17 มีนาคม 2563

ประโยชน์ที่ได้จากการทำประวัติศาสตร์คริสตจักรท้องถิ่น

สภาคริสตจักรในประเทศไทย มีหน่วยงานประวัติศาสตร์คริสตจักรไทย และ ในหน่วยงานนี้ส่งเสริมการขุดค้นเสาะหาประวัติศาสตร์ของคริสตจักรท้องถิ่นด้วยกระบวนการการค้นหาความเป็นมาของคริสตจักรท้องถิ่นจากคำบอกเล่า เป็นงานหนึ่งที่มีความสำคัญ มีคุณค่า และคริสตชนควรให้ความสนใจอย่างมาก

แต่มีผู้ถามว่า ทำไมเราถึงต้องสืบเสาะค้นหาประวัติศาสตร์ของคริสตจักรท้องถิ่น?

ในการศึกษา เสาะหา และประมวลเรียบเรียงประวัติศาสตร์ของคริสตจักรท้องถิ่นแต่ละแห่ง นอกจากจะศึกษาความเป็นมาของคริสตจักรแล้ว สิ่งหนึ่งที่เราต้องศึกษาควบคู่ขนานไปพร้อม ๆ กับความเป็นมาของประวัติศาสตร์ของชุมชนสังคมที่คริสตจักรนั้น ๆ ตั้งอยู่ จึงทำให้เรารู้จักความเป็นมา และ อัตลักษณ์ของชุมชนนั้น ๆ และยังรู้ถึงความสัมพันธ์และผลกระทบที่มีต่อกันและกันระหว่างคริสตจักรกับชุมชนว่ามีอะไร และ เป็นอย่างไรบ้าง

โดยภาพรวมภาพใหญ่แล้ว สิ่งดีมีประโยชน์ที่เราจะได้จากการศึกษาค้นหาถึงประวัติศาสตร์ของคริสตจักรท้องถิ่น มีดังนี้

1. ช่วยให้เรารู้จัก และ เข้าใจคริสตจักรของเราดียิ่งขึ้น  

กล่าวคือช่วยให้เรารู้ว่า... คริสตจักรแห่งนี้เริ่มต้นอย่างไร? ใคร หรือ คนกลุ่มไหนที่มาตั้งรกรากในชุมชนแห่งนี้แล้วเข้ามารวมตัวกันเป็นคริสตจักร? ส่วนมากมารวมตัวกันในช่วงเวลาใด? มีสาเหตุอะไรที่ทำให้เกิดการตั้งคริสตจักรแห่งนี้ขึ้น? มีสถานการณ์อะไรหรือที่ทำให้คริสตจักรเติบโตขึ้น หรือ อ่อนแอลดน้อยถอยลง?

2. ช่วยให้เราเข้าใจวัฒนธรรมคริสตจักรของเราดียิ่งขึ้น

ประชาชนกลุ่มไหนที่เข้าร่วมก่อตั้งชุมชนคริสตจักรแห่งนี้? คนกลุ่มนี้มีประเพณี วัฒนธรรม จุดแข็ง และจุดอ่อนที่พวกเขานำเข้ามาในชุมชนคริสตจักรในเวลานั้นอะไรบ้าง? ชุมชนมองกลุ่มคนที่เข้ามาตั้งคริสตจักรในชุมชนอย่างไร? ทำไมเขาถึงถูกมองเช่นนั้น? แล้วคริสตจักรมีปฏิกิริยาต่อทัศนะของชุมชนที่มีต่อพวกเขาอย่างไร? และมีผลกระทบต่อชีวิตชุมชนคริสตจักรอย่างไรบ้างในเวลานั้น? แล้วคริสตจักรมีการปรับตัว หรือ ปรับความสัมพันธ์กับชุมชนเช่นไร? เมื่อเปรียบเทียบกับปัจจุบันนี้ความสัมพันธ์ระหว่างคริสตจักรและชุมชนเปลี่ยนแปลงแตกต่างจากเดิมในอดีตหรือไม่ เช่นไร? อะไรที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในความสัมพันธ์ดังกล่าว? อะไรที่เป็นพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และ วัฒนธรรม(วิถีชีวิต)ในเวลานั้นของชุมชน และ ของคนในคริสตจักร? มีอะไรที่เหมือน และ แตกต่างกันอย่างไรบ้าง?

