16 พฤษภาคม 2563

อะไรคือสิ่งที่มีค่ายิ่งในชีวิต?

หลายครั้งที่เราพยายามแสดงตัวว่าเรารู้ในทุกเรื่อง แต่เมื่อตนเองรู้ว่ามีบางเรื่องที่ตนเองไม่รู้ก็จะมโนไปเองว่า มันน่าจะเป็นอย่างโน้นอย่างนี้เพื่อจะตอบคนอื่นได้ เพื่อคนอื่นจะได้เห็นว่าเรารู้ในทุกเรื่อง แต่ที่เลวร้ายกว่านี้คือการที่เรารู้เรื่องต่าง ๆ ในบางเรื่อง และรู้ว่าควรจะทำอย่างไร แต่กลับไม่ทำนี่สิ มันน่าเสียหายหลายแสน?

สิ่งที่มีคุณค่าที่สุดที่เรามีในขณะนี้มิใช่คฤหาสน์หลังงาม หรือบัญชีเงินฝากในธนาคาร หรือธุรกิจหมื่นล้านของเรา   แต่สิ่งที่มีคุณค่ายิ่งที่สุดของเราคือ “ปัญญา”

ภูมิปัญญาคือความรู้ที่ล้ำค่าที่ใช้ในการปฏิบัติให้เป็นรูปธรรมในชีวิตประจำวัน ที่ว่านี้เป็น “ปัญญาปฏิบัติ” และพระคัมภีร์ได้บอกเราว่า “ปัญญา” นี้มีค่าอย่างเหลือเชื่อ

     ความสุขมีแก่ผู้ที่พบปัญญา
     ผู้ที่ได้รับความเข้าใจ
     เพราะปัญญาให้ประโยชน์ยิ่งกว่าเงิน
     และให้ผลตอบแทนยิ่งกว่าทองคำ
     ปัญญาล้ำค่ายิ่งกว่าทับทิม
     สิ่งใด ๆ ที่เจ้าปรารถนาก็ไม่สามารถเทียบได้
     ในมือขวาของปัญญามีชีวิตอันยืนยาว
     ในมือซ้ายมีความมั่งคั่งและเกียรติ
     หนทางของปัญญาคือทางอันรื่นรมย์
     วิถีทั้งสิ้นของปัญญาคือสันติสุข
     ปัญญาเป็นต้นไม้แห่งชีวิตแก่ผู้ที่กอดนางไว้
     ความสุขมีแก่ผู้ที่ยึดนางไว้มั่น (สุภาษิต 3:13-18 อมธ.)

ในโลกแห่งเงินทอง-ทรัพย์สินมักถูกประเมินค่าว่ามีมูลค่าเป็นเงินกี่บาท เฉกเช่น บ้านหลังโตของเรา ทั้งนี้เพราะมีมุมมองว่า ทรัพย์สินที่เรามีสามารถทำให้เกิดรายได้แก่เรา (โรเบิร์ด คิโยซากิ) หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง บางครั้งเรามองว่าทรัพย์สินชิ้นนั้นอาจจะเป็นหนี้ที่เราต้องชำระ เช่น บ้านที่เรากำลังผ่อน ที่เราต้องหาเงินมาผ่อนชำระ หรือ ซ่อมแซม

ในทำนองเดียวกัน ความรู้เรื่องต่าง ๆ มากมายก็เป็นเหมือนทรัพย์สิน แต่ถ้าเราไม่นำเอาความรู้ที่มีอยู่แปลงสู่การปฏิบัติให้เป็นรูปธรรมในชีวิต มันก็จะไม่ทำให้เกิดมูลค่าอะไรเลย ขอตั้งข้อสังเกตจากข้อเขียนของพระธรรมสุภาษิตข้างต้น ผู้เขียนบอกว่า “ปัญญาให้ประโยชน์ยิ่งกว่าเงิน และให้ผลตอบแทนยิ่งกว่าทองคำ ปัญญาล้ำค่ายิ่งกว่าทับทิม”

กล่าวอีกนัยหนึ่ง เราสามารถใช้ “ปัญญา” มาลงทุนด้วยการนำมาปฏิบัติให้เป็นรูปธรรม เมื่อเรานำเอาปัญญามาใช้ในการดำเนินชีวิตของเรา เราได้สร้างมูลค่าจากปัญญาและเราจะเห็นผลตอบแทนจากปัญญานั้น เช่น อาจจะเป็นเรื่องความสัมพันธ์ที่ดี มีสุขภาวะในชีวิต มีชีวิตที่ยืนยาวขึ้น หรือฐานะการเงินที่มั่นคงขึ้น

อย่าอ่านพระคัมภีร์เพียงเพื่อเรียนรู้ข้อมูลหรือข้อเท็จจริงจากพระคัมภีร์ อย่างที่เราอ่านตำราที่น่าเบื่อหน่าย ให้เราดูดซับปัญญาจากพระคัมภีร์เพื่อใช้ในการเปลี่ยนแปลง ปรับปรุง และพัฒนาคุณค่าในชีวิตของเรา อ่านพระคัมภีร์ให้ได้ “ปัญญาปฏิบัติ” ในชีวิตประจำวัน

ชีวิตจะดีขึ้นเสมอเมื่อเรานำเอาปัญญาจากพระคัมภีร์มาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.emmaus@gmail.com; 081-2894499


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น