พระประสงค์ของพระเจ้าที่สวนทางกับใจปรารถนาของมนุษย์
อย่าให้ความชั่วชนะเราได้
แต่จงชนะความชั่วด้วยความดี (โรม 12:21 มตฐ.)
อย่าพ่ายแพ้แก่ความชั่ว แต่จงชนะความชั่วด้วยความดี (อมตธรรม)
การสร้างศานติมิใช่จะกระทำได้ง่ายอย่างใจปรารถนาเสมอไป ในสังคมของเราปัจจุบันมีทั้งผู้ที่ต้องการที่จะสร้างศานติ และก็มีบางพวกบางกลุ่มที่ทำตัวเป็นอุปสรรคขวางกั้นการก่อเกิดศานติ บ้างก็คอยแต่ปกป้องตนเองและผลประโยชน์ของตนเองจนกลายเป็นตัวต่อต้านการสร้างศานติในชุมชน หรือบ้างก็ทำตัวต่อต้านการคืนดี
ในเวลาเดียวกันฝ่ายต่างๆ
ก็ขาดความไว้วางใจกันและกัน มองว่าคนอื่นกลุ่มอื่นอาจจะทำทีว่าขอคืนดีมีแผนซ่อนเร้น มิใช่ต้องการคืนดีด้วยจริงใจ ซึ่งเบื้องหลังที่ระวังปกป้องตนเองก็เพื่อจะเอาชนะกลุ่มอื่นในที่สุด
ด้วยกรอบคิดและมุมมองเช่นนี้ของกลุ่มต่างๆ
ในสังคมชุมชน นอกจากศานติจะไม่บังเกิดขึ้นแล้ว ยังจะเสริมสร้างความเป็นศัตรูต่อกันที่เข้มแข็งรุนแรงยิ่งขึ้น แน่นอนครับย่อมนำเอาความสับสน ขัดแย้งเกิดมากยิ่งขึ้นในสังคมชุมชนของเรา
ธรรมชาติในความเป็นมนุษย์ของเรา เมื่อมีใครกระทำผิดกระทำชั่วต่อเรา
เราส่วนใหญ่มักต้องการที่จะตอบสนองต่อเขาให้สาสมที่เขากระทำต่อเรา
หรืออย่างดีที่สุดก็หยุดที่จะกระทำดีต่อคนเหล่านั้นที่ทำผิดทำชั่วต่อเรา แต่พระเยซูคริสต์ทรงเรียกร้องและชี้แนวทางของพระเจ้าในการตอบสนองต่อคนเหล่านั้นที่กระทำผิดต่อเรา หรือสร้างความเจ็บปวดแก่เราในชีวิตว่า
“แต่เราบอกพวกท่านที่กำลังฟังอยู่ว่า
จงรักศัตรูของท่าน
จงทำดีกับคนที่เกลียดชังท่าน
จงอวยพรแก่คนที่แช่งด่าท่าน
จงอธิษฐานเผื่อคนที่ทำร้ายท่าน
...จงรักศัตรูของท่านและทำดีต่อเขา
... แล้วบำเหน็จของท่านทั้งหลายจะมีบริบูรณ์
แล้วท่านจะเป็นบุตรขององค์ผู้สูงสุด
เพราะว่าพระองค์ทรงพระกรุณาทั้งต่อคน อกตัญญูและคนชั่ว
พวกท่านจงมีใจเมตตากรุณาเหมือนอย่างพระบิดาของท่านมีพระทัยเมตตากรุณา
(ลูกา 6:27-28,
35-36
มตฐ.)
ในความคิดความรู้สึกส่วนตัวของเรา มีคนแบบข้างล่างนี้อยู่ในส่วนลึกชีวิตและความรู้สึกของเราหรือไม่
- คนที่เป็นศัตรูคู่อาฆาตของเรา
- คนที่เราเกลียด
- คนที่เราแช่งชักหักกระดูก
- คนที่กระทำผิดต่อเรา
- คนที่ทำให้เราต้องเจ็บปวดในชีวิต
เมื่อถูกกระตุ้นให้สำรวจตนเอง เราอาจจะเห็นใบหน้าของบางคนผุดขึ้นในห้วงความคิดจินตนาการของเราทันที หรือบางท่านก็อาจจะบอกว่า
มันบ่งชี้ยากว่ามีใครบ้างที่เป็นคนประเภทที่กล่าวข้างต้น เอาเป็นว่า ใครที่ทำให้เรารู้สึกไม่สบายใจ ใครที่ทำให้เราต้องรู้สึกหรือได้รับความยากลำบาก
แต่อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะเป็นคนในกลุ่มไหนประเภทใดที่กล่าวข้างต้นนี้
พระเยซูคริสต์ทรงชี้นำให้เราตอบโต้ต่อพฤติกรรมของคนกลุ่มเหล่านี้ที่แตกต่างจากความเคยชินตามกระแสโลก พระองค์ทรงเรียกและชี้นำให้เรา “รักเมตตา กระทำดี
อวยพร
และอธิษฐานเพื่อคนดังกล่าวเหล่านี้”
แต่เราก็ต้องตระหนักชัดอีกเช่นกันว่า โดยกำลัง ความสามารถ
และพลังภายในชีวิตของเราไม่สามารถกระทำอย่างเชื่อฟังตามพระประสงค์ของพระคริสต์ แต่เราสามารถที่จะทูลขอพระกำลังให้เป็นกำลังชีวิตจิตวิญญาณของเราให้เราเป็นสะพานแห่งพระคุณของพระเจ้าที่ทอดเข้าไปถึงชีวิตของคนเหล่านี้ ถึงแม้เราจะรู้ว่านี่เป็นสิ่งที่จะยากแสนยากที่มนุษย์จะมีจิตใจกระทำอย่างที่พระองค์ทรงเรียกและชี้นำได้ก็ตามก็ตาม
แต่ด้วยพระกำลังของพระคริสต์ผ่านพระราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่กระทำในชีวิตของเรา เป็นสิ่งที่สามารถเป็นไปได้
ในช่วงเวลาแห่งการเตรียมพื้นที่ชีวิตรับการมาของพระคริสต์
ให้เรามีพื้นที่ชีวิตประจำวันของเราในการสร้างศานติตามพระประสงค์ของพระเจ้า
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาวะวิกฤติขัดแย้งทางการเมือง สังคม
และความสัมพันธ์ในสังคมประเทศของเรา
ด้วยพระกำลังจากพระคริสต์เราจึงเป็นเครื่องมือแห่งการสร้างชุมชนสังคมศานติแบบแผ่นดินของพระเจ้าในสังคมชุมชนไทยในวันนี้ได้ครับ!
พระเจ้าทรงเรียกเราแต่ละคนให้เป็นผู้สร้างศานติจากสังคม
ชุมชน ที่เราดำเนินชีวิตอยู่ในวันนี้ครับ
สำหรับพระคริสต์แล้ว “ความสุขมีแก่ผู้ที่สร้างสันติ เพราะเขาจะได้ชื่อว่าบุตรของพระเจ้า” (มัทธิว 5:9
อมต.)
ประสิทธิ์
แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย
เชียงใหม่
E-mail:
prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น