30 ธันวาคม 2556

ถอดบทเรียนวันที่พระคริสต์มาบังเกิด!

อ่าน ลูกา 2:15-20

เมื่อ​ทูต​สวรรค์​เหล่า​นั้น​ไป​จาก​พวก​เขา​(คนเลี้ยงแกะ) ขึ้น​สู่​สวรรค์​แล้ว
บรรดา​คน​เลี้ยง​แกะ​ก็​พูด​กัน​ว่า
ให้​เรา​ไป​ยัง​เมือง​เบธ​เล​เฮม​ดู​เหตุ​การณ์​ที่​เกิด​ขึ้น​ตาม​ที่​องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​ทรง​แจ้ง​กับ​เรา   
เขา​ก็​รีบ​ไป แล้ว​พบ​นาง​มา​รีย์​กับ​โย​เซฟ และ​พบ​พระ​กุมาร​นั้น​นอน​อยู่​ใน​ราง​หญ้า    
เมื่อ​พวก​เขา​เห็น​แล้ว​จึง​เล่า​เรื่อง​ที่​เขา​ได้​ยิน​ถึง​พระ​กุมาร​นั้น    
คน​ทั้ง​หลาย​ที่​ได้​ยิน​ก็​ประหลาด​ใจ​เกี่ยว​กับ​เรื่อง​ที่​คน​เลี้ยง​แกะ​บอก​กับ​เขา    
ส่วน​นาง​มารีย์​ก็​เก็บ​สิ่ง​เหล่า​นั้น​ไว้​และ​รำ​พึง​  (อมตธรรมแปลว่า “ใคร่ครวญ”) อยู่​ใน​ใจ 
(ลูกา 2:15-19 มตฐ.)

การเฉลิมฉลองคริสต์มาสปีนี้ก็คงเสร็จสิ้นไปแล้วนะครับ   โดยเฉพาะอย่างยิ่งแม่บ้านหลายต่อหลายคนต้องอ่อนเปลี้ยเพลียแรงกับการจับจ่ายซื้อของขวัญ และ อาหารสำหรับงานเลี้ยง   บางคนต้องวุ่นวายกับการคิดค้นหาสิ่งที่จะเป็นของขวัญสำหรับคนต่างๆ   ตั้งแต่ลูก คู่สมรส  อาจารย์ที่โบสถ์  เจ้านายที่บริษัท  อีกทั้งเพื่อนฝูงคนสนิท   แล้วบทใคร่ครวญปีนี้มาเสนอให้จัดหาของขวัญสำหรับศัตรูคู่ปรปักษ์อีก   โอ้ย  มันมากมาย  ยุ่งยาก  สับสน  หลายคนเตรียมของขวัญไม่ทัน  บางคนเกือบไม่ทัน   บางคนต้องกลับไปดูตู้เก็บของขวัญที่เคยได้มาในปีก่อนๆแต่ไม่ได้ใช้เอามาห่อเป็นของขวัญสำหรับคนที่ยังหาของขวัญไม่ทัน!

ดูวุ่นวายสับสนเอาการอยู่ใช่ไหมครับ?
แต่มันไม่ใช่แค่นั้นซิ   ยังต้องคิดว่าจะจะเตรียมอาหารอะไรเป็นพิเศษที่จะเลี้ยงกันในครอบครัว
ยิ่งกว่านั้นต้องรีบเพราะมีหน้าที่รับผิดชอบในการเฉลิมฉลองคริสต์มาสที่คริสตจักร
และก็พลาดไม่ได้จะต้องไปร่วมการเฉลิมฉลองคริสต์มาสที่บริษัท หรือ ที่ทำงาน

พอมาถึงวันที่ 27 ธันวาคม   ค่อยหายใจยาวขึ้นได้หน่อย   แต่พอวันที่ 29 ก็ต้องมาคิดเรื่องส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่   คิดถึงที่ต้องอดหลับอดนอนในคืนที่ 31 ธันวาคม  แล้วก็จะต้องเหนื่อยอ่อนใจ   ไม่ไปก็ไม่ได้นั่นเป็นงานที่คริสตจักรที่เรามีส่วนรับผิดชอบด้วย

โอ้ย  “สุขสันติคริสต์มาส”  ทำไมมันถึงยุ่งยาก วุ่นวาย เหนื่อยทั้งกายทั้งใจอะไรเช่นนี้หนอ?   

เมื่อมีเวลามานั่งคิดใคร่ครวญในเช้าวันนี้ก็พบว่า   แท้จริงแล้วไม่จำเป็นที่เราจะต้องยุ่ง วุ่นวาย เหนื่อยยากเช่นนี้เลย   เราคิดเราเชื่ออะไรผิดพลาดไปหรือเปล่าเนียะ?

เมื่ออ่านพระวจนะที่เราได้อ่านกันในตอนนี้   เราเห็นภาพการมาบังเกิดของพระคริสต์   อาจจะสร้างความตื่นเต้น  ประหลาดอัศจรรย์ใจแก่ผู้คนที่ได้ยินได้เห็น  ได้รับการบอกกล่าว   คนเลี้ยงแกะที่ได้รับการเปิดเผยขององค์พระผู้เป็นเจ้าผ่านการแจ้งเล่าข่าวดีของทูตสวรรค์   เมื่อคนเลี้ยงแกะไปตามที่ทูตสวรรค์บอก   และพบสิ่งต่างๆตามที่ทูตสวรรค์เล่า   และตรงกับความคาดหวังในทางความเชื่อของเขา   พวกเขาชื่นชมยินดีและสรรเสริญพระเจ้า   และบอกเล่าข่าวดีที่เขาพบเขาเห็นแก่ผู้คนที่เขาพบเห็น   คนที่ได้รับการบอกเล่าข่าวดีจากคนเลี้ยงแกะก็ประหลาดอัศจรรย์ใจ  ตื่นเต้นไปตามคำบอกเล่าของคนเลี้ยงแกะ

