เทศกาลคริสต์มาสเวียนมาอีกรอบหนึ่ง
อย่าให้กรอบคุณค่าของคริสต์มาสตามกระแสสังคมและธุรกิจ กรอบ
ครอบงำ และคุมขังความความคิดความสนใจของเราอยู่ที่การจับจ่ายใช้เงินทองซื้อหาสิ่งของ และงานเลี้ยงมากมายในช่วงเวลานี้
แต่ให้เรามุ่งมองไปที่หัวใจของคริสต์มาสคือ
การสำนึกด้วยจิตใจที่ขอบพระคุณในพระมหากรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่เหนือที่จะนับและบรรยายได้
ที่พระเจ้าประทานพระเยซูคริสต์พระผู้ช่วยให้รอดของมวลมนุษย์ให้เข้ามาในสังคมโลก โดยใช้ชีวิตของพระองค์ที่ “ให้”
สิ่งที่ดีมีคุณค่าที่สุดแก่มนุษยชาติ
และในที่สุดพระองค์ “ให้” แม้กระทั่งชีวิตทั้งชีวิตของพระองค์เพื่อไถ่ถอนปลดปล่อยให้มวลมนุษย์หลุดรอดออกจากจากอำนาจวงจรอุบาทว์แห่งความบาปชั่วร้าย
“พระเยซูคริสต์มาให้ชีวิตเพื่อเราจะได้ชีวิต” เรามนุษยชาติจึงมีโอกาสที่จะได้ชีวิตที่มีคุณค่าสูงสุดหรือครบบริบูรณ์
ที่สำคัญคือเรามิได้มุ่งมองคุณค่าสูงสุดดังกล่าวในเทศกาลคริสต์มาสเท่านั้น แต่วันคริสต์มาสคือ “โอกาส”
ที่เราแต่ละคนได้มีเวลา “สงบเงียบ” ในชีวิตส่วนตัวของเรา ที่จะสำรวจทบทวนว่า ในช่วงเวลาที่ผ่านมาเรามุ่งมองหาที่จะ “ได้”
ที่จะ “เอา” หรือเรามุ่งมองหาโอกาสที่จะ
“ให้”
ให้อย่างที่พระเยซูคริสต์ที่ให้ด้วยจิตใจที่รักเมตตาและเสียสละ ขอให้จิตใจที่ “ให้” แบบพระคริสต์
เป็นจิตใจที่เกิดขึ้นในทุกวันตั้งแต่วันคริสต์มาสนี้
เพื่อเราจะได้ประสบพบเจอกับสันติสุขที่ได้รับจากการที่เรา “ให้”
พระลักษณะการให้ของพระเยซูคริสต์คือ
เหมือนบุตรมนุษย์
(พระเยซูคริสต์) ที่ไม่ได้มาเพื่อรับการปรนนิบัติ แต่มาเพื่อปรนนิบัติคนอื่น
และให้ชีวิตของท่านเป็นค่าไถ่คนจำนวนมาก” (มัทธิว 20:28;
มาระโก 10:45 มตฐ.)
จงมีจิตใจเช่นนี้ในพวกท่านเหมือนอย่างที่มีในพระเยซูคริสต์
ผู้ทรงสภาพเป็นพระเจ้า
ไม่ทรงถือว่าความทัดเทียมกับพระเจ้าเป็นสิ่งที่จะต้องยึดไว้
แต่ทรงสละ (ให้) พระองค์เองและทรงรับสภาพทาส
ทรงถือกำเนิดเป็นมนุษย์ และทรงปรากฎอยู่ในสภาพมนุษย์
(ฟิลิปปี 2:5-7 มตฐ.)