3. ช่วยให้เราเข้าใจคริสตจักรอื่น ๆ ที่อยู่ในบริเวณไม่ห่างไกลจากเรา

คริสตจักรแห่งนั้น ๆ (ที่อยู่ใกล้เคียงกับคริสตจักรของเรา) เกิดการรวมตัวจากกลุ่มชนไหน? เกิดขึ้นได้อย่างไร? คริสต์ศาสนศาสตร์สายไหนที่บ่มเพาะหล่อหลอมชีวิตของคริสตจักรแห่งนั้น ๆ ? เหมือนหรือแตกต่างจากคริสตจักรของเราหรือไม่อย่างไร? คริสตจักรแห่งนั้นได้ทำพันธกิจด้านไหนบ้างในชุมชน? (เช่น พันธกิจด้านการศึกษา พันธกิจด้านการดูแลสุขภาพ การบริการชุมชน พันธกิจด้านเศรษฐกิจคนในชุมชน และ ฯลฯ) แล้วทำไมคริสตจักรถึงก่อตั้งพันธกิจบริการเหล่านั้นขึ้น? ที่ผ่านมาคริสตจักรของเรากับคริสตจักรแห่งนั้นมีความสัมพันธ์กันอย่างไรบ้าง?   ปัจจุบันมีความสัมพันธ์กันอย่างไรบ้าง?

4. ช่วยให้เรารู้จักเพื่อนบ้านของเรา

คริสตจักรของเราเข้ามาตั้งในชุมชนเมื่อมีชุมชนแล้ว หรือ คริสตจักรของเราคือผู้เริ่มก่อตั้งชุมชน? ชุมชนแห่งนี้เกิดขึ้นมาอย่างไร? ใครเป็นคนกลุ่มแรกที่เข้ามาจับจองก่อตั้งสร้างชุมชน? เป็นใครและมาจากที่ไหน? ทำไมเขาถึงเลือกมาตั้งชุมชนใหม่ในหมู่บ้านนี้? คนชุมชนในอดีตมีความคิด ความรู้สึก และ มุมมองเช่นไรต่อคริสตจักรของเรา?   ปัจจุบันนี้ ความคิด ความรู้สึก และ มุมมองของชุมชนต่อคริสตจักรเปลี่ยนแปลงไปหรือไม่อย่างไร? ทำไมถึงเปลี่ยนแปลง หรือ ไม่เปลี่ยนแปลง?

ในอดีตที่ผ่านมาคริสตจักรมองชุมชนอย่างมีอคติในด้านไหนบ้าง? และ ชุมชนมองด้วยมุมมองอคติที่มีต่อคนในคริสตจักรในเรื่องอะไรบ้าง? มีผลกระทบต่อคริสตจักรหรือไม่อย่างไร? แล้วคริสตจักรมีท่าทีต่อชุมชนอย่างไร?   แล้วชุมชนมีท่าทีต่อคริสตจักรอย่างไร? ทั้งคริสตจักรและชุมชนได้มีการปรับท่าทีและมุมมองที่มีต่อกันหรือไม่อย่างไร? มีสาเหตุอะไรที่ทำให้เกิดการปรับท่าทีใหม่ที่มีต่อกัน? ปัจจุบันนี้คนในคริสตจักร กับ คนในชุมชนมีความสัมพันธ์กันในด้านไหน และ อย่างไรบ้าง

