สะพานแห่งชีวิตเชื่อมต่อปัจจุบันของเราไปยังอนาคต
ที่นำเราค้นพบกับสิ่งใหม่ๆ
ความสัมพันธภาพใหม่ๆ
โอกาสใหม่ๆ
การตัดสินใจข้ามสะพานใดย่อมนำเราไปสู่การเปลี่ยนแปลง
ดังนั้น การตัดสินใจข้าม
“สะพานชีวิต” จึงเป็นการตัดสินใจเผชิญหน้ากับการเปลี่ยนแปลงในชีวิต
การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวย่อมทำให้เรารู้สึกไม่สะดวกสบาย ไม่คุ้นชิน
อาจจะไม่พอใจด้วยซ้ำ
เราจึงถูกดึงระหว่างการที่จะแช่อยู่ในสภาพเดิม
กับ การกล้าก้าวข้ามไปสู่สภาพที่เรายังไม่รู้จักมักคุ้น
และบ่อยครั้ง...เราดึงตนเองกลับไปสู่สภาพเดิมที่เราคุ้นชิน
รู้สึกสะดวกสบาย ปลอดภัย!
ทั้งนี้เกิดจากการที่เราขาดการประเมินให้รู้และเข้าใจถ่องแท้ว่า
การก้าวข้ามสะพานชีวิตไปสู่สิ่งใหม่นั้น...
เราไม่ได้เข้าสู่
“สิ่งใหม่” ที่เราอยากได้ อยากเป็น และอยากอยู่...ทันที
แต่เมื่อข้ามสะพานที่นำสู่การเปลี่ยนแปลงแล้ว
...
เรายังต้องก้าวเดินอีกยาวไกลกว่าถึงเป้าหมายปลายทาง
อย่างที่ C.S.
Lewis กล่าวไว้ว่า
“...เรายังต้องก้าวเดินไปอีกไกลแสนไกล ไกลกว่าเส้นทางที่เราเคยผ่านพบมา”
การก้าวเดินข้ามสะพานนั้นขึ้นอยู่กับการตัดสินใจ
แต่หลังการข้ามสะพานแล้วต่างหากที่ยาก...
เพราะเราต้องยอมรับการเปลี่ยนแปลง เราต้องอดทน บากบั่น เราต้องเป็นผู้ให้
เราต้องยอมรับการขัดเกลาชีวิตให้สอดคล้องกับ
สิ่งใหม่ สภาพใหม่ และชีวิตใหม่
พระเยซูคริสต์เข้ามายังสังคมโลกนี้ด้วยการเป็นคนรับใช้
และ ให้ชีวิตแก่คนอื่น
แต่คริสตชนกลับประกาศพระกิตติคุณด้อยค่าดั๊มราคาให้ถูกๆ
ไว้...
ถ้ายอมรับเชื่อพระเยซูคริสต์ รับบัพติสมา
แล้วท่านจะได้ไปสวรรค์
ชีวิตที่สะดวกสบาย อู้ฟู้
ถนนปูด้วยทองคำ...
ไม่ได้บอกชี้ความจริงว่าระหว่างเส้นที่รับเชื่อไปถึงแผ่นดินสวรรค์นั้น...
จะต้องผ่านเส้นทางชีวิตแบบไหน จะต้องรับการขัดเกลาและเปลี่ยนแปลงอะไรจากเบื้องบน
ไม่ได้เน้นย้ำว่า...ชีวิตต้องเปลี่ยนแปลง แต่เน้นย้ำว่า ชีวิตจะได้ความสุข สะดวกสบาย
เป็นการประกาศพระกิตติคุณแบบการตลาด ที่บอกเพียงความจริงด้านผลประโยชน์แก่ผู้บริโภค
พระคริสต์กระทำทุกอย่างเพื่อจะรับใช้
และ ให้ชีวิตแก่คนอื่น
แต่เราที่เรียกตนเองว่าสาวกพระคริสต์กลับแสวงหาที่จะได้ ที่จะมีอำนาจ
และตำแหน่งหรือไม่?
พระคริสต์เตือนคนที่จะติดตามพระองค์ให้ประเมินตนก่อนการตัดสินใจ
พระองค์เตือนให้คิดคำนวนก่อนที่จะสร้างบ้าน
(ลูกา 14:28)
พระองค์เตือนเราให้ประเมินกำลังให้ดีก่อนที่คิดจะยกทัพไปสู้รบกับคนอื่น
(ลูกา 14:31)
หรือเราจะเป็นเหมือนชนชาติอิสราเอลที่ออกจากการเป็นทาสในอียิปต์
ที่ก้าวข้าม
“ทะเลแดง” ออกจากการเป็นทาสในอียิปต์สู่แผ่นดินแห่งพระสัญญา
พวกเขาคิดถึง
“แผ่นดินที่มีน้ำผึ้งและอุดมด้วยน้ำนม”
(กันดารวิถี 16:14;
โยชูวา 5:6)
แต่ไม่ได้คิดถึงเส้นทางในถิ่นทุรกันดารที่จะเปลี่ยนแปลง
เสริมสร้างชีวิตของตนขึ้นใหม่
ฝัดร่อนพวกเขาให้มีชีวิตที่เหมาะสมสอดคล้องกับแผ่นดินแห่งพระสัญญา
เมื่อต้องพบกับความทุกข์ยากลำบาก
เผชิญหน้ากับวิกฤติ
สิ่งที่พวกเขาคิดถึงคือ ความคิดที่จะดึงตนเองกลับไปเป็นทาสในอียิปต์อย่างเดิมดีกว่า
(อพยพ 16:3)
แม้ที่อียิปต์ต้องพบกับความทุกข์ยากลำบาก แต่ได้อาหาร
มีหม้อเนื้อร้อนๆ รอให้กิน(บริโภค)
วันนี้ก่อนที่เราจะก้าวข้าม
“สะพานแห่งชีวิต”
เราจำเป็นต้องตระหนักชัดว่า การก้าวสู่สิ่งใหม่ โอกาสใหม่
สัมพันธภาพใหม่ และชีวิตใหม่
แต่สิ่งสำคัญคือเราต้องรับการเปลี่ยนแปลง
และต้องมีการเปลี่ยนแปลงในตัวและชีวิตของเราก่อน
ประเมิน
และ ถามใจตนเองก่อนจะตัดสินใจข้ามสะพานชีวิตในวันนี้
มิเช่นนั้นเราอาจจะต้องเป็นเหมือนชาวนา
“ที่จับคันไถแล้วหันกลับ”
ที่พระเยซูบอกว่า ไม่เหมาะสมกับการเป็นสาวกของพระองค์ (ลูกา 9:62)
ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น