23 ธันวาคม 2556

ปีนี้เฮาบ่เล่นคริสต์มาสเน้อ?

อ่านทิตัส 2:11-14

11 เพราะพระคุณของพระเจ้าซึ่งนำความรอดมานั้นได้ปรากฏแก่คนทั้งปวง

12 สิ่งนี้สอนให้เราปฏิเสธความอธรรมและโลกียตัณหา   และสอนเราให้ดำเนินชีวิตในยุคนี้อย่างคนที่รู้จักควบคุมตนเอง   เป็นคนยุติธรรมและอยู่ในทางของพระเจ้า  

13 ขณะที่เรารอคอยความหวังอันเปี่ยมด้วยพระพร  คือการปรากฏของพระองค์อย่างทรงพระเกียรติสิริของพระเจ้าองค์พระผู้ช่วยให้รอดผู้ยิ่งใหญ่ของเราคือพระเยซูคริสต์

14 ผู้ประทานพระองค์เองแก่เราเพื่อไถ่เราให้พ้นจากความชั่วทั้งปวง   และเพื่อชำระเราให้บริสุทธิ์ไว้สำหรับพระองค์   เป็นประชากรของพระเยซูคริสต์เพียงผู้เดียว   เป็นผู้กระตือรือร้นที่จะทำสิ่งดี
(ทิตัส 2:11-14 อมต.)

เมื่อเป็นเด็ก   เวลาคิดถึงวันคริสต์มาส และเมื่อเรานับถอยหลังถึงวันคริสต์มาสทำให้เราตื่นเต้น

อะไรที่ทำให้เราตื่นเต้น?   คงมีหลายอย่างครับ   ประการแรกเราตื่นเต้นเพราะเราคาดหวังว่าเราจะได้ของขวัญ   แม้เราจะไม่มีค่อยมีโอกาสเหมือนเด็กฝรั่งที่เขียนของขวัญที่ต้องการถึง “ซานตาครอส”  แล้วเบื้องหลังพ่อแม่ไปซื้อสิ่งที่ต้องการนั้นมาใส่ถุงของขวัญให้ก็ตาม   แต่เราก็ตื่นเต้นที่จะได้สิ่งของที่เราไม่ต้องจ่ายเงินซื้อเอง   บางครั้งก็ดีกว่าที่เราคาดหวังเสียอีก

ประการที่สองเราจะได้กินขนมมากมาย และ อาหารที่อร่อยมากกว่าปกติ

ประการที่สามเป็นโอกาสที่เราจะได้แสดงบนเวที   ได้รับรางวัล  และที่สำคัญได้รับเสียงปรบมือ   ซึ่งปกติมักไม่ค่อยได้รับ   มันทำให้รู้สึกใจพองโตขึ้นเยอะ   แล้วยังทำให้คนอื่นเห็นว่าเรามีความสามารถนะ

ประการที่สี่   มีโอกาสออกไปร้องเพลงอวยพรตามบ้าน   ซึ่งก็มีโอกาสเพียงปีละครั้งเดียว   ออกไปตามบ้านต่างๆ   แล้วก็ได้รับประทานขนมเหลือเฟือจนทานไม่หมด  แล้วยังหอบกลับมาที่โบสถ์และที่บ้านด้วย

ประการที่ห้า   วันคริสต์มาส ที่โบสถ์มีการตกแต่ง สีสัน สวยงาม  สะดุดตาชวนดู   ทำให้คิดต่อไปว่า  ทำไมเขาไม่ตกแต่งโบสถ์ให้สวยงามน่ามองน่าชม  มีชีวิตชีวา  แต่นี่มักปล่อยให้ซอมซ่อไปเกือบตลอดปี   มาตื่นตาตื่นใจก็ในช่วงคริสต์มาสนี้แหละ

