30 มีนาคม 2563

มองให้เห็นพระราชกิจพระเจ้า...ในสถานการณ์ “โควิด 19”

เมื่อเกิดเหตุการณ์ ภัยพิบัติ สถานการณ์ที่ทำให้เกิดความเจ็บปวด และ สูญเสียเรามักมุ่งมองไปที่เหตุร้าย การสูญเสีย ความทุกข์ยาก และ ฯลฯ  แล้วเกิดคำถามว่า เป็นความผิดความบาปของใคร? หรืออะไรที่ทำให้สิ่งเลวร้ายเหล่านี้เกิดขึ้น? นี่เป็นหมายสำคัญของการสิ้นโลกใช่ไหม? หรือไม่ก็มีคำถามสงสัยพระเจ้าว่า ทำไมพระองค์อนุญาตให้สิ่งเลวร้ายเกิดขึ้นแก่คนที่พระองค์ทรงรัก?

แต่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายเช่นนี้เรากลับมิได้ใส่ใจว่า พระเจ้ากำลังทำพระราชกิจอะไรในเหตุการณ์นั้น ดังนั้น เราจึงพลาดที่จะมีโอกาสร่วมในพระราชกิจดังกล่าว เราจึงพลาดโอกาสที่จะมีส่วนร่วมในชัยชนะที่พระองค์ทรงกอบกู้และพลิกฟื้นสถานการณ์ที่เลวร้ายทำลายนั้นให้เกิดชีวิตใหม่ สังคมใหม่ โลกใหม่ แผ่นดินใหม่ตามพระประสงค์ของพระองค์

เรื่องราวในพระกิตติคุณยอห์น บทที่ 9 เป็นคำถามที่สอนและการอธิบายของพระเยซูคริสต์ว่า เราจะมอง หรือ มีมุมมองอย่างไรต่อสิ่งเลวร้ายที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันของเรา

โดยปกติทั่วไป เมื่อเราพบกับเหตุการณ์เลวร้าย เรามักพุ่งมุมมองตรงไปที่ “ใครเป็นคนที่ทำผิด?”  “ใครคือต้นเหตุของความเลวร้าย?” “อะไรที่ทำให้เกิดความเลวร้ายนี้ขึ้น?” “ความเจ็บปวด ความสูญเสีย ความผิดพลาดดังกล่าวเกิดขึ้นเพราะใคร?” และสาวกของพระเยซูคริสต์ก็เป็นคนหนึ่งในกลุ่มนี้ด้วย พวกสาวกของพระองค์ทูลถามพระองค์ว่า “พระอาจารย์ ใครทำบาป คนนี้หรือพ่อแม่ของเขา เขาถึงเกิดมาตาบอด?” (ยอห์น 9:2 มตฐ.)

คำตอบของพระเยซูเปลี่ยนมุมมองของสาวกไปอย่างสิ้นเชิง พลิกกลับหน้ามือเป็นหลังมือ พระองค์ไม่ตอบคำถามที่สาวกถาม แต่พระองค์เปลี่ยนฐานเชื่อและกรอบคิด (mindset) ของสาวก ที่สาวกถามพระเยซูเช่นนั้นเพราะสาวกมี “มุมมอง” ต่อสถานการณ์นี้อย่างผิดพลาด และถ้าดันทุรังแก้ปัญหาตามมุมมองที่ผิดพลาดคลาดเคลื่อน ก็เป็นการแก้ปัญหาอย่างผิดเรื่องผิดประเด็นไปด้วย

พระเยซูตอบพวกสาวกตรงไปตรงมาว่า “ไม่ใช่คนนี้หรือพ่อแม่ของเขาที่ทำบาป แต่เขาเกิดมาตาบอดเพื่อให้พระราชกิจของพระเจ้าปรากฏในตัวเขา เราต้องทำพระราชกิจของผู้ทรงใช้เรามาเมื่อยังวันอยู่ กลางคืนอันเป็นเวลาที่ไม่มีใครทำงานนั้นกำลังใกล้เข้ามา” (ข้อที่ 3-4 มตฐ.)

