“วิถีชีวิตและการทำพันธกิจคริสตจักร”
หลังโควิด 19 จะเป็นแบบไหน อย่างไรนั้นต่างก็คาดเดากันไปได้ แต่ละคริสตจักรท้องถิ่นไม่จำเป็นที่จะต้องมี
“วิถีชีวิตและการทำพันธกิจคริสตจักร” ที่เหมือนกันเสมอไป แต่มีบางสิ่งบางอย่างที่เราไม่เคยทำแต่ทำในช่วงรับมือกับวิกฤติโควิด
19 แล้วเห็นว่า เราน่าจะทำเช่นนั้นต่อไป ซึ่งพอจะประมวลบางประเด็นได้ดังนี้
1.
การประชุมปรึกษางานของคณะธรรมกิจคริสตจักร หรือ คณะกรรมการต่าง ๆ ของคริสตจักร ผมยอมรับว่า
บางครั้งที่เรายังจำเป็นที่จะต้องมีการประชุมคณะธรรมกิจ หรือ
คณะกรรมการพันธกิจต่าง ๆ แบบพร้อมหน้ากัน แต่ในการประชุมบางครั้งสามารถที่จะประชุมกันแบบออนไลน์เพื่อลดการเดินทาง
หรือ สามารถประชุมทั้ง ๆ ที่บางท่านอาจจะอยู่ต่างจังหวัด และสามารถเลือกเวลาประชุมที่สะดวกสำหรับทุกคนโดยไม่ต้องเดินทางมาที่คริสตจักร และเรื่องเร่งด่วนก็สามารถได้รับการพิจารณาทันเวลา
2.
มุ่งเน้นการทำพันธกิจการรับใช้ จากสถานการณ์โควิด 19
คริสตจักรของเราได้เรียนรู้ถึงการทำพันธกิจการรับใช้ในรูปแบบต่าง ๆ ทั้งการรับใช้กันและกันในชุมชนคริสตจักร
และการรับใช้ที่เข้าถึงชุมชนสังคมรอบข้างชีวิตของสมาชิกคริสตจักร
นอกจากนั้น
ยังพบอีกว่า ศิษยาภิบาลบางท่านได้ใช้พื้นที่สื่อสารทางออนไลน์ของตน บางท่านใช้พื้นที่ออนไลน์ของคริสตจักร
กลายเป็น “ตลาดเสนอสินค้าออนไลน์” ชนิดต่าง ๆ ที่ผลิตโดยสมาชิก ทั้งที่เป็นผลผลิตทางการเกษตรและแปรรูป
และผลผลิตด้านหัตถกรรมต่าง ๆ ที่สมาชิกผลิต ผลปรากฏว่าได้รับความสนใจจากลูกค้าออนไลน์อย่างดี
ช่วยให้สมาชิกสามารถมีรายได้อีกทางหนึ่งอย่างเป็นกอบเป็นกำ โดยเป็นการบริการฟรีจากศิษยาภิบาล/คริสตจักร
เป็นพันธกิจการส่งเสริมการตลาดแก่สมาชิกคริสตจักรครับ
ขอตั้งข้อสังเกตว่า
คริสตจักรเหล่านี้การถวายในช่วงวิกฤติโควิด 19
กลับมีการถวายที่มากกว่าก่อนสถานการณ์โควิดเสียอีก เพราะนี่คือทางหนึ่งในการอภิบาลชีวิตด้านเศรษฐกิจของสมาชิกคริสตจักร และ
อาจจะสามารถขยายกว้างออกไปถึงชุมชนรอบข้างด้วยในอนาคต
3.
การพบปะกันของกลุ่มเล็กต่าง ๆ ในคริสตจักรทางออนไลน์ ในที่นี้ไม่ได้หมายความว่าการพบปะกลุ่มเล็กต่อไปนี้ต้องทำกันบนออนไลน์ทุกครั้ง
แต่ถ้าสมาชิกกลุ่มสะดวกที่จะพบกลุ่มเล็กของตนออนไลน์ก็น่าจะทำต่อไป ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มอธิษฐาน
กลุ่มศึกษาพระคัมภีร์ กลุ่มที่ทำพันธกิจในด้านต่าง ๆ ทั้งนี้เพื่อสมาชิกทุกคนจะสามารถเข้าร่วมได้ตามความสะดวกของแต่ละคน
และคนในครอบครัวคนอื่นที่สนใจก็สามารถเข้าร่วมได้ด้วย
4.
การถ่ายทอดสดการนมัสการ และ การอัดเทปการนมัสการ ที่เราบันทึกเทปเพื่อสมาชิกที่ต้องการสามารถดาวน์โหลดจากเว็บไซต์ของคริสตจักร
สำหรับคนที่ไม่สามารถมาร่วมหรือเข้าร่วมในการนมัสการในอาทิตย์นั้น ๆ จะมีโอกาสติดตามการนมัสการในเวลาที่เขาสะดวก
5.
ให้เยาวชน/วัยรุ่นเข้าร่วมพันธกิจคริสตจักร จากวิกฤติที่ผ่านมาในหลายคริสตจักรได้รับความช่วยเหลือจากเยาวชน/วัยรุ่นในคริสตจักรในการถ่ายทอดรายการไลฟ์สด
หรือการทำคลิปการนมัสการพระเจ้าของแต่ละสัปดาห์
บางคริสตจักรศิษยาภิบาลได้ขอให้อนุชนบางท่านมาช่วยศิษยาภิบาลในการทำไลฟ์สดการสอนพระคัมภีร์ด้วย
สิ่งเหล่านี้ให้เราทำต่อไปและเยาวชน/วัยรุ่นจะร่วมในพันธกิจคริสตจักรอีกมากมายที่ต้องใช้ความรู้ทักษะและความสร้างสรรค์ในการสื่อสารทันสมัยเหล่านี้ที่มีอยู่ในตัวอนุชนของคริสตจักร
6.
