บทเพลงแห่งพระราชกิจของพระเจ้าที่ทรงพลิกโลกคว่ำแผ่นดิน
อ่าน
ลูกา 1:46-56
พระองค์ทรงถอดเจ้านายออกจากบัลลังก์
และพระองค์ทรงยกผู้น้อยขึ้น
(ลูกา 1:52 มตฐ.)
บทเพลงสรรเสริญของสตรีที่ชื่อว่ามารีย์
เธอร้องสรรเสริญพระเจ้าออกมาจากก้นบึ้งแห่งชีวิตจิตใจของเธอที่พรั่งพรูไหลออกมาเปี่ยมล้นด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ เมื่อเธอได้ยินนางเอลิซาเบธ (มารดาของยอห์น
ผู้ให้บัพติศมา)กล่าวทักทายเธอว่า
เธอเป็นผู้ที่ได้รับพระพรจากพระเจ้า
เพราะเธอเป็นมารดาของพระเมสสิยาห์ที่ผู้คนรอคอย นี่เป็นบทเพลงสรรเสริญ ในภาษาละตินบรรทัดแรกของเพลงคือ magnificat
anima mea Dominum แปลว่า
“จิตวิญญาณของข้าพเจ้ายกย่องพระเจ้า”
บทเพลงสรรเสริญของมารีย์เป็นบทเพลงที่กล่าวถึงพระราชกิจอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้า
ซึ่งพิจารณาอย่างเจาะลึกลงไปแล้วต้องบอกว่าเป็นเพลงแห่งพระราชกิจของพระเจ้าที่ทรงพลิกโลกคว่ำแผ่นดินเลยทีเดียว บางคนอ่านแล้วบอกว่า
“นี่เป็นบทเพลงของพวกซ้ายตกขอบ” หรือ “ซ้ายสูญพันธุ์” อะไรทำนองนั้น อย่าฝันหวานไปเลยมันไม่เป็นความจริงหรอก! อีกพวกหนึ่งก็จะมองว่า นี่เป็นเพลงพวกหัวรุนแรง เป็นเพลงปฏิวัตินี่นา!
ถ้าเป็นเพลงปฏิวัติ
ผมขอเรียนว่าเพลงนี้ร้องโดยหญิงสาวคนหนึ่งที่ไม่มีฐานะตำแหน่งใดๆ ร้องท่ามกลางสังคมยิวที่กำลังตกเป็นเมืองขึ้นของพวกโรมัน
และสังคมยิวเองก็แบ่งออกเป็นหลายพรรคหลายพวก ทั้งพวกผู้นำทางการเมือง ผู้นำศาสนา
และผู้นำกลุ่มแอบแฝงใต้ดินต่างช่วงชิงอำนาจและผลประโยชน์มาเป็นของตนเอง
ให้เราค่อยๆ พิจารณาบทเพลงของมารีย์ว่ามีเนื้อหาความหมายอะไร ถึงถูกตีตราอันตรายถึงปานนั้น
แต่ผมยืนยันว่าเป็นบทเพลงสรรเสริญที่กล่าวถึงการพลิกโลกคว่ำแผ่นดินโดยพระราชอำนาจของพระเจ้าครับ!
ประการแรก
แทนที่พระเจ้าจะทรงเลือกคนที่มีฐานะ อำนาจ และบริวาร
มาเป็นผู้ร่วมในพระราชกิจของพระองค์
แต่พระองค์ทรงเลือกคนที่มี “ฐานะต่ำต้อย” ในสายตาของสังคมโลกมาร่วมในพระราชกิจ(ข้อ
48)
ประการที่สอง พระราชกิจของพระเจ้าครั้งนี้ “ทรงทำให้คนที่มีใจเย่อหยิ่งกระจัดกระจายไป...”