วันนี้ ผมขออนุญาตแบ่งปันข้อคิดคำคม
ของบางท่านที่ผมเคยได้ยินได้ฟังและได้อ่านมา
ที่มุ่งเน้นกับ “การให้” จากจิตใจรักเมตตาแก่ผู้คนในชีวิตของเขา แน่นอนครับ การให้ทำให้เราได้รับความสุขสันต์ยิ่งกว่าการไขว่คว้าหาเอามาเพื่อเป็นของตนเอง
ครับ
- “เราอยู่รอดจากสิ่งที่เราได้ แต่เราช่วยให้ชีวิตคนอื่นเป็นอยู่ได้ด้วยการให้” Winston Churchill
- “เรารู้สึกซาบซึ้งชื่นชมสองสถานด้วยกัน ประการแรกเป็นการรู้สึกแบบ “ทันที” เมื่อเราได้รับสิ่งหนึ่งสิ่งใด กับการที่รู้สึกที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นเมื่อเราเป็นผู้ให้” Edward Arlington Robinson
- “ท่านไม่สามารถละทิ้งทรัพย์ศฤงคารของท่านทั้งหมดได้ แต่อย่างน้อยที่สุดท่านสามารถเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับทรัพย์สมบัติเหล่านั้นว่า การที่มุ่งมองไขว่คว้าเพื่อให้ได้สิ่งเหล่านั้นมาเป็นของตน เป็นการแยกตัวท่านออกห่างจากคนอื่น แต่การที่ท่านให้ทุกอย่างเป็นการที่ผูกพันท่านเข้ากับคนทั้งหลาย” St. Francis of Assisi
- บางคนยิ่งแจกจ่ายยิ่งมั่งคั่งบางคนยิ่งหวงสิ่งที่ควรจ่ายแจกก็ยิ่งขัดสน คนใจกว้างย่อมเจริญรุ่งเรืองคนที่ให้น้ำคนอื่นย่อมได้น้ำตอบแทน (สุภาษิต 11:24-25 มตฐ.)
- “หัวใจของผู้ให้ ทำให้สิ่งที่ให้น่ารักและล้ำค่า” Martin Luther
- “คุณสามารถให้โดยปราศจากความรักเมตตา แต่คุณไม่สามารถมีจิตใจที่รักเมตตาโดยไม่มีการให้” Robert Louis Stevenson
- “สิ่งที่ผมเห็นว่าเป็นการให้ด้วยใจกว้างขวางคือ แม้เมื่อคุณให้ทั้งหมด แต่ก็ยังรู้สึกว่าท่านไม่ได้สูญเสียอะไรเลย” Simone De Beauvoir
- “สิ่งที่เราทำเพื่อตนเองมันก็จบสิ้นพร้อมกับการตายของเรา แต่สิ่งที่เราทำเพื่อผู้อื่นและทำเพื่อสังคมโลกสิ่งนั้นจะคงอยู่และเป็นอมตะ” Albert Pike
- “เป็นการง่ายที่เราจะรับมากกว่าการให้ แต้เป็นคุณธรรมสูงส่งเมื่อเราให้มากกว่าเมื่อเรา “รับ” และ “เอา” ความเร้าใจที่ “รับและเอา” ยืดยาวไปแค่วันหนึ่ง แต่ความชื่นชมตื่นเต้นจาก “การให้” จะยาวนานไปตลอดชีวิต” Joan Marques
- “ข้าพเจ้าได้พบว่า “การให้” ปลดปล่อยจิตวิญญาณของผู้ให้” Maya Angelou
- “ในเมื่อท่านได้รับความชื่นชมยินดีมากขึ้นจากการให้ความชื่นชมยินดีแก่ผู้อื่น ท่านพึงให้ความคิดที่มีความสุขศานติแก่ผู้คนตามที่สามารถให้ได้ด้วย” Eleanor Roosevelt
- “พึงตระหนักไว้เสมอว่า คนที่มีความสุขที่สุดมิใช่คนที่ไขว่คว้าเอามาเป็นของตนได้มากที่สุด แต่คนที่ให้มากต่างหาก” H. Jackson Brown, Jr.
- “ข้าพเจ้ามีชื่นชมยินดีที่ยิ่งใหญ่ในการให้ ทำให้เกิดความตื่นเต้นภูมิใจ ทำให้เกิดความเบิกบาน ร่าเริง และดีอกดีใจ เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่ข้าพเจ้ามีส่วนในการแบ่งปันความรักของตน ความชื่นชมยินดีของตนแก่ผู้คนรอบข้าง” W. Clement Stone
ปีนี้ท่านมีโอกาสที่จะให้แบบพระคริสต์ ที่ให้จากชีวิตจิตใจของท่านหรือไม่?
ประสิทธิ์
แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย
เชียงใหม่
E-mail:
prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น