นิมิต/วิสัยทัศน์ของคริสตจักร เมื่อวิกฤติโควิด 19 ผ่านไป ศิษยาภิบาลควรเชิญชวนคณะธรรมกิจ สมาชิกคริสตจักร
เยาวชน/วัยรุ่นในคริสตจักรมาร่วมกันถอดบทเรียนรู้จากการทำงานในช่วงที่คริสตจักรต้องรักษาระยะห่างทางสังคม
รักษาระยะห่างระหว่างบุคคล และ
การเก็บกักตัวในบ้าน เพื่อใช้บทเรียนที่ได้จากวิกฤติที่ผ่านมาในการกำหนดนิมิต/วิสัยทัศน์
และ การวางแผนงานพันธกิจของคริสตจักรในช่วงครึ่งปีหลัง (กรกฎาคม-ธันวาคม
2020) และนำสิ่งใหม่ ๆ ที่ทำแล้วเกิดผลมาปรับประยุกต์ใช้ในการเสริมสร้างชีวิตและการทำพันธกิจของคริสตจักรต่อไป
7.
เวลาของครอบครัว จากวิกฤติที่ผ่านมาเป็นจุดเริ่มต้นของการที่คนในครอบครัวมีโอกาสที่จะร่วมกันในการนมัสการพระเจ้าด้วยกัน
การเรียนรู้พระวจนะ และการอธิษฐานร่วมกัน ตลอดจนมีโอกาสในการปรึกษาหารือกันว่า จะทำพันธกิจเข้าถึงชีวิตของชุมชนอย่างไรบ้าง ขอให้รักษาเวลาอันศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้และดำเนินการต่อไป
และยังสามารถที่จะทำสิ่งอื่น ๆ ร่วมกันในครอบครัวมากกว่านี้
8.
การอภิบาลชีวิตกันและกันในคริสตจักร ในช่วงวิกฤติที่ผ่านมา หลายครอบครัวได้มีโอกาสติดต่อสื่อสารแสดงความรักห่วงใยต่อกัน
และมีโอกาสที่จะอธิษฐานเผื่อกัน ตลอดจนช่วยเหลือกันและกันในสิ่งต่าง ๆ ที่แบ่งปันและเอื้ออาทรกันได้
ขอให้จิตวิญญาณของการอภิบาลกันและกันเหล่านี้พัฒนาและเติบโตต่อไปทั้งในครอบครัวและในชุมชนคริสตจักรของเรา
นอกจากนี้ยังพบว่า
ในช่วงวิกฤตินี้มีศิษยาภิบาลบางท่านที่ได้ทำพันธกิจแบบ
“ครอบครัว/ชุมชนเป็นศูนย์กลาง” ในการขับเคลื่อนพันธกิจการอภิบาลคนในคริสตจักร ซึ่งแตกต่างจากวิธีการทำพันธกิจอภิบาลในคริสตจักรก่อนหน้าวิกฤติโควิด
19 ที่ใช้การพบปะกันในคริสตจักรเป็นศูนย์กลางการทำพันธกิจการอภิบาลชีวิต
ตัวอย่างเช่น
ในช่วงที่จะต้องรักษาระยะห่างระหว่างบุคคล (physical Distancing) ในช่วงของ Social
Distancing นอกจากศิษยาภิบาลจะใช้เครื่องมือสื่อสารออนไลน์ในการนมัสการ
ในการเรียนพระคัมภีร์แล้ว ศิษยาภิบาลบางท่านยังติดตามไปอภิบาลสมาชิกในจุดต่าง ๆ ในชุมชนโดยนัดหมายมาพบปะกันในบ้านของบางท่าน
แต่รักษาระยะห่างระหว่างบุคคล และการสวมหน้ากากอนามัยทุกคน เพื่อที่จะนมัสการด้วยกัน
เรียนพระวจนะ และ อธิษฐานร่วมกัน
ตลอดจนการปรึกษาหารือในประเด็นวิกฤติชีวิตที่พบของบางคนบางครอบครัว
ศิษยาภิบาลเหล่านี้ยืนยันว่า
ในช่วงวิกฤติโควิด 19 ท่านเหล่านี้กระจายจุดอภิบาลกว้างไกลและมากกว่าก่อนหน้าวิกฤตินี้
และยืนยันว่าได้ผลมากกว่าการอภิบาลที่ใช้อาคารโบสถ์เป็นศูนย์กลางเท่านั้น และตั้งใจว่า
หลังโควิด 19 ก็จะทำเช่นนี้ต่อไป
9.
คิดอย่างสร้างสรรค์ จากวิกฤติโควิด 19 ที่ผ่านมา
ได้ผลักดันให้เราต้องคิดอย่างรวดเร็วว่าเราจะตอบสนองต่อวิกฤติหรือบริบทที่เปลี่ยนไปอย่างไร
และเราพบว่าเราสามารถคิดจนได้ความคิดที่ตอบสนองต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างเหมาะสม สร้างสรรค์ และทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า
วิถีชีวิตและการทำพันธกิจหลังโควิด 19
เราจะมีสมาชิกและผู้นำที่คิดอย่างมีเป้าหมายและสร้างสรรค์
แล้วท่านละครับ...
ต้องการเห็นสิ่งดีมีค่าที่คริสตจักรของท่านควรกระทำต่อเนื่องจากวิกฤติโควิด 19
อะไรบ้างครับ?
ประสิทธิ์
แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย
เชียงใหม่
E-mail: prasit.emmaus@gmail.com; 081-2894499
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น