26 สิงหาคม 2563

บุคลิกภาพที่ยิ่งใหญ่...ของผู้นำคริสตชน

ท่านศิษยาภิบาล หรือ ผู้นำคริสตจักร พระเจ้าประทานงานที่ยิ่งใหญ่เกินกว่าที่ท่านจะสามารถรับมือด้วยตนเองได้   ยิ่งผู้นำในยุค 2020 จะต้องพบว่า สถานการณ์ต่าง ๆ จะแสดงออกให้เห็นชัดถึงความจริงดังกล่าว งานที่ท่านต้องรับผิดชอบนั้นหนักหนาสาหัสเกินกำลังความสามารถของท่านเองจะรับมือได้

ในพระธรรมเนหะมีย์ได้แสดงให้เห็นชัดว่า ในภาวะวิกฤติอย่างหนักเช่นนี้ ผู้นำที่ดีจะต้องทำให้แผนงานที่ได้รับการทรงมอบหมายจากพระเจ้าให้บรรลุสำเร็จ แผนการดังกล่าวเนหะมีย์ร่วมกับประชาชนอิสราเอลสามารถทำให้สำเร็จได้ใน 52 วัน ในขณะที่แผนงานเดียวกันนี้คนตลอด 80 ปีที่ผ่านมาบอกว่าเราทำงาน “หิน” นี้สำเร็จไม่ได้ แต่เมื่อเราได้รับแรงกระตุ้นหนุนเสริมที่ถูกต้อง แผนงานที่สำคัญนี้สามารถทำให้สำเร็จได้ในเวลาสั้นเพียง 52 วัน

ในสถานการณ์ความเป็นความตาย คริสตจักรและชุมชนของท่านต้องการผู้นำแบบไหน? เนหะมีย์ได้แสดงให้เราเห็นสิ่งที่จะทำให้เราเป็นผู้นำที่เยี่ยมยอด 4 ประการด้วยกันคือ

[1] มีวัตถุประสงค์ที่สำคัญอย่างน่าสนใจ

เราต้องการวิสัยทัศน์ที่กระตุ้นให้เราขับเคลื่อนไปข้างหน้า เมื่อศัตรูของเนหะมีย์พยายามหลอกล่อให้เกิดการหลงผิดเพื่อให้เนหะมีย์ละทิ้งงานที่กำลังทำอยู่ไปหาพวกเขา เนหะมีย์ตอบว่า “ข้าพเจ้ากำลังทำงานใหญ่...” (เนหะมีย์ 6:3 มตฐ.) เนหะมีย์เป็นคนที่มีจิตใจเด็ดเดี่ยว มุ่งมั่น แน่วแน่น เขาอุทิศตนเพื่อแผนงานที่ทำ เพราะเขารู้ว่าเขากำลังทำสิ่งที่สำคัญยิ่ง

ชีวิตที่ยิ่งใหญ่เกิดขึ้นได้เมื่อคน ๆ นั้นอุทิศตนเพื่อสิ่งที่สำคัญยิ่งใหญ่ และสิ่งที่สำคัญที่สุดในที่นี้คือ “แผ่นดินของพระเจ้า” (การปกครอง การครอบครองของพระเจ้า) ผู้นำหลายคนมีจิตใจวอกแวก-ไขว้เขว ไปสนใจในเรื่องที่ไร้สาระสำคัญ ถ้าเราจะนำคริสตจักรของพระคริสต์ให้บรรลุความสำเร็จการงานที่ยิ่งใหญ่ เราต้องเริ่มต้นด้วยการเห็นแผ่นดินของพระเจ้าในงานที่เราต้องทำ และเห็นว่าเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ส่วนเรื่องอื่น ๆ นั้นให้ตามหลังแผ่นดินของพระเจ้า

[2] การเห็นและเข้าใจอย่างชัดเจน

ในฐานะผู้นำ เราจำเป็นต้องสามารถมองให้เห็นล่วงหน้าและเท่าทันถึงความทุกข์ยากลำบากที่ยังมาไม่ถึง เวลาที่เรากำลังทำสิ่งใหญ่สิ่งสำคัญ ปัญหาความยากลำบากจะเข้ามาหาเราเสมอ เนหะมีย์มีความชาญฉลาดและมีสายตาที่คมกริบอย่างไม่น่าเชื่อ ทุกครั้ง เมื่อมี “กับดัก” เขาสามารถรับรู้ได้ล่วงหน้า รู้เท่าทันสิ่งที่จะเกิดขึ้น 

ตัวอย่างเช่น เขาสามารถรู้ล่วงหน้าได้ว่าศัตรูของเขาวางแผนที่จะทำร้ายเขา “...พวกเขาเจตนาจะทำอันตรายข้าพเจ้า” (เนหะมีย์ 6:2 มตฐ.) เมื่อศัตรูกลุ่มเดิมนี้กล่าวร้ายเนหะมีย์ว่า ตั้งตัวเป็นกษัตริย์กบฏต่อกษัตริย์เปอร์เซีย  เนหะมีย์กล่าวว่า “เพราะพวกเขาต้องการที่จะให้เราตกใจ...” (6:9 มตฐ.)

