02 ธันวาคม 2556

แสงสว่างท่ามกลางความมืดมิดในชีวิต

อ่าน ลูกา 21:25-36
         
จะ​มี​หมายสำคัญที่​ดวงอาทิตย์ ที่​ดวง​จันทร์ และ​ที่​ดวง​ดาว​ทั้ง​หลาย
และ​บน​แผ่น​ดิน​นั้น ชาติ​ต่างๆ ก็​จะ​มี​ความ​ทุกข์​ร้อน​และ​ความ​ฉงน​สน​เท่ห์
เพราะ​เสียง​กึก​ก้อง​ของ​ทะเล​และ​คลื่น    
มนุษย์​จะ​สลบ​ไสล​ไป​เพราะ​ความ​กลัว เนื่อง​จากสังหรณ์​ถึง​เหตุ​การณ์​ที่​จะ​เกิด​ขึ้น​ใน​โลก
เพราะ​ว่า​บรรดา​สิ่ง​ที่​มี​ฤทธา​นุ​ภาพ​ใน​ท้อง​ฟ้า​จะ​สะ​เทือน​สะ​ท้าน    
และ​เมื่อ​นั้น​พวก​เขา​จะ​เห็นบุตร​มนุษย์​เสด็จ​มา​ใน​เมฆ
ด้วย​ฤทธานุภาพและ​พระ​รัศมี​อัน​ยิ่ง​ใหญ่...”  (ลูกา 21:25-27

พระกิตติคุณสำหรับอาทิตย์แรกของการเตรียมรับเสด็จปีนี้ดูน่ากลัวและน่าตกใจ   ที่เต็มไปด้วยความรุนแรง   เป็นการทำนายถึงสิ่งที่เลวร้ายจะเกิดขึ้น   บางท่านอาจจะรู้สึกว่าพระกิตติคุณที่เลือกสำหรับเทศกาลเตรียมรับเสด็จในปีนี้ดูไม่เหมาะสม   เพราะช่วงเวลาของการเตรียมรับเสด็จน่าจะเป็นเวลาของการ “เข้าสู่ความเงียบสงบ” เป็นช่วงเวลาแห่งการรอคอย   ครั้งแรกเมื่ออ่านพระกิตติคุณตอนนี้ผมคนหนึ่งละที่รู้สึกว่า   พระกิตติคุณตอนนี้เต็มไปด้วยเหตุการณ์ที่เกรี้ยวกราด  รุนแรง  

และนี่คือพระกิตติคุณที่เริ่มต้นเทศกาลเตรียมรับเสด็จมาขององค์พระคริสต์หรือ?

ต้องสารภาพอย่างเปิดใจว่า   นี่ถ้ามิใช่เพราะถูกฝึกวินัยการอ่านพระวจนะให้ครอบคลุม ต่อเนื่อง  อย่างเป็นระบบตามที่มีการจัดพระคัมภีร์สำหรับอ่านแต่ละวันแล้ว    ผมคงขอเลี่ยงการอ่านพระคัมภีร์และการใคร่ครวญพระกิตติคุณตอนนี้ไปก่อน   เป็นธรรมชาติส่วนตัวของผมที่ต้องการหลีกเลี่ยง หรือ หลีกหนีจากสิ่งที่จะสร้างความรู้สึกไม่สบาย   แม้สิ่งนั้นจะเป็นความจริงที่จะเกิดขึ้นก็ตาม   โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาเทศกาลแห่งการรอคอยด้วยจิตใจที่สงบ และ เวลาแห่งความชื่นชมยินดีของเทศกาลคริสต์มาสที่นำความสุขสันติมาถึงกันและกัน

แท้จริงแล้ว  เมื่อผมเริ่มใคร่ครวญถึง ภาพจากฉากของพระกิตติคุณลูกา บทที่ 21  กลับพบว่านี่คือภาพแห่งความจริงในสถานการณ์ชีวิตแท้ของเรา    เป็นสถานการณ์ชีวิตจริงยิ่งกว่าภาพเคลิ้มฝันที่พวกเราจินตนาการถึงภาพคณะทูตสวรรค์ที่มายืนร้องเพลงอย่างไพเราะ   แล้วมีแม่ที่คอยทะนุถนอมพระกุมารเยซูที่นอนสงบในรางหญ้า

