10 ธันวาคม 2556

เตรียมพื้นที่ชีวิตรับพระคริสต์ในภาวะวิกฤติ

อ่านพระกิตติคุณลูกา 3:1-18

ใน​ปี​ที่​สิบ​ห้า​แห่ง​รัช​กาล​ของ​จักร​พรรดิ​ทิ​เบ​ริ​อัส
ปอน​ทิอัส​ปีลาต​เป็น​เจ้า​เมือง​ยูเดีย
เฮ​โรด​เป็น​เจ้า​เมือง​กา​ลิลี
ฟีลิป​น้อง​ชาย​ของ​เฮ​โรด​เป็น​เจ้า​เมือง​อิทู​เรีย​กับ​เมือง​ตรา​
โค​นิ​ติส ลี​ซา​เนียส​เป็น​เจ้า​เมือง​อา​บี​เลน  
และ​อัน​นาส​กับ​คา​ยา​ฟาส​เป็น​มหา​ปุโร​หิต

ช่วง​เวลา​นี้​เอง​ที่​พระ​วจนะ​ของ​พระ​เจ้า​มา​ถึง​ยอห์น​บุตร​เศ​คา​ริยาห์​ใน​ถิ่น​ทุร​กัน​ดาร    
ยอห์น​จึง​ไป​ทั่ว​ลุ่ม​แม่​น้ำ​จอร์​แดน ประ​กาศ​ให้​คน​กลับ​ใจ​ใหม่​และ​รับ​บัพ​ติศ​มา​
เพื่อ​ให้​พระ​เจ้า​ทรง​ยก​โทษ​ความ​ผิด​บาป
ตาม​ที่​มี​เขียน​ไว้​ใน​หนัง​สือ​ที่​เป็น​ถ้อย​คำ​ของ​อิส​ยาห์​ผู้​เผย​พระ​วจนะ​ว่า

มี​เสียง​ของ​ผู้​หนึ่ง​ป่าว​ร้อง​ใน​ถิ่นทุรกันดาร​ว่า
จง​เตรียม​มรร​คา​แห่ง​องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า
จง​ทำ​หน​ทาง​ของ​พระ​องค์​ให้​ตรง​ไป
(ลูกา 3:1-4 มตฐ.)

ในทุกวิกฤติชีวิต   เราจะได้เห็นถึงพระประสงค์อันเป็นพระคุณของพระเจ้าที่สำแดงผ่านบุคคลและเหตุการณ์ในเวลานั้น   เมื่อชนชาติอิสราเอลตกอยู่ใต้การปกครองของโรมัน   และศาสนาถูกควบคุมโดยอำนาจผู้นำฝ่ายศาสนายิวที่มีตำแหน่งมหาปุโรหิต   ในเวลาเช่นนั้นเองเป็นเวลาของพระเจ้าที่ทรงกระทำพระราชกิจของพระองค์บนแผ่นดินโลกนี้ผ่านชีวิตและพระราชกิจของพระเยซูคริสต์เจ้า

นักประวัติศาสตร์และนายแพทย์ลูกา   ได้เริ่มต้นบันทึกเหตุการณ์นี้ในพระกิตติคุณลูกา   ด้วยการเริ่มต้นอย่างนักประวัติศาสตร์คือ   การยืนยันเรื่องราวที่จะเล่าต่อไปนี้เกิดขึ้นในช่วงไหนของประวัติศาสตร์    โดยเริ่มตั้งแต่มหาอำนาจสูงสุดในเวลานั้นคือ   จักรพรรดิทิเบริอัส   แล้วมีปอนทิอัสปีลาตเป็นเจ้าเมืองยูเดีย   และยังอ้างถึงผู้ครองเมืองต่างๆ ในแถบนั้น   ลงมาจนถึงมหาปุโรหิตของยิวในเวลานั้นคืออันนาส และ คายาฟาส   ในด้านหนึ่งผู้อ่านอาจจะมองว่านี่เป็นการยืนยันว่าเรื่องต่อไปนี้เป็นเรื่องจริงในประวัติศาสตร์  

แต่ผมมองอีกมุมหนึ่งว่า    ในช่วงวิกฤติ พระเจ้าทรงเลือกเวลาเช่นนี้กระทำพระราชกิจของพระองค์   พระองค์มิได้สำแดงผ่านผู้ยิ่งใหญ่ทางการเมืองอย่างมหาจักรพรรดิ   หรือเจ้าเมืองต่างๆ   พระเจ้ามิได้ตรัสสำแดงกับคนในราชวัง  และก็ไม่ได้สำแดงผ่านผู้นำศาสนายิวในพระมหาวิหารด้วย  พระเจ้าทรงผ่านข้ามคนเหล่านี้   แต่พระวจนะของพระเจ้ามาถึงยอห์นบุตรเศคาริยาห์   ซึ่งตอนนั้นใช้ชีวิตในถิ่นทุรกันดาร   พระเจ้าตรัสกับคนที่มีพื้นที่ว่างในชีวิตที่จะรับฟังพระองค์ พระองค์ทรงใช้คนที่มีชีวิตเรียบง่ายพร้อมที่จะให้พระองค์ใช้อย่างยอห์นผู้ให้บัพติศมาเป็นผู้นำหน้าประกาศแผนงานของพระองค์

