01 มีนาคม 2563

จะอภิบาลอย่างไร?...เมื่อในชุมชนผู้เชื่อเลือก “ขั้วการเมือง” ที่ต่างกัน?


ปรากฏการณ์ชัดเจนที่คริสตจักร หรือ ชุมชนผู้เชื่อต้องเผชิญหน้าในปัจจุบันคือ การที่สมาชิกในชุมชนผู้เชื่อเลือกขั้วการเมืองที่ต่างกัน ในที่นี้มีทั้ง “การเมืองในองค์กร”  “การเมืองท้องถิ่น” และ “การเมืองระดับชาติ” ซึ่งถ้าไม่อภิบาลอย่างถูกต้องเหมาะสมอาจจะนำไปสู่ความขัดแย้งทางความคิด-ความเชื่อ ความสัมพันธ์ กระทั่งนำไปสู่ความแตกแยกในชุมชนผู้เชื่อ ทั้งนี้เพราะ “การเมือง” กลายเป็นเรื่องของการแสวงหาอำนาจ การใช้อำนาจ และ เป็นเรื่องของผลประโยชน์ หน้าตา เกียรติยศชื่อเสียง โดยใช้กระบวนการของการแข่งขัน ชิงไหวชิงพริบ เอาแพ้เอาชนะกัน  และ บ้างก็เลยเถิดถึงการใช้กลโกงเอาเปรียบ และ การทำลายกัน

ในฐานะคริสตชน เราได้รับการทรงเรียกให้มีชีวิตในสังคมชุมชน ให้เราไวในการฟัง รักเมตตา และให้เกียรติเคารพกัน แม้คริสตชนมิใช่คนของโลก แต่เราได้รับการทรงเรียกให้เข้าไปมีส่วนร่วมในชุมชน “การเมือง” เป็นชีวิตด้านหนึ่งมิติหนึ่งของชุมชนที่คริสตชนเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง เพราะในการเมืองมีเรื่องของคุณธรรม และ จริยธรรมอยู่ด้วย

คริสตจักรจะรับมืออย่างไรกับการเมืองในปัจจุบันที่มีบรรยากาศของการแบ่งแยกแตกขั้วกัน? แล้วจะมีการอภิบาลอย่างไรเมื่อการเมืองแผ่อิทธิพลเข้ามาเคลื่อนไหวในคริสตจักร?

ในฐานะผู้อภิบาล เราจะช่วยให้สมาชิกมีชีวิตอยู่ในชุมชนแห่งความเชื่อด้วยความศรัทธาท่ามกลางช่วงเวลาที่ตึงเครียดและความสัมพันธ์ที่แตกแยกร้าวฉานได้อย่างไร?

1. หยั่งรากทางความเชื่อบนรากฐานพระกิตติคุณพระเยซูคริสต์

คริสตจักรได้รับการทรงเรียกมาทำไม? คริสตจักรได้รับการทรงเรียกให้มีความสัมพันธ์กับวัฒนธรรม และ การเมืองในขณะนี้แบบไหน? อย่างไร? คริสตจักรจะเป็นเสียงที่ชี้ไปข้างหน้าอย่างผู้เผยพระวจนะได้อย่างไร?  

เราจะเกี่ยวข้องรับมือกับกระบวนการ “การเมือง” ทั้งการเมืองในองค์กรเอง และ การเมืองสังคมและประเทศอย่างไร? เราได้รับการทรงเรียกให้มีรากฐานความเชื่อของเราบน “พระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์” และเมื่อเราต้องรับมือกับการเมือง เราต้องรับมือการเมืองบนรากฐานพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์เช่นกัน พระกิตติคุณพระเยซูคริสต์ไม่แบ่งแยกแตกขั้วในความแตกต่าง ไม่ว่าเชื้อชาติ  สีผิว ความคิดต่าง เป็นพวกใครพรรคไหน ความแตกต่างเหล่านี้ถูกหลอมและเปลี่ยนแปลงให้เป็น “หนึ่งเดียวกันในพระเยซูคริสต์” เรามีชีวิตอยู่เพื่อพระคริสต์ มีชีวิตที่ถวายเกียรติแด่พระองค์ เรามิได้มีชีวิตอยู่เพื่อผู้นำคนไหน  พรรคไหน การเมืองค่ายไหน แต่คริสตชน และ คริสตจักร  เราอยู่เพื่อมีชีวิตตามพระมหาบัญชา เป็นทาสรับใช้ของพระคริสต์ท่ามกลางชีวิตประชาชน หรือกล่าวสั้น ๆ ว่า เราอยู่ในสังคมโลกนี้ด้วยชีวิตที่เป็นสาวกพระคริสต์

