แต่ปัญญาจากเบื้องบนนั้นบริสุทธิ์เป็นประการแรก
แล้วจึงเป็นความสงบสุข
การผ่อนหนักผ่อนเบา
การยอมรับฟัง
การเต็มเปี่ยมด้วยความเมตตาและผลดีต่างๆ
ไม่มีการลำเอียง ไม่มีการหน้าซื่อใจคด
และพวกที่สร้างสันติ ซึ่งหว่านด้วยสันติ
ก็จะได้รับผลคือความชอบธรรม
(ยากอบ 3:17-18 มตฐ.)
เมื่อมีใครกระทำผิดต่อเรา
เป็นโอกาสที่จะช่วยเราให้ระลึกว่าพระเจ้าทรงครอบครองสากลจักรวาลด้วยความรักเมตตา ดังนั้น
เมื่อเราต้องประสบพบกับความยากลำบากในเวลาเช่นนั้นให้เรายกโทษแก่คนๆ นั้น
- ใช้เวลาใคร่ครวญว่าพระเจ้าอาจจะทรงใช้โอกาสที่เราถูกทำให้ขุ่นเคืองใจให้เกิดสิ่งที่ดีอย่างไรบ้าง?
- นี่มิใช่โอกาสธรรมดาที่จะทำให้เกิดการยกย่องสรรเสริญพระเจ้ามิใช่หรือ?
- ในโอกาสพิเศษเช่นนั้นเราจะมีส่วนรับใช้คนอื่นและช่วยเขาให้เติบโตขึ้นในการดำเนินชีวิตได้อย่างไร?
- ความบาปและความอ่อนแอของเราอะไรบ้างที่สำแดงออกมา เพื่อจะช่วยให้เรามีชีวิตที่เติบโตขึ้น?
- ในโอกาสพิเศษเช่นนั้นได้ท้าทายให้เราเปลี่ยนแปลงพัฒนาบุคลิกชีวิตของเราในด้านใดบ้าง?
- ให้เรามอง(มีมุมมอง)ว่าคนนั้นที่กระทำผิดต่อเรา กำลังเป็นเครื่องมือของพระเจ้าที่จะเปลี่ยนแปลงเสริมสร้างให้เราเติบโตขึ้นในพระคริสต์ เพื่อเราจะรับใช้คนอื่น และถวายพระเกียรติแด่พระเจ้า
- ถ้าเรามีมุมมองเช่นนี้ต่อคนที่กระทำผิดต่อเราก็จะช่วยให้เราสามารถมีจิตใจที่จะให้อภัยได้ง่ายขึ้น
ความขัดแย้ง สิ่งเลวร้าย
การทดลอง ความทุกข์ยาก การสูญเสีย
และสถานการณ์ที่แย่ๆ ทั้งหลาย
เป็นโอกาสที่พระเจ้าทรงนำสิ่งดีเยี่ยมให้เกิดขึ้นในชีวิตของเรา และ
คนล้อมรอบตัวเรา บ่อยครั้งที่สถานการณ์ความเจ็บปวดสุดแสบในชีวิตที่นำให้เกิดผลดีครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิตของเรา ไม่ต่างอะไรไปจากการเก็บเกี่ยวสิ่งดีๆ ในชีวิตภายหลังสถานการณ์ที่ทุกข์ยาก เลวร้าย
ลงแรง ทุ่มเท เอาใจใส่ด้วยจิตใจเมตตาอดทนและการสร้างสรรค์
ในฐานะที่เราอยู่ในสังคมการเกษตร การทำเกษตรกรรมของเกษตรกรย่อมคาดหวังการเก็บเกี่ยวผลผลิตที่ดีเลิศ แต่แน่นอนครับเกษตรกรรู้อยู่แก่ใจว่า ไม่ว่าจะแห้งแล้ง ถูกคุกคามจากโรคร้าย ภัยแมลง/ศัตรูพืช
เกษตรกรจะทุ่มเททั้งกายใจที่จะรับมือและจัดการกับสถานการณ์เลวร้ายที่ไม่พึงประสงค์เหล่านั้น เพื่อที่จะปกป้อง
และบำรุงเลี้ยงพืชที่ตนปลูกให้เกิดผลเพิ่มพูนทวีคูณ
