ในที่นี้ผมไม่ได้หมายรวมถึง
เมื่อตื่นนอนแล้วต้องเข้าห้องน้ำ หรือสำหรับบางคนเดินตรงไปยังห้องครัวต้มน้ำร้อนชงกาแฟก่อนที่จะทำอะไร(ผมเป็นต้น) แต่ในที่นี้ผมหมายถึงว่าเราจะเริ่มทำงานของเราในครึ่งชั่วโมงของการเริ่มต้นงานวันใหม่ของเราอย่างไรมากกว่าครับ
ในยุคที่ไอทีเข้ามาครอบงำชีวิตจนเราคุ้นชิน
และยิ่งกว่านั้นเราอาจจะถูกความเจริญก้าวหน้าด้านนี้ครอบงำการดำเนินชีวิต
และ ระบบคุณค่าชีวิตของเรา ผมคุยกับเพื่อนหลายคนพบว่ามีอะไรๆ
คล้ายๆ กันเช่น
ชงกาแฟแล้วก็เดินมาที่โต๊ะทำงานจากนั้นก็เปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ เมื่อรอมันบู๊ทเครื่อง ก็ฉวยเอาโทรศัพท์มาเขี่ยๆ แตะๆ ดูว่า
ในช่วงที่เรานอนหลับไปนั้นมีอะไรเข้ามาในเครื่องของเราบ้าง
ก็พอดีกับเครื่องคอมฯ บู๊ทเสร็จ เข้าไปตรวจอีเมล์ ดูจดหมาย
เปิดอ่าน
อ่านข่าวคราวทางอินเตอร์เน็ท
ข้อมูลข่าวสารจากสิ่งต่างๆ เหล่านี้เริ่มไหลล้นทับถมเข้ามาในสมองของเรา มีทั้งข้อมูลขยะ ข้อมูลหลอกล่อชักชวน ข้อมูลกวนอกกวนใจ เราอาจจะรู้ตัวและไม่รู้ตัวก็ปรากฏว่าอารมณ์ความรู้สึกของเราถูกครอบงำจากข้อมูลจิปาถะเหล่านั้น มีอีกหลายข้อมูลที่น่าสนใจที่ดึงให้เราไปสนใจและลงมือทำในสิ่งนั้น
ปรากฏว่า
ข้อมูลเหล่านี้กลายเป็นตัวที่เข้ามาครอบงำควบคุมการคิด การตัดสินใจ แผนงานที่เราจะทำในวันนี้ไปเสียแล้ว (อย่า)เริ่มต้นวันใหม่ด้วยการถูกข้อมูลจากไอทีจูง(จมูก)เราไป? กว่าจะรู้ตัวก็ตอนหลังอาหารเช้า
ว่าเช้านี้เราหมดเวลากับการติดตามข้อมูลในไอที
นอกจากเราได้เสีย “30 นาทีทอง” ของวันนี้ไปแล้ว
ยังสิ้นเปลืองเวลายามเช้าไปอีกประมาณอย่างน้อยหนึ่งชั่วโมง!
สามสิบนาทีทองของคริสตชน
สิ่งหนึ่งที่เราน่าจะทำในช่วง “30 นาทีทอง” ของวันใหม่ที่พระเจ้าประทานแก่เรานั้นคือ การที่เราจะเข้าใกล้ชิดพระองค์
เพื่อขอบพระคุณสำหรับเวลาที่ประทานแก่เราแล้ว ยังเป็นโอกาสทองที่เราจะปรึกษาพระองค์ว่า ในวันนี้เราจะมีโอกาสทำในสิ่งที่ตอบสนองต่อพระประสงค์ของพระองค์ผ่านชีวิตการงานประจำวันได้อย่างไรบ้าง หรือเราจะเรียกว่า
เราวางแผนการวันนี้ของเราร่วมกับพระองค์ก็ว่าได้
ให้เราเริ่ม 30
นาทีทองของวันใหม่ด้วยการมีความคิดที่ชัดเจนว่า
สิ่งที่สำคัญที่สุดที่เราจะต้องทำให้สำเร็จของวันนี้คืออะไร เราเริ่มต้น 30
นาทีทองของวันใหม่ด้วยการคิดล่วงหน้าว่า
เราต้องการทำอะไรบ้างให้สำเร็จอย่างเป็นรูปธรรมในวันนี้ นี่เป็น 30
นาทีของการคิดล่วงหน้าก่อนทำอะไร
เป็นการวางแผนงานวันใหม่ให้ชัดเจน
การที่เรามีแผนงานที่ชัดเจนในแต่ละวันที่ต้องการทำให้เกิดผลงานอะไรขึ้นบ้างอย่างชัดเจน จะช่วยให้เราไม่ถูกสิ่งเร้า หรือ
สิ่งหลอกล่อรอบด้าน
มาทำให้จิตใจของเราวอกแวกไปทำอะไรต่อมิอะไรตามสิ่งหลอกล่อเหล่านั้น
แต่แผนงานในวันนั้นจะช่วยให้เราชัดเจนว่าวันนี้เราต้องทำสิ่งที่สำคัญที่สุดให้สำเร็จอะไรบ้าง
ในที่นี้เราต้องแยกแยะให้ชัดเจนว่า อะไรที่เรา รู้สึก ว่าเป็นที่สำคัญต้องทำให้สำเร็จ กับอะไรเป็นสิ่งที่ ต้องทำให้สำเร็จจริงๆ ในวันนี้