แต่ท่านเชื่อไหมครับ  ความสุข ความปรารถนา และความคาดหวังลึกๆ เหล่านี้ยังติดค้างเมื่อเรามาเป็นผู้ใหญ่   เมื่อถึงเวลาต้องเตรียมงานคริสต์มาสของคริสตจักร   เราพูดปรึกษากันถึงเรื่องอะไรบ้างครับ?   เรื่องใครจะตกแต่งโบสถ์   จะตกแต่งแบบไหนดี?   เราจะเลี้ยงอาหารอะไร?   ใครเป็นคนจัดและรับผิดชอบ?   แล้วปีนี้เราจะแลกของขวัญกัน   ราคาของขวัญต้องชิ้นละไม่ต่ำกว่ากี่บาท?   อ้อ ปีนี้เราจะมีคณะนักร้องออกไปร้องเพลงอวยพรไหม?  ใครจะไปบ้าง?   ใครจะนำ?   บ้านไหนจะเปิดบ้านรับพระพรบ้าง?   แล้วสิ่งที่ไม่น่าจะลืม   ปีนี้เราจะมีการแสดงบนเวทีไหม?   ประเด็นนี้น่าตื่นเต้นสำหรับคนที่เป็น “แม่”  เพราะจะได้ประกวดประชันลูกหลานใครเต้นเก่ง  วาดลวดลายยอดเยี่ยม  แสดงความสามารถได้สุดๆ?   บางคริสตจักรต้องเปิดเวทีค่ำคืนก่อนฉลองคริสต์มาสเพื่อการแสดงโดยเฉพาะ   ลูกหลานสมาชิกวาดลวดลายเต็มที่   ทั้งชุดสั้นโชว์กางเกงใน  โยกหน้า  โยกหลัง   ไม่ผิดกับเวทีแสดงอื่นๆ   หลายรายการไม่แตกต่างกับโชว์ในงานเวทีรำวง!

ทำให้หลายคนต้องถามว่า   นี่มันงานฉลองการเสด็จมาของพระคริสต์พระผู้ช่วยให้รอดหรือ?

ปีนี้เพื่อนผมคนหนึ่งมาแปลกครับ   เขาบอกกับผมว่า  “ปีนี้เฮาบ่อเล่นคริสต์มาสเน้อ!”  (ภาษาไทยกลางหมายความว่า “ปีนี้เราไม่เล่นคริสต์มาสน่ะ”)   เขาหมายความว่า  ปีนี้คริสต์มาสไม่ต้องมีการจับฉลากของขวัญที่แต่ละคนเอามาไหม?   ปีนี้เราไม่ต้องวุ่นวายเลี้ยงข้าวปลาอาหารจะเป็นอย่าไร?   ปีนี้เราไม่จัดแสดงบนเวทีดีไหม?

นอกจากคำเทศนาของนักเทศน์ในวันคริสต์มาส และ เพลงนมัสการ  และเพลงพิเศษในการสรรเสริญพระเจ้าแล้ว   สิ่งอื่นที่คริสตจักรทุ่มแรงทุ่มใจจัดฉลองคริสต์มาสได้สื่อสารความหมายถึงการเสด็จมาของพระคริสต์   เพื่อไถ่ถอนปลดปล่อยให้มนุษย์หลุดรอดออกจากอำนาจความบาปผิดอย่างไร?   และพระองค์มีพลังอำนาจในการเปลี่ยนแปลงชีวิตของเราได้อย่างไร?   หรือเรากำลังฉลองฤทธิ์อำนาจของความบาปชั่วที่สามารถครอบงำชีวิตของเราอยู่อย่างเหนียวแน่น   ทั้งๆ ที่พระคริสต์เสด็จมาเพื่อยอมสละชีวิตไถ่ถอนชีวิตของพวกเรามาเป็นเวลากว่า 2000 ปีแล้ว?  

