อ่อนล้า แคระแกร็น  และตีบตันในเส้นทางการดำเนินชีวิตของตน   รากฐานที่สำคัญในการดำเนินชีวิต 2 ประการที่เราจะเติบโตขึ้นมีชีวิตที่เหมือนพระคริสต์มากยิ่งขึ้น   คือการเรียนรู้คำสอนจากพระวจนะ  ขุดค้นลงลึกถึงพระประสงค์ของพระเจ้าในชีวิตของเรา  แล้วนำไปปฏิบัติจริงในชีวิตประจำวัน   และรากฐานทั้งสองประการนี้เป็นรากฐานเดียวกันที่แยกออกจากกันต่างหากไม่ได้

การเรียนรู้ถึงสัจจะความจริงในพระวจนะของพระเจ้าเป็นจุดเริ่มแรกที่สำคัญ   ที่มิใช่มีเป้าหมายเพียงการเรียนรู้เท่านั้นแต่เป็นการเรียนรู้เพื่อใช้เป็นหลักเกณฑ์  แนวทาง  หรือ  วิถีชีวิตที่เป็นพระประสงค์ของพระเจ้าที่เราจะต้องเชื่อฟังและกระทำตาม  

พระเยซูคริสต์ทรงสอนฝูงชนว่า  

“...คนทั้งหลายที่ได้ยินพระวจนะของพระเจ้าแล้วถือรักษาไว้ต่างหากที่เป็นสุข” (ลูกา 11:28 มตฐ)

ทำไมพวกท่านเรียกเราว่า องค์พระผู้เป็นเจ้าแต่ไม่ทำตามสิ่งที่เราบอกนั้น? (ลูกา 6:46 มตฐ)

แล้วพระเยซูคริสต์ทรงเปรียบเทียบผู้ที่ฟังพระวจนะของพระองค์แล้วดำเนินชีวิตตามที่พระองค์สั่งสอนนั้นว่า   เป็นผู้ที่สร้างบ้านบนรากฐานศิลาที่แข็งแรงมั่นคงว่า   47 ทุกคนที่มาหาเราและฟังคำของเราแล้วทำตาม เราจะสำแดงให้พวกท่านรู้ว่าเขาเป็นเหมือนอะไร  48 เขาเป็นเหมือนคนหนึ่งที่สร้างบ้าน เขาขุดลึกลงไปแล้ววางรากฐานอยู่บนศิลา เมื่อมีน้ำท่วมและมีกระแสน้ำไหลเชี่ยวมาซัดบ้านนั้น มันก็ไม่หวั่นไหว เพราะถูกสร้างไว้อย่างมั่นคง    (ลูกา 6:47-48 มตฐ)

และเปาโลยืนยันคำสอนนี้เช่นกัน 

เพราะว่าคนที่เพียงแต่ฟังธรรมบัญญัติเท่านั้น ไม่ใช่ผู้ชอบธรรมในสายพระเนตรของพระเจ้า
คนที่ประพฤติตามธรรมบัญญัติต่างหากที่พระเจ้าทรงถือว่าเป็นผู้ชอบธรรม” (โรม 2:13 มตฐ)

แล้วเราจะเรียนรู้ถึงสัจจะความจริงแห่งพระวจนะของพระเจ้าได้อย่างไร?   หนทางหนึ่งที่สำคัญและมีประสิทธิภาพมากคือ   การที่คริสตชนแต่ละคนมีวินัยชีวิตในการเข้าเฝ้าพระเจ้าเป็นการส่วนตัวเป็นประจำทุกวัน    เพราะเป็นเวลาที่เขาคนนั้นจะอยู่ต่อหน้าพระพักตร์พระเจ้า   อ่านพระวจนะ  แล้วใคร่ครวญ  สงบนิ่งรับฟังการทรงนำจากพระวิญญาณบริสุทธิ์   รับการทรงเปิดเผยจากพระวิญญาณของพระเจ้า   มีเวลาที่จะสนทนากับพระเจ้าตัวต่อตัวในทุกเรื่องของชีวิต    ทูลขอการทรงเปิดเผย   และการทรงนำในความรู้  ความเข้าใจ  ความคิดและมุมมองต่างๆในชีวิต   ทั้งนี้เพื่อจะได้รับแนวทางการดำเนินชีวิตในวันนั้นจากพระเจ้า