ความหมายลึก ๆ ในที่นี้พระเยซูบอกสาวกว่า “พวกท่านถามคำถามผิด เพราะมีฐานเชื่อกรอบคิด (mindset) ที่ผิดพลาด”

ในสถานการณ์ของการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด 19  ขอให้เราเลิก “สาดโคลนคำถาม” เพื่อที่จะตีตรากล่าวหา หรือ ค้นหา “แพะรับบาป” (อย่างผู้นำประเทศมหาอำนาจและนักการเมืองส่วนใหญ่เขาทำกัน) คำถามพวกนี้ทั้งชุดมันจะไม่ช่วยประชากรและสังคมโลกเลย รังแต่จะหาทางมุ่งทำลายทำร้ายฝ่ายตรงกันข้ามของตนเท่านั้น มันไม่ได้แก้ปัญหา แต่ผู้นำพวกนี้กลับสร้างและสะสมปัญหาพอกพูนให้มากยิ่งขึ้น

เราในฐานะสาวกพระคริสต์และหลายคนในฐานะผู้นำ เราคงจำเป็นต้องเปลี่ยน “ฐานเชื่อกรอบคิด” (mindset) ใหม่แบบพระเยซู ในเวลาเช่นนี้ให้เราร้องทูลต่อพระเจ้าจากก้นบึ้งหัวใจของเราว่า  

“องค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์กำลังทำอะไรอยู่ในสถานการณ์แพร่ระบาดที่เลวร้ายของไวรัสโควิด 19? ที่สร้างผลกระทบอย่างมากต่อผู้คนในสังคมโลก และ ความสัมพันธ์ใกล้ชิดในแต่ละคนของพวกเราด้วย... 

ขอพระองค์โปรดสำแดงให้ลูกได้เห็น รู้ เข้าใจ และโปรดช่วยให้ลูกรู้ว่าจะร่วมในพระราชกิจดังกล่าวของพระองค์ได้อย่างไรบ้าง? ลูกควรพูดอย่างไรบ้าง? ควรทำอะไรบ้าง? และควรทำอย่างไรที่จะเป็นไปตามพระประสงค์ของพระองค์? เพื่อลูกจะได้เข้าร่วมในพระราชกิจดังกล่าวตามพระประสงค์ของพระองค์ 

ทูลขอในพระนามของพระเยซูคริสต์เจ้า อาเมน.”

การที่เราในฐานะคริสตชน และ ผู้นำคริสตจักร ชุมชน  หรือ องค์กรคริสตชน เราจะต้อง

(1) มองให้เห็นว่า พระเยซูคริสต์กำลังทำพระราชกิจอะไรในสถานการณ์ไวรัสโควิด 19?
(2) เราต้องรู้ว่า พระองค์มีพระประสงค์ให้เราร่วมในพระราชกิจนี้ในเรื่องอะไร?
(3) เราต้องชัดเจนว่า พระเยซูคริสต์ต้องการให้เราร่วมในพระราชกิจนี้เพื่อให้เกิดอะไร?
(4) เราต้องรู้เท่าทันว่า เราจะร่วมในพระราชกิจดังกล่าวอย่างไร?

พระเยซูคริสต์บอกกับสาวกและพวกผู้นำศาสนายิว รวมถึงประชาชนว่า เมื่อเกิดสถานการณ์ภัยพิบัติที่เลวร้าย พระเจ้าจะทรงกระทำพระราชกิจของพระองค์ในสถานการณ์นั้น “เพื่อให้พระราชกิจของพระเจ้าปรากฏในตัวเขา” (หรือในเหตุการณ์นั้น ๆ) และพระองค์บอกอีกว่า พระองค์ประสงค์ให้เราเข้าร่วมในพระราชกิจของพระองค์และบอกว่า  “เราต้องทำพระราชกิจของผู้ทรงใช้เรามาเมื่อยังวันอยู่...” (ข้อ 4 มตฐ.)

ถ้าเรามองไม่เห็นพระราชกิจในสถานการณ์ที่เลวร้าย เราจะกลายเป็น “คนตาบอดฝ่ายจิตวิญญาณ” พวกฟาริสีที่อยู่ในเหตุการณ์นั้นรู้สึกเคือง จึงถามกลับพระเยซูว่า  

“เราตาบอดด้วยหรือ?”
พระเยซูตรัสกับพวกเขาว่า “ถ้าพวกท่านตาบอด ท่านก็จะไม่มีบาป แต่พวกท่านพูดเดี๋ยวนี้เองว่า ‘เรามองเห็น’ เพราะฉะนั้นบาปของท่านยังมีอยู่” (ข้อ 40-41 มตฐ.)

หรือว่าคริสตชน และ ผู้นำคริสตชนขณะนี้เป็นเหมือนฟาริสีไปแล้ว?

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.emmaus@gmail.com; 081-2894499



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น