(ข้อ 51)
ประการที่สาม “พระองค์ทรงถอดเจ้านายออกจากบัลลังก์ และ พระองค์ทรงยกผู้น้อยขึ้น” (ข้อ 52)
ประการที่สี่ “พระองค์ทรงให้คนอดอยากอิ่มด้วยสิ่งดี และ ทรงทำให้คนมั่งมีไปมือเปล่า”
(ข้อ 53)
จากบทเพลงสรรเสริญของมารีย์บทนี้ชี้ชัดว่า
โครงสร้างสังคมแห่งแผ่นดินของพระเจ้านั้นกลับหัวกลับหางกับโครงสร้างสังคมที่เราเป็นอยู่ในปัจจุบัน ยิ่งกว่านั้นระบบคุณค่า คุณธรรม
และความสัมพันธ์ ในแผ่นดินของพระองค์ก็แตกต่างจากปัจจุบันราวกับหน้ามือและหลังมือเลยทีเดียว บทเพลงบทนี้เป็นบทเพลงที่ “กลั่น”
ออกมาจากประสบการณ์อันล้ำลึกในชีวิตของมารีย์
ที่ร้องออกมาด้วยความกล้าหาญเพราะพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงหนุนเสริมและเป็นกำลังของเธอ
พวกเราเมื่ออ่านบทเพลงนี้ อาจจะรีบมุ่งมองไปยังพวกนักการเมือง ข้าราชการ
พวกเจ้านายผู้นำทั้งหลาย หรือพวกที่ออกมาต่อสู้เรียกร้อง สิ่งแรกจากบทเพลงของมารีย์
เธอร้องเพลงนี้ด้วยการมองอย่างลึกซึ้งลงในก้นบึ้งแห่งประสบการณ์ชีวิตของเธอ เธอตรวจสอบชีวิตของเธอต่อหน้าพระพักตร์พระเจ้า
ในช่วงเวลาแห่งการเตรียมพื้นที่ชีวิตของเราแต่ละคนเพื่อรับพระคริสต์เข้ามาในชีวิต
จำเป็นที่เราจะต้องมีเวลาตรวจสอบชีวิตที่เป็นจริงของเราทุกวันนี้ต่อหน้าพระพักตร์พระเจ้า
จริงๆ แล้วบทเพลงบทนี้กำลังกล่าวถึงใคร?
กำลังกล่าวกับชีวิตที่ไม่เข้าท่าเข้าทางตามพระประสงค์ของพระเจ้าในชีวิตของเรามิใช่หรือ?
ชีวิตของเรา
“เย่อหยิ่ง” ยโส โอหัง หรือไม่? แม้เราจะมิใช่ “เจ้านาย” “คนมีอำนาจ” คนที่นั่งบนบัลลังก์ จิตใจของเรา “เย่อหยิ่ง ยโส
โอหัง” กับใครบ้าง?
ชีวิตที่ผ่านมานี้ แม้เราจะเป็นผู้มีอำนาจทั้งในการบริหาร ในองค์กร
หรือไม่ก็ตาม เราต้องถามตนเองว่า
จิตใจของเราถ่อมลงต่อหน้าพระพักตร์พระเจ้าท่ามกลางการใช้ชีวิตในครอบครัว ที่ทำงาน
ในชุมชน ในคริสตจักร หรือในกลุ่มเพื่อนฝูงหรือไม่?
คงปฏิเสธลำบากว่า เกือบทั้งหมดในพวกเราจะบอกว่า
เราไม่ใช่เป็นคนมั่งมี
นั่นก็เป็นความจริงถ้าเปรียบเทียบว่าเรามีทรัพย์สินเงินทองมากน้อยแค่ไหนกับคนมั่งมีอื่นๆ
แต่เศรษฐศาสตร์ตามพระคัมภีร์เป็นเรื่องการที่จะมีกินมีอยู่อยู่และอยู่รอดได้ด้วยพระคุณจากพระเจ้า และด้วยความรักเมตตาเสียสละจากคนที่เชื่อศรัทธาและสัตย์ซื่อในพระองค์ด้วย ถ้าเช่นนั้น เราน่าจะเป็นคนมั่งมีตามมาตรฐานของพระคัมภีร์ คำถามจากบทเพลงสรรเสริญนี้ก็คือว่า
เราได้ห่วงหาเอาใจใส่ผู้คนรอบข้างที่อดอยากปากแห้ง ไร้ที่พักพิง หรือไม่?
หรือเราแค่มองผ่านผู้คนกลุ่มนี้อย่างสบายใจ เพราะเรามีเหตุผลส่วนตัวของเราหรือไม่?
เมื่อเราอ่านบทเพลงสรรเสริญของมารีย์บทนี้ในแต่ละครั้ง
เราท่านรู้สึกอย่างไรบ้างครับ?
หรือบอกเพียงว่าเป็นบทเพลงที่ไพเราะและกล้าหาญอะไรอย่างนี้ แล้วเราได้ใส่ใจเนื้อหาใคร่ครวญบทเพลงบทนี้ว่ากำลังบอกและพูดอะไรกับเราบ้าง?