ผมขอตั้งข้อสังเกตว่า   คนที่ได้ยินคำบอกเล่าของคนเลี้ยงแกะเพียงแค่ประหลาดใจในคำบอกเล่านั้น   แต่พระคัมภีร์มิได้บันทึกว่า  พวกเขารีบไปดูสิ่งที่ประหลาดอัศจรรย์ที่เกิดขึ้น!   ต่างคนต่างยุ่งวุ่นวายท่ามกลางเหตุการณ์ที่ในเมืองนั้น  ที่มีญาติมิตรที่เกิดที่นี่กลับมามากมาย  เพื่อจดทะเบียนสำมโนครัวครั้งใหญ่ตามมหาอำนาจโรมมันสั่งมา   ทั้งนี้เพราะจะมีข้อมูลพื้นฐานเพื่อจัดเก็บภาษีจากคนยิวได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยมากกว่าเดิม

พวกเขาต้องวุ่นวายจัดหาที่พักหลับนอน   จัดหาอาหารสำหรับรับประทาน   ติดตามหาบ้านญาติ ฯลฯ

พวกเขาต้องว้าวุ่น  วุ่นวายใจ  เหน็ดเหนื่อย  บางคนสิ้นหวัง   และมารีย์ โยเซฟก็ตกในภาวะคับขันเหมือนประชาชนอื่นๆ ในเมืองนั้น   แต่เมื่อสถานการณ์บังคับ   เพราะถึงเวลาที่จะต้องคลอดลูก   เลยต้องเลือกคอกเลี้ยงสัตว์ที่มีลักษณะเป็นถ้ำเป็นที่ให้มารีย์คลอดบุตร   แล้วใช้รางหญ้าต่างเปลนอนให้ทารก

ท่ามกลางความเหนื่อยอ่อนหมดแรง   ท่ามกลางความยุ่งยาก  วุ่นวาย  แก่งแย่งกัน   แล้วยังได้ยินเรื่องประหลาดอัศจรรย์ที่เกิดขึ้นกับทารกที่เกิดมา   ที่สอดคล้องกับคำทำนายของผู้เผยพระวจนะ   สอดคล้องกับข้อมูลที่ทูตสวรรค์มาปรากฏแก่เธอก่อนหน้านี้เกือบปี   และตรงกับคำทักทายของนางเอลีซาเบ็ธญาติของเธอเมื่อประมาณครึ่งปีที่ผ่าน   เราจะพบในพระคัมภีร์ตอนนี้ว่า   มารีย์ไม่ได้ประหลาดอัศจรรย์ใจอย่างคนอื่นๆ เมื่อได้รับบอกเล่าข่าวดีจากคนเลี้ยงแกะ

แต่มารีย์นำเอาคำบอกเล่าข่าวดีนั้นมา “รำพึง” หรือ “ใคร่ครวญ” ในใจ (ข้อ 19)

มารีย์ไม่ได้เต้นไปตามจังหวะ และ กระแสความวุ่นวาย  สับสน  เหน็ดเหนื่อย   แต่มารีย์มีจิตใจที่สงบท่ามกลางความสับสนว้าวุ่นสิ้นหวัง   แล้ว “รำพึง” “ใคร่ครวญ”  คิดติดตามถึงเหตุการณ์แห่งพระราชกิจของพระเจ้าในชีวิตของเธอ และ ของทารกน้อยที่พระเจ้าทรงให้เธอปกป้องดูแล   แน่นอนครับ มารีย์ไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นทั้งในอนาคตอันใกล้ กับอนาคตอันไกล   แต่เธอรู้  เชื่อ  มั่นใจ  และไว้วางใจในพระราชกิจที่พระเจ้ากำลังกระทำ  และคลี่คลายเปิดเผยให้เธอเรียนรู้ไปวันต่อวัน   เหตุการณ์ต่อเหตุการณ์

มารีย์ได้มอบกายถวายชีวิตของเธอแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าให้เป็น “ทาสี” ของพระองค์   ชีวิตของมารีย์เป็นชีวิตขององค์พระผู้เป็นเจ้า   เป้าหมายปลายทางชีวิตของเธอคือการรับใช้พระองค์ตามที่พระองค์มีพระประสงค์   ดังนั้นเธอจึงสามารถสงบได้เพราะเธอเชื่อและไว้วางใจว่า   อะไรที่จะเกิดขึ้นในชีวิตของเธอเป็นพระประสงค์อันดีเลิศขององค์พระผู้เป็นเจ้า  

ดังนั้น ชีวิตในทุกวันทุกเหตุการณ์จึงถูกเธอนำมาใคร่ครวญ และ รำพึงภาวนาในจิตใจที่สงบของเธอ

คริสต์มาสที่ผ่านมาเราตื่นเต้น ประหลาดอัศจรรย์ใจ  เหน็ดเหนื่อย  วุ่นวาย  สิ้นหวังเหมือนคนทั้งหลาย

หรือเราสงบ  รับรู้ในทุกสถานการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยจิตใจที่นิ่ง  แล้วนำสิ่งเหล่านั้นใคร่ครวญ  รำพึง  ภาวนา ถึงพระราชกิจและพระประสงค์ของพระเจ้าในชีวิตของเราแต่ละคน?   ในแต่ละวัน?

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น