ในปีนี้ภาพความจริงแห่งชีวิตที่เราประสบในเทศกาลเตรียมรับเสด็จเป็นภาพในพระกิตติคุณลูกาบทที่ 21  เรากำลังตกอยู่ท่ามกลางสังคมที่เกิดความขัดแย้งอย่างรุนแรงและยังหาทางออกไม่ได้   สมาชิกกลุ่มการเมืองต่างสีกำลังคำรามจ้องหาโอกาสฟัดคู่ปรปักษ์   ต่างฝ่ายต่างอ้างว่าตนเป็นฝ่ายถูกต้องชอบธรรม   คาดหวังลึกๆ ให้ฝ่ายศัตรูคู่ขัดลาภต้องระเหเร่ร่อนไปอยู่ในต่างถิ่นต่างแดน   ผู้คนตอนนี้จิตใจตกอยู่ในสภาพรักเมตตาที่ต้องชำระแก้แค้นขับไล่

ประเทศฟิลิปปินส์ และ อีกหลายประเทศในแถบนี้ที่ต้องรับมือกับภัยพิบัติทางธรรมชาติแบบตั้งตัวไม่ติด   พืชผลเพาะปลูกถูกทำลายเสียหาย   ผู้คนไร้บ้านที่อาศัย   แย่งชิงปล้นสะดมอาหาร  ประชาชนล้มตายจากเหตุรุนแรงทางธรรมชาติ

ประเทศมหาอำนาจนอกจากต้องการรักษาอำนาจโลกที่ตนมีอยู่แล้ว  ยังแสวงหาอำนาจเพิ่มพูนมากขึ้น   ความขัดแย้งระหว่างประเทศจีนแผ่นดินใหญ่กับญี่ปุ่น   และตอนนี้มหาอำนาจอเมริกาเข้าร่วมญี่ปุ่นต้านอำนาจประเทศจีน   และยิ่งกว่านั้นเชิญชวนประเทศอื่นเข้าร่วมในการต้านครั้งนี้ด้วย

มิใช่ระดับโลก  ระดับชาติเท่านั้นที่กำลังเผชิญกับความยุ่งยาก ขัดแย้ง  ต่อสู้กันอย่างรุนแรง   ในระดับองค์กรที่หนีไม่พ้นความขัดแย้ง  ความยุ่งยากในระดับกลุ่ม ระหว่างพรรค และ พวกในองค์กร   และหนีไม่พ้นครับความขัดแย้งระหว่างบุคคลด้วย  

ผู้คนมีชีวิตตกอยู่ท่ามกลางความวุ่นวาย สับสน  เครียด  และมีความขุ่นเคืองขัดแย้งอีกหลายเรื่องที่หาทางออกบอกทางแก้ไม่ได้   เราประสบกับคำถามมากมายในชีวิตที่ไม่สามารถหาคำตอบ   ความล้มเหลวทั้งในชีวิตของเราและคนรอบข้างทำให้เราเกิดคำถามต่อพระกิตติคุณหรือ “ข่าวดี” ที่เทศน์ๆ กันในเช้าวันอาทิตย์

เมื่อมองย้อนถึงสภาพความจริงในชีวิตของตนที่กำลังเป็นอยู่ในปัจจุบัน   แล้วกลับมาอ่านพระกิตติคุณลูกา ตอนนี้   ทำให้ถึงบางอ้อว่า   แท้จริงแล้วชีวิตทุกวันนี้ก็เป็นอย่างที่มีในลูกาบทที่ 21    พระธรรมตอนนี้ช่วยทำให้ตาของผมสว่างขึ้น   ยอมรับความจริง  และรู้เท่าทันว่าชีวิตจริงของผมตกอยู่ในสภาพเช่นไรแน่   ทำให้ผมเองต้องสัตย์ซื่อต่อตนเอง  รู้เท่าทันชีวิตจริง   มิใช้หมกมุ่นฝันหวานกับชีวิตในความฝันจินตนาการ