5. เราจะต้องพูดคุยสนทนากับเพื่อนบ้านของเรา

การศึกษาค้นหาประวัติศาสตร์ของคริสตจักรและชุมชนจากคำบอกเล่า มิเพียงแต่การหาข้อมูลทางประวัติศาสตร์จากคนในคริสตจักรเท่านั้น แต่เราต้องเสาะหาศึกษาจากผู้คนในชุมชนด้วย ดังนั้น การค้นหาประวัติศาสตร์คริสตจักรท้องถิ่นและชุมชนจึงเป็นโอกาสของการสื่อสารสัมพันธ์ระหว่างคริสตจักร และ ชุมชน นอกจากจะเป็นการเรียนรู้จากกันและกันมากยิ่งขึ้นแล้ว ยังเป็นโอกาสที่จะเสริมสร้างความเข้าใจและการยอมรับกันและกันดียิ่งขึ้นด้วย   อาจจะเป็นจุดเริ่มต้นของการเสริมสร้างความสัมพันธ์ของบางคริสตจักรที่มีต่อคนในชุมชน 

6. เพื่อเราจะได้รับการเสริมสร้างให้เข้าไปมีส่วนร่วมในพระราชกิจขององค์พระผู้เป็นเจ้าที่กำลังทรงกระทำในชุมชนขณะนี้ และ ในช่วงเวลาต่อไป

คริสตชนเชื่อว่า พระเจ้าทรงกระทำพระราชกิจของพระองค์ในกระบวนเหตุการณ์ชีวิตของมนุษยชาติ รวมถึงชีวิตชุมชนที่คริสตจักรท้องถิ่นของเราตั้งอยู่ด้วย การศึกษาถึงประวัติความเป็นมาของคริสตจักร และ ชุมชนตั้งแต่ในอดีต และกระบวนการคลี่คลายของประวัติศาสตร์ของคริสตจักรและชุมชนที่คริสตจักรตั้งอยู่ ทำให้เราได้เห็นพระราชกิจของพระเจ้าที่ทรงกระทำทั้งในชุมชนนี้และในคริสตจักรของเรา ยิ่งกว่านั้น ช่วยให้เราเข้าใจและสามารถเห็นถึงพระราชกิจของพระเจ้าที่ทรงกระทำอยู่ในปัจจุบันนี้ทั้งในชุมชนและในคริสตจักร ช่วยให้สมาชิกในคริสตจักรของเรามีโอกาสตัดสินใจเข้าร่วมในพระราชของพระเจ้าที่กำลังกระทำในชุมชน ซึ่งเป็นการทรงเรียกจากพระเยซูคริสต์ที่มีต่อสมาชิกในคริสตจักรแต่ละคนให้เข้าร่วมและสานงานพันธกิจต่อจากพระราชกิจของพระองค์ตามพระมหาบัญชา

ดังนั้น การทำประวัติศาสตร์คริสตจักรท้องถิ่นจึงมิใช่การทำประวัติศาสตร์คริสตจักรท้องถิ่นเท่านั้น แต่เป็นการเรียนรู้ถึงชุมชนที่คริสตจักรตั้งอยู่ ตลอดถึงความสัมพันธ์ระหว่างชุมชนและคริสตจักร และวัฒนธรรมของคริสตจักรแห่งนั้น ๆ ซึ่งเป็นความเข้าใจรากฐานของการทำพันธกิจชุมชนของคริสตจักรตามพระมหาบัญชาของพระคริสต์ 

ประวัติศาสตร์ท้องถิ่นมิได้มีไว้สำหรับการเก็บสะสม การเก็บบนหิ้ง หรือเอาไว้อวดคริสตจักรอื่น แต่เราจะใช้ประโยชน์อะไรบ้างสำหรับการทำพันธกิจชีวิตคริสตจักรและชุมชนของเรา และเพื่อที่เราจะรู้เท่าทันตนเอง และ  ช่วยเรามีชีวิตที่ตอบสนองพระประสงค์ของพระเจ้าได้ดียิ่งขึ้น

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.emmaus@gmail.com; 081-2894499


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น