หลายครั้งที่เราพยายามแสดงตัวว่าเรารู้ในทุกเรื่อง
แต่เมื่อตนเองรู้ว่ามีบางเรื่องที่ตนเองไม่รู้ก็จะมโนไปเองว่า
มันน่าจะเป็นอย่างโน้นอย่างนี้เพื่อจะตอบคนอื่นได้ เพื่อคนอื่นจะได้เห็นว่าเรารู้ในทุกเรื่อง
แต่ที่เลวร้ายกว่านี้คือการที่เรารู้เรื่องต่าง ๆ ในบางเรื่อง และรู้ว่าควรจะทำอย่างไร
แต่กลับไม่ทำนี่สิ มันน่าเสียหายหลายแสน?
สิ่งที่มีคุณค่าที่สุดที่เรามีในขณะนี้มิใช่คฤหาสน์หลังงาม
หรือบัญชีเงินฝากในธนาคาร หรือธุรกิจหมื่นล้านของเรา แต่สิ่งที่มีคุณค่ายิ่งที่สุดของเราคือ
“ปัญญา”
ภูมิปัญญาคือความรู้ที่ล้ำค่าที่ใช้ในการปฏิบัติให้เป็นรูปธรรมในชีวิตประจำวัน
ที่ว่านี้เป็น “ปัญญาปฏิบัติ” และพระคัมภีร์ได้บอกเราว่า “ปัญญา”
นี้มีค่าอย่างเหลือเชื่อ
ความสุขมีแก่ผู้ที่พบปัญญา
ผู้ที่ได้รับความเข้าใจ
เพราะปัญญาให้ประโยชน์ยิ่งกว่าเงิน
และให้ผลตอบแทนยิ่งกว่าทองคำ
ปัญญาล้ำค่ายิ่งกว่าทับทิม
สิ่งใด ๆ ที่เจ้าปรารถนาก็ไม่สามารถเทียบได้
ในมือขวาของปัญญามีชีวิตอันยืนยาว
ในมือซ้ายมีความมั่งคั่งและเกียรติ
หนทางของปัญญาคือทางอันรื่นรมย์
วิถีทั้งสิ้นของปัญญาคือสันติสุข
ปัญญาเป็นต้นไม้แห่งชีวิตแก่ผู้ที่กอดนางไว้
ความสุขมีแก่ผู้ที่ยึดนางไว้มั่น (สุภาษิต
3:13-18 อมธ.)
ในโลกแห่งเงินทอง-ทรัพย์สินมักถูกประเมินค่าว่ามีมูลค่าเป็นเงินกี่บาท
เฉกเช่น บ้านหลังโตของเรา ทั้งนี้เพราะมีมุมมองว่า ทรัพย์สินที่เรามีสามารถทำให้เกิดรายได้แก่เรา
(โรเบิร์ด คิโยซากิ) หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง บางครั้งเรามองว่าทรัพย์สินชิ้นนั้นอาจจะเป็นหนี้ที่เราต้องชำระ
เช่น บ้านที่เรากำลังผ่อน ที่เราต้องหาเงินมาผ่อนชำระ หรือ ซ่อมแซม
ในทำนองเดียวกัน ความรู้เรื่องต่าง
ๆ มากมายก็เป็นเหมือนทรัพย์สิน แต่ถ้าเราไม่นำเอาความรู้ที่มีอยู่แปลงสู่การปฏิบัติให้เป็นรูปธรรมในชีวิต
มันก็จะไม่ทำให้เกิดมูลค่าอะไรเลย ขอตั้งข้อสังเกตจากข้อเขียนของพระธรรมสุภาษิตข้างต้น
ผู้เขียนบอกว่า “ปัญญาให้ประโยชน์ยิ่งกว่าเงิน และให้ผลตอบแทนยิ่งกว่าทองคำ ปัญญาล้ำค่ายิ่งกว่าทับทิม”
กล่าวอีกนัยหนึ่ง เราสามารถใช้
“ปัญญา” มาลงทุนด้วยการนำมาปฏิบัติให้เป็นรูปธรรม เมื่อเรานำเอาปัญญามาใช้ในการดำเนินชีวิตของเรา
เราได้สร้างมูลค่าจากปัญญาและเราจะเห็นผลตอบแทนจากปัญญานั้น เช่น
อาจจะเป็นเรื่องความสัมพันธ์ที่ดี มีสุขภาวะในชีวิต มีชีวิตที่ยืนยาวขึ้น หรือฐานะการเงินที่มั่นคงขึ้น
อย่าอ่านพระคัมภีร์เพียงเพื่อเรียนรู้ข้อมูลหรือข้อเท็จจริงจากพระคัมภีร์
อย่างที่เราอ่านตำราที่น่าเบื่อหน่าย ให้เราดูดซับปัญญาจากพระคัมภีร์เพื่อใช้ในการเปลี่ยนแปลง
ปรับปรุง และพัฒนาคุณค่าในชีวิตของเรา อ่านพระคัมภีร์ให้ได้ “ปัญญาปฏิบัติ”
ในชีวิตประจำวัน
ชีวิตจะดีขึ้นเสมอเมื่อเรานำเอาปัญญาจากพระคัมภีร์มาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน
ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย
เชียงใหม่
E-mail: prasit.emmaus@gmail.com; 081-2894499
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น