เวลาแห่งความยากลำบากและเลวร้ายกลับถูกมองว่าเป็นเวลาที่เกษตรกรต้องทุ่มเทเอาจริงเอาใจด้วยความหวังถึงการเก็บเกี่ยวที่อุดมสมบูรณ์
เช่นเดียวกัน พระเจ้าทรงนำเราในการเผชิญหน้ารับมือและจัดการกับความขัดแย้ง ในสถานการณ์นั้นเราต้องถูกทดลอง พบความเลวร้าย
รับความทุกข์ยากลำบาก แต่นั่นเป็นโอกาสจากพระเจ้าที่นำมาซึ่งการเกิดสิ่งดีๆ
ในชีวิต
เกิดการเก็บเกี่ยวผลิตผลจากความทุกข์ยากลำบาก ขัดแย้ง
ด้วยความรักเมตตาและอดทน แน่นอนครับสถานการณ์ที่ขัดแย้งเลวร้ายนี้มิใช่จะหายไปชั่วข้ามคืน
แต่ต้องใช้เวลาบางครั้งแรมเดือนแรมปีในความทุกข์โศก ในการเสียน้ำตา รับความเจ็บปวดในชีวิต และใช้เวลาในการบ่มเพาะวินัยชีวิตของเราขึ้นใหม่ และผลที่สุดชีวิตของเราได้รับการปรับเปลี่ยน แก้ไข
และพัฒนาเป็นเหมือนพระคริสต์มากขึ้น
และการที่ชีวิตของเราแต่ละคนจะมีการเปลี่ยนแปลงพัฒนาเป็นเหมือนพระคริสต์มากขึ้นนั้นมักผ่านสถานการณ์และเส้นทางชีวิตที่ขรุขระยากลำบาก ทนทุกข์ และเจ็บปวดทั้งสิ้น
ใครบ้างหนอที่มีชีวิตที่เป็นเหมือนพระคริสต์มากยิ่งขึ้นด้วยเส้นทางชีวิตที่สะดวกสบาย?
ในสถานการณ์ความขัดแย้ง
พระเจ้าประทานโอกาสนั้นเพื่อให้เรามีชีวิตที่ยกย่องและสรรเสริญพระองค์ เป็นโอกาสที่เราจะรับใช้คนอื่น เปิดโอกาสให้เราเป็นส่วนหนึ่งในการกระทำตามพระราชกิจของพระเจ้า
และได้รับสิ่งดีเลิศที่พระองค์ประทานแก่เราในชีวิต
แต่บ่อยครั้งเช่นกันที่เราดื้อรั้น ปฏิเสธที่จะให้อภัย
หรือเราต้องการแสดงให้ผู้คนได้ประจักษ์ว่าเราเป็นฝ่ายถูก หรือต้องการที่จะแก้เผ็ด เราไม่ต้องการเป็นเหยื่อของการถูกเอาเปรียบ เราผิดพลาดและล้มเหลวที่จะจับฉวยโอกาสนี้ที่จะเปลี่ยนแปลง แก้ไข
และพัฒนาชีวิตของเรา ใช่ครับ
เราพลาดโอกาสที่จะเก็บเกี่ยวสิ่งดีๆ ในชีวิตที่เราได้ทุ่มเทออกแรง ทำงานหนัก
เหนื่อยยาก อาบเหงื่อต่างน้ำ
การหว่าน การเอาใจใส่ดูแล และการเก็บเกี่ยวเป็นกระบวนการเดียวกัน
ที่ต้องขับเคลื่อนไปตามจังหวะที่สอดคล้องกัน
และไม่สามารถแยกออกจากกันได้ แต่พระวจนะของพระเจ้าให้สัญญาแก่เราว่า “...พวกที่สร้างสันติ
ซึ่งหว่านด้วยสันติ ก็จะได้รับผลคือความชอบธรรม” (ยากอบ 3:18)
ให้เราหว่านศานติท่ามกลางความขัดแย้งมุ่งร้ายที่เรากำลังเผชิญอยู่
เพื่อรอการเก็บเกี่ยวผลดีเลิศในชีวิตที่ทรงประทานจากเบื้องบน
ประสิทธิ์
แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย
เชียงใหม่
E-mail:
prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น