หลายคริสตจักรที่มีสมาชิกที่หนุนฝ่ายอนุรักษ์ อีกกลุ่มหนึ่งหนุนพรรคหัวก้าวหน้า และมีกลุ่มที่มีความคิดเป็นกลาง   ผู้อภิบาลคงต้องถามคนเหล่านี้ในคริสตจักรว่า ในฐานะที่เขาเป็นคริสตชน เขาจงรักภักดีต่อใคร? และทำไมเขาถึงเชื่อเช่นนั้น? ทั้งนี้เพื่อเอื้อให้เกิดการฟังความคิดทางการเมืองของกันและกันในคริสตจักร ตลอดจนวัฒนธรรม และ นิกายของคนอื่น ๆ ในคริสตจักร เพื่อขยับให้เราเรียนรู้ที่จะมองสิ่งเหล่านี้ผ่าน “แว่นตาของพระวจนะ” ซึ่งเป็นกระบวนการเอื้อให้สมาชิกเกิดการเรียนรู้พระวจนะสำหรับในบริบทต่าง ๆ และนำสู่การทำพันธกิจของพวกเขา ให้แต่ละคนมีโอกาสที่จะแบ่งปันมุมมองของตน

2. พระคริสต์คือแก่นกลางของชีวิตคริสตจักร และ คริสตชน

เมื่อพูดเรื่อง “การเมือง” ในคริสตจักร เราจะแบ่งปันความคิดความเชื่อ “การเมืองบนรากฐานพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์อย่างไร?” เป็นโอกาสที่จะช่วยให้สมาชิกคริสตจักรเห็นชัดว่า พระเยซูคริสต์สถิตท่ามกลางพวกเขาในชีวิตประจำวัน ในบริบทชีวิตของแต่ละคน ซึ่งเราต้องมั่นใจว่า สมาชิกแต่ละคนควรจะมองเห็นแม่แบบชีวิต (การเมืองบนรากฐานพระกิตติคุณ) ในทางการเมืองในฐานะสาวกพระคริสต์ แล้วเขาจะมีท่าที มุมมอง และปฏิกิริยาอย่างไรกับคนที่มีความคิดความเชื่อทางการเมืองต่างจากตน

ในกระบวนการแสวงหาร่วมกันนี้เราอาจจะถามคำถามหลักที่แต่ละคนจะแสดงความคิดเห็นและประสบการณ์ของตนได้เช่น...

ถ้าพระเยซูอยู่ในสถานการณ์ที่จะต้องเผชิญหน้ากับ “การเมืองในขณะนี้” พระองค์จะมีมุมมอง ท่าทีอย่างไร?  และพระองค์จะตอบสนองอย่างไร? และพระองค์จะตรัสอย่างไรบ้าง? อะไรที่ทำให้ท่านคิดว่า พระเยซูคริสต์ จะคิด จะพูด จะทำเช่นนั้น? ถ้าพระคริสต์มีการตอบสนองอย่างที่กล่าวมานี้ เราในฐานะสาวกของพระองค์ในยุคปัจจุบัน เราควรจะคิด จะเชื่อ จะพูด และ มีพฤติกรรมตอบสนองอย่างไร?  

3. แผ่นดินของพระเจ้า กับ การเมืองของเราในปัจจุบัน

คริสตจักร หรือ สมาชิกชุมชนผู้เชื่อแต่ละคน ได้รับการทรงเรียกให้สานต่อพระราชกิจของพระเยซูคริสต์ที่ได้เริ่มต้นไว้แล้วบนแผ่นดินโลกนี้ร่วมกับผู้เชื่อคนอื่น ๆ และ กับพระเยซูคริสต์ในบริบทชีวิตประจำวันของเราแต่ละคน   เป้าหมายพระราชกิจของพระเยซูคริสต์คือให้เรามีคุณภาพชีวิตในแผ่นดินของพระเจ้า กล่าวคือมีคุณภาพชีวิตภายใต้การปกครองของพระเจ้า ตามคำอธิษฐานที่พระเยซูทรงสอนสาวกว่า “ในสวรรค์เป็นอย่างไร...เป็นเช่นนั้นในแผ่นดินโลก”

แน่ชัดว่า คุณภาพชีวิตในแผ่นดินของพระเจ้า แตกต่างอย่างชัดเจนจากคุณภาพที่ได้จากการเมืองของโลกนี้   ดังนั้น การที่คริสตชนจะเข้าร่วมในกระบวนการการเมืองในสังคมโลกปัจจุบันจะต้องตระหนักในความแตกต่างกันของคุณภาพชีวิตในแผ่นดินทั้งสอง ดังนั้น ในฐานะคริสตชนเราควรมีท่าทีเช่นไรต่อการเข้าไปมีส่วนร่วมกับการเมืองในสังคมโลกปัจจุบัน สำหรับพระคริสต์แล้ว พระองค์ไม่ได้มุ่งที่จะต่อต้านการเมืองในสังคมโลกนี้ แต่พระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์มุ่งเน้นที่การสร้างชุมชนที่สะท้อนถึงคุณภาพชีวิตในแผ่นดินของพระเจ้า และเป็นชุมชนที่รักเพื่อนบ้านในชุมชนสังคมบนโลกใบนี้