เพลงสรรเสริญของมารีย์บทนี้จะไม่ระคายเคือง
หรือ กระตุ้นท้าทาย “สำนึก” ของเราแม้แต่เล็กน้อย ถ้าเรามองว่าเพลงสรรเสริญบทนี้กำลังว่ากล่าว
“คนอื่น”
แท้จริงแล้วเมื่ออ่านเพลงสรรเสริญบทนี้กำลังท้าทายให้เราสำรวจถึงสิ่งที่บกพร่องผิดเพี้ยนไปจากพระประสงค์ของพระเจ้าในชีวิตของเรา
เป็นเวลาที่เราต้องถามตนเองอย่างจริงจังว่า
ชีวิตที่เราเป็นอยู่ทุกวันนี้ได้มอบกายถวายทุ่มเทชีวิตแด่พระเจ้ามากน้อยแค่ไหน? หรือเรามัวแต่แสวงหาความมั่นคงในชีวิต ชื่อเสียงเกียรติยศ อำนาจ และ ทรัพย์สินเงินทอง? บ่อยครั้งสักแค่ไหนที่เรายึดมั่นเกาะแน่นกับพระพรทางทรัพย์สินเงินทอง จนละเลยมองข้ามที่จะแบ่งปันหนุนช่วยคนยากคนจน
และ คนหิวโหย?
บทเพลงสรรเสริญของมารีย์มีพลังกระทบต่อระบบคุณค่า
และ เป้าหมายในชีวิตของเราหรือไม่?
แต่ในเวลาเดียวกันผมก็เชื่อว่า
บทเพลงสรรเสริญของมารีย์บทนี้ไม่มีจุดประสงค์ที่จะสร้างความรู้สึกไม่สบายใจแก่คริสตชนที่อ่าน
ในเรื่องที่ตนมีทรัพย์สินเงินทองและความมั่นคง
แต่บทเพลงสรรเสริญบทนี้มีจุดประสงค์ที่จะเชิญชวนทรงเรียกให้เรา
“ให้ชีวิตของเรา” แด่องค์พระผู้เป็นเจ้าเฉกเช่นมารีย์ที่มอบทั้งชีวิตแด่พระเจ้าทรงใช้ตามพระประสงค์ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น บทเพลงบทนี้ทรงเรียกให้เราเป็น “คนรับใช้ที่สัตย์ซื่อ”
ของพระเจ้าในสังคมชุมชนโลกนี้
เพื่อขยายการปกครองแห่งแผ่นดินของพระเจ้าในโลกนี้ให้กว้างไกลออกไป
บทเพลงสรรเสริญของมารีย์เป็นตัวกระตุ้นเตือนให้เราปรารถนาที่จะดำเนินชีวิตวันนี้ในสิ่งที่สำคัญตามพระประสงค์
เพื่อพระองค์จะทรงใช้ชีวิตของเราตามพระประสงค์
และเพื่อชีวิตของเราจะเป็นที่ถวายพระเกียรติแด่พระองค์
ในช่วงก่อนถึงวันคริสต์มาส
พวกเราที่อยู่ในสังคมบริโภคนิยมอาจจะกำลังสาระวนกับการจับจ่ายซื่อหาสิ่งต่างๆ
ที่จะเป็น “ของขวัญ” ให้แก่ผู้คน หรือ เหน็ดเหนื่อยกับการจัดเตรียมงานเลี้ยงคริสต์มาส
บทเพลงสรรเสริญของมารีย์กำลังชี้แนะและหนุนเสริมให้เราลอง
“ถอยหลังสักก้าวหนึ่ง”
เพื่อจะได้คิดใคร่ครวญว่าอะไรคือระบบคุณค่าในชีวิตของเรา เรากำลังทุ่มเทชีวิตกับอะไรกันแน่? แล้วคริสต์มาสปีนี้อาจจะสร้าง “วิถีชีวิตที่แตกต่าง”
เป็นวิถีแห่งการแสวงหา
เป็นวิถีแห่งการทุ่มเทรับใช้ และ
เป็นวิถีแห่งการยอมเสียสละเยี่ยงพระคริสต์!
เป็นวิถีชีวิตแบบพระคริสต์ในวิถีชีวิตของเรา
ประสิทธิ์
แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย
เชียงใหม่
E-mail:
prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น