เนหะมีย์รู้ได้อย่างไร? เพราะเขาเป็นคนที่สามารถมองเห็นและรู้เท่าทันสิ่งที่อยู่ข้างหน้าด้วยการทรงชี้นำของพระเจ้า  และพระปัญญาของพระองค์ เพราะเขาติดสนิทกับพระเจ้าเสมอ

ในฐานะผู้นำ จำเป็นต้องมีความสามารถที่จะมองเห็นเท่าทันภัยที่รออยู่ข้างหน้า และมีทางเดียวที่เราจะได้สิ่งนี้ตามที่ยากอบบอกแก่เราว่า  “[5] แต่ถ้าใครในพวกท่านขาดสติปัญญา ให้คนนั้นทูลขอจากพระเจ้าผู้ประทานให้กับทุกคนด้วยพระทัยกว้างขวางและไม่ทรงตำหนิ...” (ยากอบ 1:5 มตฐ.) เมื่อเราใช้เวลาในการศึกษาพระวจนะของพระเจ้า เรากำลังรับเอาความคิดแบบพระคริสต์และมุมมองแบบพระองค์ เราจึงเป็นผู้นำที่สามารถมองการณ์ไกลได้ อย่างพระคริสต์  

[3] อธิษฐานอย่างต่อเนื่อง

คงไม่เป็นการกล่าวเกินเลยว่า “เนหะมีย์เสพติดการอธิษฐาน” การอธิษฐานคือสิ่งแรกในการตอบสนองในทุกเรื่องที่เขาประสบไม่ว่าเขาจะต้องพบกับอะไรก็ตาม น่าสังเกตว่า ใน เนหะมีย์ บทที่ 6 เขาไม่ได้ปกป้องตนเอง หรือ ทำการตอบโต้แก้เผ็ด เมื่อเขาถูกกล่าวหาผิด ๆ เขาเพียงตอบศัตรูว่าสิ่งที่พวกเขากล่าวหานั้นมิใช่ความจริง แล้วอธิษฐานต่อพระเจ้าในเรื่องนั้น

สิ่งนี้เป็นสิ่งที่เราในฐานะผู้นำพึงกระทำด้วย เมื่อคนกล่าวหาท่านอย่างผิด ๆ ในฐานะที่ท่านเป็นผู้นำ ท่านไม่จำเป็นต้องปกป้องตนเองเสียยืดยาว เพียงบอกกับเขาว่า “เรื่องนั้นไม่จริง” จากนั้นนำเรื่องนั้นทูลต่อพระเจ้า 

[4] การอดทนอย่างเด็ดเดี่ยวกล้าหาญ

เมื่อท่านต้องทำงานใหญ่ในคริสตจักร หรือ ในชุมชนของท่าน อย่ายอมแพ้ง่าย ๆ ให้เราดำเนินการตามแผนงานนั้นอย่างต่อเนื่องตามที่พระเจ้าประสงค์ให้เราทำ มิใช่เพียงแต่แสดงออกว่าเรากล้าหาญในเวลาที่ยากลำบากเท่านั้น   เพราะการที่เรามีความกล้าหาญไม่ได้หมายความว่า เราไม่มีความกลัว แต่ความกล้าหาญเป็นการที่เราก้าวไปข้างหน้าแทนที่จะหลบซ่อนเก็บตัวด้วยความกลัว (แม้ขณะนั้นยังมีความกลัวอยู่ก็ตาม)

ในข้อที่ 11 เนหะมีย์กล่าวว่า “... คนอย่างข้าพเจ้ามีหรือจะหนี? คนอย่างข้าพเจ้าหรือจะหนีเข้าไปในพระวิหารเพื่อเอาชีวิตรอด? ข้าพเจ้าไม่ไป!” แน่นอนว่า เนหะมีย์รู้สึกกลัวด้วย เขารู้ว่าชีวิตของตนตกอยู่ในอันตราย แต่เขาก็รู้ด้วยว่าเขากำลังที่จะไปถึงหลักชัย เขาปฏิเสธที่จะหลบหนี

ไม่ใช่พระประสงค์ของพระเจ้าแน่ที่จะให้ท่านวิ่งหนีจากสถานการณ์ที่ยากลำบาก ตรงกันข้าม  พระเจ้าต้องการให้เราเผชิญหน้ากับความทุกข์ยากลำบากในขณะที่เราติดตามกระทำในสิ่งที่ดีที่สุดต่อคริสตจักรและชุมชน

ให้เราพิจารณาผู้นำตลอดประวัติศาสตร์ในพระคัมภีร์จนถึงปัจจุบัน เราสามารถประมวลและสังเคราะห์ได้เป็น 4 คุณลักษณะหลักของผู้นำที่มุ่งหน้าไปสู่เป้าหมายปลายทางที่พระเจ้าประทานแก่เขา

โดยท่านสามารถถามตนเองว่า:

1) ท่านมีจุดประสงค์ที่สำคัญและน่าสนใจที่กระตุ้นหนุนเสริมและดันให้ท่านมุ่งไปข้างหน้าหรือไม่?

2) ท่านมีความรู้สึกไวทางจิตวิญญาณ และ รู้เท่าทันต่อสถานการณ์ที่ท่านต้องเผชิญหน้าอย่างไรบ้าง?

3) ท่านได้อธิษฐานอย่างสม่ำเสมอสำหรับงานที่พระเจ้าทรงเรียกให้ท่านทำหรือไม่?

4) ท่านยืนหยัดเด็ดเดี่ยวในการทำตามพระประสงค์ของพระเจ้าอย่างกล้าหาญหรือไม่?

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.emmaus@gmail.com; 081-2894499



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น