07 กรกฎาคม 2557

เราจะใช้เวลา 30 นาทีทองของวันใหม่อย่างไรดี?

ในที่นี้ผมไม่ได้หมายรวมถึง เมื่อตื่นนอนแล้วต้องเข้าห้องน้ำ   หรือสำหรับบางคนเดินตรงไปยังห้องครัวต้มน้ำร้อนชงกาแฟก่อนที่จะทำอะไร(ผมเป็นต้น)    แต่ในที่นี้ผมหมายถึงว่าเราจะเริ่มทำงานของเราในครึ่งชั่วโมงของการเริ่มต้นงานวันใหม่ของเราอย่างไรมากกว่าครับ

ในยุคที่ไอทีเข้ามาครอบงำชีวิตจนเราคุ้นชิน  และยิ่งกว่านั้นเราอาจจะถูกความเจริญก้าวหน้าด้านนี้ครอบงำการดำเนินชีวิต และ ระบบคุณค่าชีวิตของเรา    ผมคุยกับเพื่อนหลายคนพบว่ามีอะไรๆ คล้ายๆ กันเช่น   ชงกาแฟแล้วก็เดินมาที่โต๊ะทำงานจากนั้นก็เปิดเครื่องคอมพิวเตอร์   เมื่อรอมันบู๊ทเครื่อง   ก็ฉวยเอาโทรศัพท์มาเขี่ยๆ แตะๆ ดูว่า   ในช่วงที่เรานอนหลับไปนั้นมีอะไรเข้ามาในเครื่องของเราบ้าง

ก็พอดีกับเครื่องคอมฯ บู๊ทเสร็จ   เข้าไปตรวจอีเมล์  ดูจดหมาย  เปิดอ่าน  อ่านข่าวคราวทางอินเตอร์เน็ท   ข้อมูลข่าวสารจากสิ่งต่างๆ เหล่านี้เริ่มไหลล้นทับถมเข้ามาในสมองของเรา   มีทั้งข้อมูลขยะ  ข้อมูลหลอกล่อชักชวน   ข้อมูลกวนอกกวนใจ    เราอาจจะรู้ตัวและไม่รู้ตัวก็ปรากฏว่าอารมณ์ความรู้สึกของเราถูกครอบงำจากข้อมูลจิปาถะเหล่านั้น   มีอีกหลายข้อมูลที่น่าสนใจที่ดึงให้เราไปสนใจและลงมือทำในสิ่งนั้น

ปรากฏว่า  ข้อมูลเหล่านี้กลายเป็นตัวที่เข้ามาครอบงำควบคุมการคิด การตัดสินใจ  แผนงานที่เราจะทำในวันนี้ไปเสียแล้ว   (อย่า)เริ่มต้นวันใหม่ด้วยการถูกข้อมูลจากไอทีจูง(จมูก)เราไป?   กว่าจะรู้ตัวก็ตอนหลังอาหารเช้า ว่าเช้านี้เราหมดเวลากับการติดตามข้อมูลในไอที   นอกจากเราได้เสีย “30 นาทีทอง” ของวันนี้ไปแล้ว   ยังสิ้นเปลืองเวลายามเช้าไปอีกประมาณอย่างน้อยหนึ่งชั่วโมง!

สามสิบนาทีทองของคริสตชน

สิ่งหนึ่งที่เราน่าจะทำในช่วง “30 นาทีทอง” ของวันใหม่ที่พระเจ้าประทานแก่เรานั้นคือ   การที่เราจะเข้าใกล้ชิดพระองค์   เพื่อขอบพระคุณสำหรับเวลาที่ประทานแก่เราแล้ว   ยังเป็นโอกาสทองที่เราจะปรึกษาพระองค์ว่า   ในวันนี้เราจะมีโอกาสทำในสิ่งที่ตอบสนองต่อพระประสงค์ของพระองค์ผ่านชีวิตการงานประจำวันได้อย่างไรบ้าง    หรือเราจะเรียกว่า เราวางแผนการวันนี้ของเราร่วมกับพระองค์ก็ว่าได้

ให้เราเริ่ม 30 นาทีทองของวันใหม่ด้วยการมีความคิดที่ชัดเจนว่า   สิ่งที่สำคัญที่สุดที่เราจะต้องทำให้สำเร็จของวันนี้คืออะไร   เราเริ่มต้น 30 นาทีทองของวันใหม่ด้วยการคิดล่วงหน้าว่า  เราต้องการทำอะไรบ้างให้สำเร็จอย่างเป็นรูปธรรมในวันนี้   นี่เป็น 30 นาทีของการคิดล่วงหน้าก่อนทำอะไร   เป็นการวางแผนงานวันใหม่ให้ชัดเจน

การที่เรามีแผนงานที่ชัดเจนในแต่ละวันที่ต้องการทำให้เกิดผลงานอะไรขึ้นบ้างอย่างชัดเจน  จะช่วยให้เราไม่ถูกสิ่งเร้า หรือ สิ่งหลอกล่อรอบด้าน มาทำให้จิตใจของเราวอกแวกไปทำอะไรต่อมิอะไรตามสิ่งหลอกล่อเหล่านั้น   แต่แผนงานในวันนั้นจะช่วยให้เราชัดเจนว่าวันนี้เราต้องทำสิ่งที่สำคัญที่สุดให้สำเร็จอะไรบ้าง