ที่พระเจ้าต้องผ่านข้ามผู้มีอำนาจ  มีตำแหน่ง  มั่งคั่ง  อยู่ในพระมหาราชวัง  อยู่ในพระมหาวิหาร   เพราะคนพวกนี้มี “สิ่งอุดตัน” ในชีวิตมากมาย    ชีวิตของเขาไม่สามารถที่จะเป็นท่อนำเอาพระราชกิจอันเป็นพระคุณของพระเจ้ามายังประชาชนในเวลานั้นได้    แต่ยอห์นที่มีชีวิตเรียบง่าย   มีท่อชีวิตที่โปร่งโล่ง  ที่พระเจ้าสามารถสำแดงพระราชกิจของพระองค์ผ่านชีวิตของยอห์นผู้ให้บัพติศมาได้

ยอห์นจึงได้ประกาศให้ประชาชนกลับใจใหม่รับการทรงยกโทษจากพระเจ้า  รับบัพติศมา   และประกาศให้แต่ละคนเตรียมพื้นที่ชีวิตของตนเอง  ตามที่พระวจนะของพระเจ้าที่เผยในอิสยาห์ 40:3-4 

จง​เตรียม​มรร​คา​แห่ง​องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า     จง​ทำ​หน​ทาง​ของ​พระ​องค์​ให้​ตรง​ไป
หุบ​เขา​ทุก​แห่ง​จะ​ถม​ให้​เต็ม        ภูเขา​และ​เนิน​ทุก​แห่ง​จะ​ให้​ต่ำ​ลง
ทาง​คด​จะ​กลาย​เป็น​ทาง​ตรง     และ​ทาง​ที่​สูงๆ ต่ำๆ จะ​เป็น​ทาง​ราบ 
(ลูกา 3:4-5 มตฐ.)

ในช่วงเวลาแห่งการรอคอยนี้   เป็นช่วงเวลาแห่งการเตรียมพื้นที่ชีวิตของตนใหม่   เพื่อพร้อมต้อนรับพระคริสต์ที่เสด็จมาทั้งในพระธรรมอิสยาห์และลูกาต่างใช้ภาพการเตรียมพื้นที่ชีวิตเป็นเหมือนการเตรียม “ทาง” ที่จะรับการเสด็จมาของพระคริสต์   “ทำทางแห่งชีวิตของพระเจ้าให้ตรงไป...หุบเขาถมให้เต็ม...เนินเขาปราบให้ต่ำลง...ทางคดทำให้ตรง...ทางสูงๆ ต่ำๆ ทำให้เรียบ”

การกล่าวเช่นนี้เป็นการเตือนประชาชนและรวมไปถึงผู้มีอำนาจทางการเมือง และ การศาสนาว่า  จะเตรียมชีวิตของตนเช่นไร   ท่านกล่าวเปรียบเทียบว่า  ที่สูงต้องปราบลงให้ราบเรียบ   ที่คดๆ งอๆ ต้องตัดให้ตรง   และนี่คือการกลับใจ

การกลับใจมิใช่เป็นเพียงการตั้งใจเท่านั้น   มิใช่มีใจสำนึกเท่านั้น   การกลับใจมิใช่เรื่องส่วนตัวเท่านั้น   แต่ต้องทำให้เห็นและสร้างผลกระทบของการกลับใจต่อชีวิตในชุมชนด้วย   ยอห์นประกาศอย่างตรงไปตรงมาว่า

จง​พิสูจน์​การ​กลับ​ใจ​ด้วย​ผล​ที่​เกิด​ขึ้น... ฝูง​ชน​จึง​ถาม​ท่าน​ว่า เรา​จะ​ต้อง​ทำ​อย่าง​ไร?    ท่าน​ตอบ​พวก​เขา​ว่า ใคร​มี​เสื้อ​สอง​ตัว​จง​แบ่ง​ปัน​ให้​แก่​คน​ที่​ไม่​มี   และ​ใคร​มี​อาหาร​ก็​จง​ทำ​เหมือน​กัน   สำหรับคนเก็บภาษียอห์น กล่าวแก่พวกเขาว่า อย่า​เก็บ​ภาษี​เกิน​พิกัด   กับพวกทหารท่านบอกพวกเขาว่า  อย่า​กรร​โชก อย่า​ใส่​ความ​เพื่อ​เอา​เงิน แต่​จง​พอใจ​ใน​ค่า​จ้าง​ของ​ตัว​เอง  (ลูกา 3:8-14 มตฐ.)   บัพติศมาเป็นการแสดงถึงการยอมกลับใจใหม่   แต่การกลับใจใหม่สำหรับยอห์นผู้ให้บัพติศมา   พิธีบัพติศมามิได้เป็นเครื่องยืนยันถึงการกลับใจใหม่ของคนๆ นั้น   สิ่งที่ยืนยันถึงการกลับใจใหม่คือการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมและการดำเนินชีวิตของตน   จากทางที่ลุ่มๆ ดอนๆ  คดๆ เคี้ยวๆ  ให้มีการดำเนินชีวิตที่ตรงตามน้ำพระทัยของพระเจ้า

เทศกาลเตรียมรับเสด็จปีนี้   ประเทศไทยประสบวิกฤติการเมือง  เศรษฐกิจ และสังคม เป็นเวลาที่เราจะต้องเตรียมด้วยการ กลับใจ  รับบัพติศมา  และสำแดงการกลับใจของเราออกมาให้เห็นอย่างเป็นรูปธรรม   เป็นการกระทำที่สร้างผลกระทบที่สร้างสรรค์ต่อชีวิต/สังคม  
สำหรับเราในปีนี้วิกฤติชีวิตที่เรากำลังเผชิญหน้าอยู่ได้บอกให้เราต้องกลับใจในเรื่องอะไรบ้าง?   และการกลับใจดังกล่าวจะต้องสำแดงออกมาในรูปธรรมอย่างไร?   และจะต้องสร้างผลกระทบที่สร้างสรรค์ต่อชีวิต/สังคมอย่างไรบ้าง?

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น