เมื่อเราพูดถึงเรื่องผู้นำ เรามักคิดถึงคนที่อยู่ “หัวแถว” หรือ
“ผู้ทำงานระดับสูง” ขององค์กร
แต่ปัจจุบันนี้เรากำลังให้ความสนใจการเสริมสร้างภาวะผู้นำของผู้ทำงานในระดับหลากหลายในองค์กรของเรา ผมคิดว่าท่านคงได้อ่านบทความที่พูดถึงผู้นำจากส่วนกลางขององค์กร
กล่าวคือจะต้องเป็นผู้นำทั้งลูกน้องที่อยู่ในระดับรองจากตน เขามีภาวะผู้นำและอิทธิพลในการทำงานต่อเพื่อนฝูงที่ทำงานในระดับเดียวกับเขา
ยิ่งกว่านั้นเขาจะต้องมีภาวะผู้นำในการทำงานที่มีอิทธิพลต่อหัวหน้าหรือเจ้านายของตนเอง ซึ่งเป็นผู้ทำงานที่อยู่ระดับสูงกว่าเขา
ผู้ที่จะประสบความสำเร็จในการมีภาวะผู้นำที่มีอิทธิพลในการนำต่อผู้คนในทุกระดับในองค์กร
เขาจะต้องเป็นผู้ที่มีอิทธิพลในความสัมพันธ์กับผู้คนทุกระดับในองค์กร ไม่ว่าคนทำงานที่อยู่ระดับสูงกว่าตน ระดับเดียวกับตน และระดับที่ตนเป็นหัวหน้า
การเป็นผู้นำคือการที่เขาทำงานอย่างมีอิทธิพลต่อเพื่อนร่วมงานทุกระดับในโอกาสต่างๆ
เป็นผู้ที่เสริมสร้างให้เกิดความร่วมไม้ร่วมมือในการขับเคลื่อนให้งานเดินไปอย่างดี อีกทั้งประสานสัมพันธ์ให้ความเป็นหนึ่งเดียวกัน
การที่ผู้ใดมีความสามารถในการนำเพื่อนร่วมงานระดับเดียวกันนั้นเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงการมีคุณภาพในภาวะผู้นำของคนๆ
นั้น แต่ใครก็ตามที่สามารถมีภาวะในการนำคนที่อยู่เหนือเขา
สามารถมีอิทธิพลในภาวการณ์นำทั้งด้านความคิด การโน้มน้าวจิตใจ และสามารถนำไปสู่การตัดสินใจของผู้นำระดับสูงกว่าตนต้องนับว่าคนๆ
นี้เป็นยอดผู้นำ
ผมได้เรียนรู้ว่า เราจะไม่สามารถที่จะก้าวสู่ภาวะผู้นำระดับสูงได้เลยถ้าเราไม่เห็นความสำคัญที่จะมีภาวะผู้นำในการนำเพื่อนร่วมงานระดับเดียวกัน กับคนที่ทำงานที่อยู่ระดับเหนือตนเอง แล้วเราจะเสริมสร้างภาวะของการเป็นผู้นำที่มีอิทธิพลต่อเพื่อนร่วมงานระดับเดียวกัน และผู้นำที่อยู่ระดับสูงกว่าเราได้อย่างไร?