ในที่นี้เราต้องแยกแยะให้ชัดเจนว่า   อะไรที่เรา รู้สึก ว่าเป็นที่สำคัญต้องทำให้สำเร็จ   กับอะไรเป็นสิ่งที่  ต้องทำให้สำเร็จจริงๆ ในวันนี้   มิเช่นนั้นเรามักมีแนวโน้มที่จะฉวยทำสิ่งที่ใกล้มือ หรือ สิ่งที่เรารู้สึกมากกว่า

จากนั้น  ให้พิจารณาว่า   ถ้าเราต้องการทำให้สิ่งสำคัญที่แท้จริงในวันนี้ให้สำเร็จเกิดผลตามที่กำหนด   เราต้องมีขั้นตอนและวิธีการทำอย่างไรบ้าง   ขั้นตอนนี้เป็นการแยกแยะวิเคราะห์ถึงวิธีการและกระบวนการที่นำไปสู่การกระทำให้สำเร็จ   เนื่องจากในขั้นตอนนี้เป็นการมุ่งเน้น “การกระทำ” ให้สำเร็จเกิดผลตามที่กำหนดดังนั้นแผนงานแต่ละขั้นตอนให้เราพุ่งความสนใจไปที่ “คำกริยา”

ตัวอย่างเช่น   สิ่งสำคัญที่ผมจะต้องทำให้สำเร็จในวันนี้คือการจัดทำรายงานเรื่อง “คริสตจักรต้นแบบในโครงการ 1979/05”  เพื่อนำเสนอต่อศิษยาภิบาลที่มาร่วมในหลักสูตรอภิบาลศิลป์ในวันจันทร์หน้า  จากนั้น   ผมก็กำหนดขั้นตอนต่างๆ ที่ผมจะต้องดำเนินการในวันนี้   เพื่อให้ได้ชิ้นงานที่ผมกำหนด ดังนี้

รวบรวมประมวลข้อมูล ที่ได้จากการสัมภาษณ์ศิษยาภิบาล คณะธรรมกิจ และ สมาชิกคริสตจักร...  

แยกแยะวิเคราะห์ข้อมูล เหล่านั้นออกเป็นประเด็นต่างๆ ดังนี้
  • ประวัติความเป็นมาการเข้าร่วมโครงการ 1979 ของคริสตจักร
  • ผลที่ได้รับจากการเข้าร่วมโครงการ 1979/05
  • สาเหตุที่ทำให้ตัดสินใจออกจาการร่วมในโครงการ 1979/05
  • ขั้นตอนการเตรียมตัวออกจากโครงการ 1979/05 ของคริสตจักร
  • ผลที่เกิดขึ้นจากการออกจากโครงการ 1979/05 สู่การเป็นคริสตจักรบริหารจัดการด้วยตนเองฯ
  • ปัจจัยและเงื่อนไขที่นำสู่การเป็นคริสตจักรบริหารจัดการชีวิตและทำพันธกิจด้วยตนเอง


เขียนรายงาน เรื่อง “คริสตจักรต้นแบบในโครงการ 1979/05

สร้างสไลด์ ชุดคริสตจักรต้นแบบในโครงการ 1979/05  เพื่อใช้นำเสนอในวันจันทร์หน้า                                           

ดังนั้น  ผมจะเห็นว่าเมื่อเราเขียนวิธีการ และ ขั้นตอนที่จะต้องทำเราพบว่ามีคำกริยาที่สำคัญ 4 คำคือ  รวบรวมประมวลข้อมูล,  แยกแยะวิเคราะห์ข้อมูล,  เขียนรายงาน  และ  สร้างสไลด์   คำกริยาเหล่านี้นี่เองที่บอกกับผมว่าวันนี้ผมต้องทำอะไรบ้าง   แต่เนื่องผมเห็นว่าเนื้องานมีมากเกินกว่าที่ผมจะทำเสร็จใน 1 วัน   ผมจึงแบ่งเป็นงาน 2 วัน   โดยกำหนดชัดเจนว่า   ชิ้นงานที่ต้องสำเร็จในวันนี้คือ   การรวบรวมประมวลข้อมูล  และ  การแยกแยะวิเคราะห์ข้อมูล   ส่วนการเขียนรายงาน และ การสร้างสไลด์ให้ทำในวันถัดไปให้เสร็จ

ขอเน้นย้ำว่า   ยิ่งเรากำหนดวิธีการและขั้นตอนชัดเจนมากแค่ไหน   ทำให้เราสามารถประเมินว่าวันนี้เราจะทำอะไรให้สำเร็จได้บ้าง   และเราสามารถที่จะวัดผลงานแต่ละวันของเราอย่างเฉพาะเจาะจง   ยิ่งกว่านั้นเราสามารถที่จะถอดบทเรียนรู้จากประสบการณ์ในการทำงานของเราในแต่ละวันทั้งที่สำเร็จและล้มเหลว

ด้วยการใช้ 30 นาทีทอง ที่พระเจ้าประทานให้เราในแต่ละวัน   ที่จะติดสนิทและปรึกษาพระองค์ในการวางแผนแต่ละวันด้วย “การอธิษฐานบนปฏิบัติการ” (Action Prayer) ทุกเช้า   นอกจากจะเกิดผลสำเร็จในชีวิตแต่ละวันแล้ว   เรายังเติบโต เข้มแข็ง และเกิดผลในชีวิตคริสตชนของเราเป็นประจำทุกวันด้วย

เวลาแต่ละวันเป็นของประทานจากพระเจ้า   ให้เราใช้ด้วยสำนึกในพระคุณและรับผิดชอบต่อพระองค์ ครับ!

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น