4. สร้างสังคมที่พลิกฟื้นคืนดี

พระกิตติคุณทรงเรียกคนในชุมชนแห่งความเชื่อเข้าไปมีส่วนใน “การเมือง” เพื่อมีบทบาทก่อเกิดการพลิกฟื้นคืนดีในชุมชนสังคม และพระคริสต์ได้ให้ภาพในที่สุดของสังคมโลกตามพระประสงค์ คือมีลักษณะเป็น “เยรูซาเล็มใหม่” ที่มีคนมาจากหลากหลายวัฒนธรรมมาอยู่ร่วมกัน เป็นชุมชนที่ไร้ความอยุติธรรม ไม่มีการแบ่งแยกสีผิว-เชื้อชาติ ไม่แบ่งแยกกีดกันทางเพศ เป็นชุมชนที่ไม่มีภาวะมลพิษทางธรรมชาติแวดล้อม และสภาพเสื่อมถอยทางสังคมแวดล้อม เป็นชุมชนที่ไม่มีความยากจนป่วยไข้ และ เป็นที่ประทับของพระเจ้า

เมื่อคริสตชนรู้ว่า แผ่นดินของพระเจ้ามีสภาพเช่นไร ก็ช่วยให้เราแต่ละคนตระหนักว่าตนมีบทบาทความรับผิดชอบ หรือ ต้องทำอะไรบ้าง คริสตชนได้รับการทรงเรียกให้มีส่วนร่วมในสังคมโลกให้ความช่วยเหลือคนยากไร้  คนชายขอบสังคม กำพร้า หม้าย คนอพยพหลบลี้ คนถูกกดขี่ คนได้รับความทุกข์ คนเจ็บไข้ได้ป่วย คนที่ถูกกีดกันแบ่งแยก

5. การกอบกู้ไถ่ถอน

พระกิตติคุณเตือนให้เราระลึกว่า คริสตชนมิได้มีหน้าที่บทบาทในการสำแดงความรักเมตตา และ ช่วยเหลือผู้ขัดสนต้องการ หรือ มีส่วนทำให้เกิดสังคมที่ยุติธรรมเท่านั้น พระคัมภีร์ได้บอกชัดว่า มารซาตานได้เข้ามาครอบครองสังคมโลก  มิเพียงแต่จิตใจของเราเท่านั้น แต่เข้ามาทำให้ทั้งระบบของโลกนี้ที่พระเจ้าทรงสร้างแปรเปลี่ยน ปั่นป่วน และรวนไปหมด สภาพของสังคมโลกนี้เกิดความแตกหักในทุกระดับ ด้วยเหตุนี้เราจึงจำเป็นต้องรับพลังแห่งพระผู้ช่วยให้รอด ที่พระคริสต์ยอมสิ้นพระชนม์บนกางเขน เพื่อกอบกู้ปลดปล่อยเราออกจากแอกแห่งอำนาจความบาปชั่ว   พระคุณของพระเจ้ามีพลังฤทธิ์เดชในการเปลี่ยนแปลงจิตใจของคน และด้วยการเปลี่ยนจิตใจความนึกคิดของมนุษย์โลก เราถึงจะสามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงระบบของสังคมโลกใบนี้สู่คุณภาพชีวิตแห่งแผ่นดินของพระเจ้า  สู่ระบบที่พระเจ้าทรงสร้างแต่แรกเริ่ม

นี่คือการทรงเรียกของพระคริสต์ต่อคริสตจักร ให้เป็นผู้อภิบาลชีวิตคนในคริสตจักร เพื่อคนในคริสตจักรจะเข้าไปยังสังคมโลกในชีวิตประจำวันของแต่ละคน เพื่ออภิบาลชีวิตของผู้คนที่เขาสัมผัสสัมพันธ์ ให้เป็นชุมชนสังคมที่มีคุณภาพชีวิตแห่งแผ่นดินของพระเจ้า  

ทั้ง 5 ประการข้างต้นนี้ คือ “ยาแก้ความแตกต่างทางความคิดการเมือง” ของสมาชิกคริสตจักร  ให้กลับมามีหลักยึดจุดยืน “การเมือง” บนรากฐานพระกิตติคุณ เพื่อพระกิตติคุณของพระคริสต์จะหลอมรวมหลักเชื่อกรอบคิดในทางการเมืองของให้เป็นหนึ่งเดียวกัน ที่เราแต่ละคนจะสานต่อ พระราชกิจของพระคริสต์บนแผ่นดินโลกนี้ มุ่งสู่การ “ทรงสร้างใหม่ของพระเจ้า”  “ฟ้าใหม่แผ่นดินโลกใหม่” ที่พระคริสต์นำมา เพื่อแผ่นดินของพระองค์มาตั้งอยู่ ในสวรรค์เป็นอย่างไรให้เป็นอย่างนั้นบนแผ่นดินโลก

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.emmaus@gmail.com; 081-2894499



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น