มิเช่นนั้นเรามักมีแนวโน้มที่จะฉวยทำสิ่งที่ใกล้มือ หรือ สิ่งที่เรารู้สึกมากกว่า
จากนั้น
ให้พิจารณาว่า
ถ้าเราต้องการทำให้สิ่งสำคัญที่แท้จริงในวันนี้ให้สำเร็จเกิดผลตามที่กำหนด เราต้องมีขั้นตอนและวิธีการทำอย่างไรบ้าง ขั้นตอนนี้เป็นการแยกแยะวิเคราะห์ถึงวิธีการและกระบวนการที่นำไปสู่การกระทำให้สำเร็จ เนื่องจากในขั้นตอนนี้เป็นการมุ่งเน้น
“การกระทำ”
ให้สำเร็จเกิดผลตามที่กำหนดดังนั้นแผนงานแต่ละขั้นตอนให้เราพุ่งความสนใจไปที่
“คำกริยา”
ตัวอย่างเช่น
สิ่งสำคัญที่ผมจะต้องทำให้สำเร็จในวันนี้คือการจัดทำรายงานเรื่อง
“คริสตจักรต้นแบบในโครงการ 1979/05”
เพื่อนำเสนอต่อศิษยาภิบาลที่มาร่วมในหลักสูตรอภิบาลศิลป์ในวันจันทร์หน้า จากนั้น
ผมก็กำหนดขั้นตอนต่างๆ ที่ผมจะต้องดำเนินการในวันนี้ เพื่อให้ได้ชิ้นงานที่ผมกำหนด ดังนี้
รวบรวมประมวลข้อมูล ที่ได้จากการสัมภาษณ์ศิษยาภิบาล คณะธรรมกิจ และ สมาชิกคริสตจักร...
แยกแยะวิเคราะห์ข้อมูล เหล่านั้นออกเป็นประเด็นต่างๆ ดังนี้
- ประวัติความเป็นมาการเข้าร่วมโครงการ 1979 ของคริสตจักร
- ผลที่ได้รับจากการเข้าร่วมโครงการ 1979/05
- สาเหตุที่ทำให้ตัดสินใจออกจาการร่วมในโครงการ 1979/05
- ขั้นตอนการเตรียมตัวออกจากโครงการ 1979/05 ของคริสตจักร
- ผลที่เกิดขึ้นจากการออกจากโครงการ 1979/05 สู่การเป็นคริสตจักรบริหารจัดการด้วยตนเองฯ
- ปัจจัยและเงื่อนไขที่นำสู่การเป็นคริสตจักรบริหารจัดการชีวิตและทำพันธกิจด้วยตนเอง
เขียนรายงาน
เรื่อง “คริสตจักรต้นแบบในโครงการ 1979/05”
สร้างสไลด์ ชุดคริสตจักรต้นแบบในโครงการ 1979/05 เพื่อใช้นำเสนอในวันจันทร์หน้า
ดังนั้น ผมจะเห็นว่าเมื่อเราเขียนวิธีการ และ
ขั้นตอนที่จะต้องทำเราพบว่ามีคำกริยาที่สำคัญ 4 คำคือ รวบรวมประมวลข้อมูล, แยกแยะวิเคราะห์ข้อมูล, เขียนรายงาน
และ สร้างสไลด์ คำกริยาเหล่านี้นี่เองที่บอกกับผมว่าวันนี้ผมต้องทำอะไรบ้าง
แต่เนื่องผมเห็นว่าเนื้องานมีมากเกินกว่าที่ผมจะทำเสร็จใน 1 วัน ผมจึงแบ่งเป็นงาน 2 วัน โดยกำหนดชัดเจนว่า ชิ้นงานที่ต้องสำเร็จในวันนี้คือ การรวบรวมประมวลข้อมูล และ
การแยกแยะวิเคราะห์ข้อมูล
ส่วนการเขียนรายงาน และ การสร้างสไลด์ให้ทำในวันถัดไปให้เสร็จ
ขอเน้นย้ำว่า
ยิ่งเรากำหนดวิธีการและขั้นตอนชัดเจนมากแค่ไหน ทำให้เราสามารถประเมินว่าวันนี้เราจะทำอะไรให้สำเร็จได้บ้าง
และเราสามารถที่จะวัดผลงานแต่ละวันของเราอย่างเฉพาะเจาะจง
ยิ่งกว่านั้นเราสามารถที่จะถอดบทเรียนรู้จากประสบการณ์ในการทำงานของเราในแต่ละวันทั้งที่สำเร็จและล้มเหลว
ด้วยการใช้ 30 นาทีทอง ที่พระเจ้าประทานให้เราในแต่ละวัน
ที่จะติดสนิทและปรึกษาพระองค์ในการวางแผนแต่ละวันด้วย
“การอธิษฐานบนปฏิบัติการ” (Action Prayer) ทุกเช้า นอกจากจะเกิดผลสำเร็จในชีวิตแต่ละวันแล้ว เรายังเติบโต เข้มแข็ง และเกิดผลในชีวิตคริสตชนของเราเป็นประจำทุกวันด้วย
เวลาแต่ละวันเป็นของประทานจากพระเจ้า
ให้เราใช้ด้วยสำนึกในพระคุณและรับผิดชอบต่อพระองค์ ครับ!
ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น