จากพระธรรมทิตัส 2:11-14  ได้เตือนคริสตชนถึงคุณค่าและความหมายของการเสด็จมาของพระคริสต์ว่า
  1. เป็นพระคุณของพระเจ้าที่ทรงไถ่ถอนเราให้หลุดรอดออกมาจากอำนาจของความบาปชั่ว
  2. เป็นการที่พระองค์ประทานชีวิตของพระองค์เพื่อไถ่เราจากอำนาจชั่วนั้น  เพื่อชำระเราให้มีชีวิตที่บริสุทธิ์   ชีวิตที่พัฒนาเปลี่ยนแปลงไปตามพระประสงค์ของพระเจ้า
  3. เป็นพลังอำนาจที่เปลี่ยนแปลงชีวิตของเราให้สามารถ ละเลิก ปฏิเสธความปรารถนาตามกระแสสังคมโลก  ความอธรรมทั้งหลาย   และสามารถควบคุมตนเองได้
  4. เป็นพลังเสริมหนุนให้เราเป็นคนที่ยุติธรรม  และ  ดำเนินชีวิตในทางของพระเจ้า
  5. เป็นพลังหนุนเสริมให้เรามีชีวิตที่เป็นของพระคริสต์   และกระตือรือร้นกระทำดีเพราะพระคริสต์เป็นแบบอย่างและมีพระประสงค์เช่นนั้น


ซึ่งสรุปได้ว่า   การเสด็จมาของพระคริสต์ หรือ คริสต์มาสนั้น   คือการที่พระเยซูคริสต์ทรงนำโอกาสมาในโลกนี้เพื่อปวงชนทั้งสิ้นจะได้มีชีวิตที่มีความเป็นคนอย่างสมบูรณ์   ข่าวดีที่พระเยซูคริสต์นำมาก็คือ   ในแต่ละวันเป็นโอกาสที่พระองค์ประทานให้เราได้รับโอกาสที่จะมีชีวิตที่ครบบริบูรณ์มากยิ่งขึ้น    และเมื่อเรามองย้อนหลังในแต่ละวันเราควรจะเห็นพัฒนาการชีวิตคริสเตียนของเราที่ใกล้ชิดและเป็นเหมือนพระคริสต์มากขึ้นทุกวัน

ใช่ครับ   ปีนี้เรา “บ่อเล่นคริสต์มาสเน้อ”   แต่เราจะเอาจริงเอาจังกับการเสด็จเข้ามาของพระคริสต์ในชีวิตของเราแต่ละคน  ที่พระองค์เสด็จเข้ามาในครอบครัวของเราแต่ละครอบครัว   และที่พระองค์เสด็จเข้ามาในคริสตจักรและในชุมชนของเรา  และที่พระองค์ไปที่ทำงานกับเราทุกวัน

เราจะละเลิกและปฏิเสธคริสต์มาสที่สร้างความวุ่นวาย ยุ่งเหยิง  เหนื่อยอ่อน  หมดแรงอย่างที่เราฉลองกันได้ไหม?   และใช้ช่วงเวลาแห่งการเตรียมรับเสด็จ และ คริสต์มาสนี้   มีเวลาที่จะสงบ  ใคร่ครวญ   ใกล้ชิด  ฟังถึงพระประสงค์ของพระเจ้า   ขอรับพลังการเปลี่ยนแปลงชีวิตใหม่จากพระองค์   แล้วใช้ชีวิตที่สงบ สุขุม ใกล้ชิดพระเจ้านี้กระทำในสิ่งที่เป็นพระประสงค์ของพระเจ้า
  • ปีนี้ท่านคาดหวังอะไรในช่วงเวลาการเตรียมรับเสด็จ และ ช่วงเวลาคริสต์มาส?
  • ท่านเคยคาดหวังที่จะรับการเปลี่ยนแปลงชีวิตของท่านจากพลังอำนาจของพระคริสต์หรือไม่?
  • เมื่อเราคิดถึง “พระกิตติคุณ” ซึ่งเป็นข่าวดีสำหรับชีวิตของเราทุกคน   ท่านคิดอย่างไรว่า  ข่าวดีของพระคริสต์จะมีพลังกระทบต่อชีวิตในปัจจุบันทุกวันนี้ และ อนาคตของเราอย่างไรบ้าง?


ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น