การได้รับการทรงสอน  การทรงเปิดเผย   และรู้ถึงสัจจะความจริงและพระประสงค์ของพระเจ้าในชีวิตประจำวันของเรานั้นเป็นเหมือนเราได้รับอาหารที่หล่อเลี้ยงชีวิตจิตวิญญาณของเรา   แต่การที่ชีวิตคริสตชนของเราจะเจริญ เติบโต เข้มแข็ง และเกิดผลได้นั้น   อาหารแห่งชีวิตนั้นจะต้องได้รับการย่อย  แล้วดูดซึมเข้าทุกอณูของชีวิต   และถูกใช้เป็นพลังในการดำเนินชีวิตในวันนั้น   จากการดำเนินชีวิตตามสัจจะความจริงของพระวจนะทำให้เราได้รับประสบการณ์ชีวิตที่เป็นรูปธรรม   และประสบการณ์ตรงเช่นนี้เองที่ทำให้เรียนรู้ถึงสัจจะความจริงในชีวิตคริสตชน   มั่นใจในแนวทางการดำเนินชีวิตที่พระเจ้าประทานให้   และในที่สุดกลายเป็นสัจจะที่เราเรียนรู้  แนวทางที่เราสามารถปฏิบัติได้อย่างเป็นรูปธรรม  และโดยกระบวนการนี้ที่เสริมสร้างวินัยชีวิตคริสตชนขึ้นในชีวิตของเรา

ดังนั้น   การฟังคำเทศนาในวันอาทิตย์จากศิษยาภิบาล  การเรียนพระคัมภีร์จากศาสนาจารย์   หรือเข้าไปร่วมกลุ่มอธิษฐานแล้วจะทำให้เราเป็นคริสตชนที่เข้าถึงสัจจะความจริงแห่งพระวจนะของพระเจ้าเสมอไปหรือ?   เพราะผมพบหลายคนต่อหลายคนที่เข้าไปทำอย่างข้างต้นพบว่า   เขาอาจจะรู้ข้อมูลและเรื่องราวคำสอนในพระคัมภีร์มากยิ่งขึ้น   อาจจะได้ประกาศนียบัตรจากบทเรียนทางไปรษรีย์หลายใบขึ้น   ท่องข้อพระคัมภีร์ได้หลายข้อขึ้น   หรือแม้แต่ได้ประกาศนียบัตรชนะเลิศการแข่งขันพระคัมภีร์ระดับประเทศ    ใช่เลยครับ  คนเหล่านี้มีพื้นฐานความรู้เรื่องราวข้อมูลในพระคัมภีร์ที่ดี   แต่ชีวิตของเขาเหล่านี้กลับยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง  

แน่นอนครับ  พระวจนะของพระเจ้าเป็นชีวิต   เราจึงต้องให้พระวจนะของพระเจ้าสำแดงออกในวิถีการดำเนินชีวิตประจำวันของเรา

ดังนั้น   การเติบโตของชีวิตคริสตชนต้องการมากกว่าการหยิบยื่นเติมใส่ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องราวคำสอนในพระคัมภีร์ลงในความจำ ในสมอง เท่านั้น   แต่ต้องการการหนุนเสริมให้เกิดการบดย่อยและดูดซึมเอาสัจจะความจริงแห่งพระวจนะเข้าไปเป็นอาหารที่เสริมสร้างและเป็นพลังในการดำเนินชีวิตคริสตชนของเรา   จนชีวิตคริสตชนสามารถสำแดงพระคริสต์ในชีวิตประจำวันของคริสต์ชนคนนั้นครับ  

ยากอบกล่าวว่า   กายที่ปราศจากจิตวิญญาณนั้นตายแล้วอย่างไร ความเชื่อที่ปราศจากการประพฤติก็ตายแล้วอย่างนั้น” (ยากอบ 2:26 มตฐ)

การที่เรารู้เรื่องพระคัมภีร์มากขึ้นเท่านั้น   อย่าหลงหลอกตนเองว่าชีวิตคริสตชนของตนเติบโตเข้มแข็งขึ้นตามความรู้ที่ได้รับ   แต่การที่เราฟัง  ใคร่ครวญ พระวจนะของพระเจ้าอย่างเปิดใจและใส่ใจ   แล้วให้ชีวิตของเราดำเนินตามแนวทางของสัจจะในพระวจนะนั้นต่างหากที่เรากำลังก้าวสู่การเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ในพระคริสต์   แล้วเราจะสามารถเห็นอย่างเป็นรูปธรรมว่าชีวิตที่ดำเนินตามสัจจะของพระองค์จะได้รับการเปลี่ยนแปลง   มีชีวิตที่เปลี่ยนเป็นเหมือนชีวิตพระคริสต์มากขึ้นทุกที   และสิ่งหนึ่งที่เราสามารถสัมผัสได้คือเรามีความปรารถนาที่จะอยู่ใกล้ชิดกับพระองค์   ต้องการให้พระวจนะของพระเจ้ามีส่วนในทุกเรื่องในชีวิตของเรา   ไม่ว่าความสุข ความทุกข์ หรือการตัดสินใจในชีวิตประจำวัน

จำเป็นที่เราจะต้องตรวจสอบว่า   เราเป็นนักฟังคำเทศนา     นักศึกษาพระวจนะของพระเจ้า  แล้วตอบสนองพระวจนะนั้นด้วยการดำเนินชีวิตของเราในวันนี้หรือไม่?

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
081-2894499

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น