ถ้าต้องการประสบความสำเร็จในการนำเพื่อนร่วมงานในระดับเดียวกัน
และ ผู้นำในระดับที่สูงกว่าเราสิ่งที่ต้องหลีกเลี่ยงให้ได้คือ ทำอย่างไรที่ไม่เป็นการสร้างการ
“แข่งหรือเขี่ย” “เบียดหรือบัง” ความคิดของเพื่อนร่วมงาน
ตรงกันข้ามหาทางที่จะหนุนเสริมความคิดของเพื่อนร่วมงานให้เด่นดังชัดเจนยิ่งขึ้น
เราต้องเป็นผู้ที่สามารถสร้างความชัดเจนให้กับความคิดของเพื่อนร่วมงาน แล้วหนุนเสริมให้ความคิดนั้นนำไปสู่การกระทำของกลุ่มที่มุ่งสู่ความสำเร็จตามวัตถุประสงค์และเป้าหมาย
ประสบการณ์สอนผมว่า
การที่มัวเสนอความคิดแข่งเพื่อเขี่ยความคิดของเพื่อนร่วมงานให้ตกไป หรือ
เบียดแล้วบังความคิดของเพื่อนร่วมงานเพื่อให้ความคิดของตนเองเด่นขึ้นนั้น สร้างแต่ผลเสียกับเสียแก่ภาวะผู้นำของเราทั้งนั้น
ผู้คนรอบข้างจะเห็นภาวะผู้นำของเรามีพลังอิทธิพลที่เด่นชัดขึ้น
เมื่อเราเล่นบทบาทภาวะผู้นำที่หนุนเสริมเพิ่มพลังแก่เพื่อนร่วมงาน
ประการต่อมาให้เราขยายวงความสัมพันธ์ของเราให้กว้างไกลขึ้น ผู้นำที่จะมีอิทธิพลในการนำที่ขยายวงกว้างขึ้นเมื่อเขาเปิดตัวพบปะสัมพันธ์กับผู้คนใหม่ๆ
ผู้นำที่มีอิทธิพลในวงการทำงานจะเชื่อมสัมพันธ์เครือข่ายงานต่างๆ แล้วเชื่อมโยงกับเพื่อนร่วมงานในองค์กรของตน เชื่อมโยงเครือข่ายทางความคิดให้หลากหลาย หาทางแนะนำเพื่อนร่วมงานของท่านกับเครือข่ายงานที่ท่านมีความสัมพันธ์ด้วย
แล้วหาทางให้เพื่อนร่วมงานได้เห็นถึงความสัมพันธ์ที่ท่านมีกับเครือข่ายที่อยู่นอกองค์กรเหล่านี้เมื่อมีโอกาสเหมาะสม
ผู้ที่มีภาวะผู้นำที่มีอิทธิพลต่อเพื่อนร่วมงานระดับต่างๆ
นั้นมุ่งเน้นที่จะให้เพื่อนร่วมงานได้รับการยอมรับ ยกย่อง และได้รับชื่อเสียงจากความคิดที่เขาเสนอ
ผู้นั้นเป็นผู้นำที่กระตุ้นหนุนเสริมและเปิดโอกาสให้คนในทีมงานได้แสดงความคิดเห็น แล้วตนเองมักแสดงความคิดเห็นภายหลัง เพื่อหลีกเลี่ยงการช่วงชิงการสรุปความคิดของผู้อื่นให้เป็นข้อเสนอของตนเอง แต่กลับพยายามชี้ความคิดเด่นๆ ของแต่ละคนแล้วทำหน้าที่เชื่อมโยงให้เป็นระบบคิดที่น่าสนใจเพื่อให้เป็นความคิดร่วมของเพื่อนร่วมงานที่เสนอความคิดเห็นส่วนต่างๆ
ของระบบคิด ให้คนกลุ่มนี้ได้รับ
“เครดิต” จากความคิดที่พวกเขานำเสนอ
สิ่งที่ท้าทายในกระบวนการนี้ท่านสามารถใช้นำแม้แต่ผู้นำที่อยู่ระดับเหนือท่านได้
ผู้คนร่วมงานยอมรับการนำของท่านเพราะท่านน้อมรับ สนใจ และให้คุณค่าภาวะนำทางความคิดของพวกเขา
แล้วยังช่วยเชื่อมโยงความคิดของเขาเหล่านั้นให้เป็นระบบคิดที่เด่นชัดยิ่งขึ้น และนี่เองที่พวกเขายอมรับภาวการณ์นำของท่าน
แม้แต่เจ้านายของท่านเองด้วย
พวกเขามีความเต็มใจให้การยอมรับนับถือในภาวะผู้นำของท่าน
ทุกวันนี้ การนำจากภาวะผู้นำระดับกลางในองค์กรของท่านเป็นอย่างไรบ้างครับ?
อย่างนี้ใครๆ
ก็มีภาวะผู้นำได้ทั้งนั้น ไม่มีตำแหน่งก็มีภาวะผู้นำได้ รวมทั้งท่านและผมด้วยครับ!
ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย
เชียงใหม่
E-mail:
prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น