ผมสงบลงยอมรับความจริงว่า  แท้จริงแล้วชีวิตของผมในวันนี้ลึกๆ กำลังพบกับความวุ่นวายสับสน   หลายเรื่องหาทางออกไม่ได้   หลายคำถามหาคำตอบไม่เจอ   ในบางมุมมองชีวิตเต็มไปด้วยความหวาดกลัว   และในสถานการณ์ความเป็นจริงของชีวิตเช่นนี้แหละที่ผมกำลังรอคอยการเสด็จมาของพระคริสต์   ในสถานการณ์เช่นนี้แหละเป็นเวลาที่ผมจะต้องเตรียมรับเสด็จพระคริสต์เข้าในชีวิตของผม   ผมรอคอยพระคริสต์ที่จะเสด็จเข้ามาในชีวิตของผมด้วยพลังแห่งการเยียวยารักษาชีวิต   และขอพระคริสต์เป็นแสงสว่างในชีวิตและความคิดที่มืดมิดในเวลานี้

เทศกาลเตรียมรับเสด็จเป็นเวลาที่เราแต่ละคนรอคอยพระคริสต์ที่ทรงเป็นความสว่างที่เข้ามาในชีวิตของเรา   เป็นความสว่างที่ส่องเข้าในมุมมืดแห่งชีวิตของเราในด้านต่างๆ   เป็นแสงสว่างที่เปลี่ยนความกลัวของเราให้เป็นความกล้า   พระวจนะของพระเจ้าบอกกับเราว่า   เมื่อเราตระหนักรู้ว่ามีมุมมืดมิดในชีวิตของเรา และ รอบๆ ชีวิตของเรา   นั่นไม่ใช่เวลาที่เราจะวิ่งหนี  หาที่หลบซ่อน   แต่เป็นเวลาที่เราจะต้องลุกขึ้น  เชิดหัวของเราขึ้น   มิใช่เพราะเรามีความสามารถเก่งกาจที่จะปล้ำสู้กับความมืดเหล่านั้นได้   แต่ที่เงยหน้าขึ้นเพื่อจะมองหาพลังแห่งการกอบกู้ของพระคริสต์ที่กำลังเข้ามาใกล้เราแล้ว   เป็นเวลาที่เราจำต้องปกป้อง  ตื่นตัว  และไม่ยอมตนคลุ้มคลั่งสับสนไปกับกระแสพลังความบ้าคลั่งที่กำลังโหมกระหน่ำล้อมรอบชีวิตของเรา   เพื่อเราจะมุ่งมองเห็นพระคริสต์ในทุกพื้นที่ชีวิตของเราที่รู้สึกเดียวดาย  โดดเดี่ยว  ว้าเหว่  สับสน  และไม่มีความหวัง

ดังนั้น   เราจะขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับโอกาสในการรอคอยพระองค์   เรามิได้รอคอยด้วยความสิ้นหวัง    แต่เรารอคอยพระคริสต์เฉกเช่นผู้ที่มีความเชื่อศรัทธาที่ยิ่งใหญ่   ด้วยการแสวงหาพระคริสต์เพื่อถวายพื้นที่ชีวิตของเราแด่พระองค์

ในวันนี้มีพื้นที่ส่วนไหนบ้างในชีวิตของเราที่สับสน  วุ่นวาย  ตึงเครียด  เจ็บปวด  หวาดกลัว   หรือพื้นที่ต้องห้ามในชีวิตของเรา   ท่านพร้อมและกล้าที่จะเปิดพื้นที่ชีวิตเหล่านั้นให้พระคริสต์เข้ามาครอบครอง  เยียวยา  และสร้างใหม่ในพื้นที่เหล่านั้นหรือไม่?


ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น