อ่านลูกา 6:27-28; 1โครินธ์ 13:3-7
ความรักเมตตาที่พระคริสต์บัญชาให้เราสำแดงออกเป็นรูปธรรมในชีวิตประจำวัน มิใช่เป็นเพียงความตั้งอกตั้งใจ ความรู้สึกดี
ท่ามกลางสถานการณ์ที่มื่นชื่น หรือการร้องรำทำเพลงให้สนุกด้วยกัน
แต่ความรักเมตตาที่พระคริสต์ทรงเป็นแบบอย่างและบัญชาให้เรากระทำเป็นความรักเมตตาที่สำแดงออกเป็นรูปธรรมท่ามกลางสถานการณ์ความขัดแย้ง ท่ามกลางสถานการณ์เอารัดเอาเปรียบ ท่ามกลางเหตุการณ์ที่ทำร้ายทำลายกัน และแม้แต่การสำแดงความรักเมตตาต่อผู้ที่ไม่หวังดี ที่ทำร้าย
ต่อศัตรูคู่อาฆาต แม้แต่ต่อคู่แข่งของเรา
“แต่เราบอกพวกท่านที่กำลังฟังอยู่ว่า จงรักศัตรูของท่าน
จงทำดีกับคนที่เกลียดชังท่าน จงอวยพรแก่คนที่แช่งด่าท่าน
จงอธิษฐานเผื่อคนที่ทำร้ายท่าน”(ลูกา 6:27-28
มตฐ.) ความรักเมตตาที่พระคริสต์ประสงค์ให้เรากระทำต่อกันและกันคือแนวทางของการบริหารจัดการความขัดแย้งแบบคริสตชน
เปาโลกล่าวว่า
“ความรักย่อมอดทนนาน
ความรักคือความเมมตา ไม่อิจฉา ไม่อวดตัว
ไม่หยิ่งผยอง ไม่หยาบคาย ไม่เห็นแก่ตัว
ไม่ฉุนเฉียว ไม่จดจำความผิด ความรักไม่ปิติยินดีในความชั่ว แต่ชื่นชมยินดีในความจริง ความรักปกป้องคุ้มครองเสมอ ไว้วางใจเสมอ มีความหวังอยู่เสมอ และอดทนบากบั่นอยู่เสมอ” (1โครินธ์ 13:4-7 อมต.)
ท่านคงจำได้ว่า
พระคัมภีร์ข้อก่อนที่เราอ่านข้างต้นคือ 1โครินธ์ 13:3 เปาโลเตื“แม้ข้าพเจ้ายกทรัพย์สินทั้งหมดให้คนยากไร้ และยอมพลีกายให้เอาไปเผาไฟ แต่ไม่มีความรักก็เปล่าประโยชน์” (อมต.) เช่นเดียวกันแม้เราจะพยายามสร้างการปรองดอง ทำให้เกิดสมานฉันท์ และพยายามทำให้เกิดศานติภาพ แต่ปราศจากความรักเมตตา สิ่งที่ทำไปเป็นเพียงภาพลวงตาและฉาบฉวย ที่สวมหน้ากากเข้าหากัน การปรองดองและศานติภาพที่เราคาดหวังจะไม่เกิดขึ้นเป็นจริงและยั่งยืนได้เลย อนเราว่า
แม้การกระทำที่ดียอดเยี่ยม
ที่บริสุทธิ์สุดๆ จะไร้ค่าด้อยราคาอย่างสิ้นเชิง ถ้าการกระทำนั้นมิได้กระทำด้วยจิตใจที่เปี่ยมด้วยความรักเมตตา
การสร้างการปรองดองสันติที่ปราศจากความรักเมตตาจากส่วนลึกแห่งจิตใจ
ดีที่สุดก็เป็นแค่เทคนิควิธีที่ทำให้เกิดความสัมพันธ์ส่วนตัวที่ดีขึ้นชั่วครั้งชั่วคราว แต่ที่แย่และเลวร้ายคือ เป็นการจัดการที่เคลือบแฝงด้วยอคติ หรือแผนการที่จะเอาชนะกันเท่านั้น
การสร้างการคืนดีและศานติของคริสตชนมิได้เน้นย้ำความสำคัญที่
“เทคนิควิธีการ”
แต่เราเน้นย้ำและให้ความสำคัญที่สำรวจตรวจสอบจิตใจ ความคิด และจิตวิญญาณของเราว่า การสร้างการปรองดอง การคืนดี และศานติสุขแต่ละครั้งเรากระทำด้วยหัวใจและจิตวิญญาณแห่งความรักเมตตาที่เสียสละแบบพระคริสต์หรือไม่?
เรากระทำด้วยพลังความรักเมตตาที่มาจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่ทำงานในชีวิตของเราหรือเปล่า?
หรือเรากระทำด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจดีและสุดความสามารถของเราเองใช่ไหม?
แต่เมื่อเราเริ่มสร้างการปรองดอง เสริมการคืนดี
ด้วยการเริ่มหว่านเมล็ดแห่งศานติภาพคือความรักเมตตาที่เสียสละแบบพระคริสต์ให้งอกขึ้นทั้งสองฝ่ายที่ขัดแย้งกันแล้ว เปาโลได้ให้กำลังใจแก่เราใน 1โครินธ์ 13:7 (อมต.)ว่า
การสร้างศานติเป็นการปกป้องคุ้มครองกันและกันเสมอ
การสร้างศานติเป็นการไว้วางใจกันเสมอ
การสร้างศานติมีความหวังอยู่เสมอ
การสร้างศานติอดทนบากบั่นอยู่เสมอ
การประสานการคืนดี
และ การสร้างศานติแบบนี้จะไม่สามารถเกิดขึ้นเป็นจริงได้ถ้าคริสตชนไม่ได้กระทำร่วมงานในพระราชกิจของพระคริสต์ และด้วยการทรงเสริมเพิ่มพลังจากองค์พระวิญญาณบริสุทธิ์ให้เราสามารถที่จะรักเมตตาท่ามกลางความแปลกแยกแตกหักที่เรากำลังเผชิญหน้าอยู่
และเราเองก็ไม่สามารถที่จะช่วยให้คนสองฝ่ายกลับมาปรองดอง คืนดี
และมีศานติสุขด้วยกันได้เลย
ถ้าเรามิได้รับน้ำใจ จิตวิญญาณ
และพลังแบบพระคริสต์จากเบื้องบน
ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น