ใครบ้างในพวกท่านที่กังวลแล้วต่ออายุตัวเองให้ยืนยาวออกไปอีกสักชั่วโมงหนึ่งได้? (ลูกา 12:25 อมธ.)
ความวิตกกังวลบั่นทอนชีวิตของเรา
ใครบ้างที่สามารถเพิ่มชีวิตของตนสัก
2-3 นาทีด้วยการวิตกกังวล? ตรงกันข้าม จากการศึกษาพบว่า
ความวิตกกังวลขโมยความชื่นชมยินดีของเรา อีกทั้งยังทำลายสุขภาพของเราด้วย ความวิตกกังวลทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายอ่อนแอลง
ทำให้เชื้อโรคสามารถเข้ามาทำลายสุขภาพของเราได้ง่ายขึ้น ซึ่งรวมทั้งมะเร็งด้วย ด้วยเหตุนี้พระเยซูคริสต์ถึงถามว่า
แล้วท่านจะวิตกกังวลไปทำไม? แล้วความวิตกกังวลสามารถเพิ่มสิ่งที่ท่านไม่มีได้หรือ? แล้วความวิตกกังวลจะทำอะไรได้กับสิ่งที่เราไม่สามารถเปลี่ยนแปลง?
ทำไมเราไม่เลือกที่จะเปลี่ยนแปลงในสิ่งที่เราสามารถเปลี่ยนแปลงได้?
เราวิตกกังวลเกี่ยวกับอาหาร
เครื่องนุ่งห่ม และชีวิตของเรา (ลูกา 12:22) แต่ชีวิตของเรามีค่ามากกว่าสิ่งเหล่านี้
(12:23) เราไม่เคยเห็นว่าอีกามันวิตกกังวลว่ามันจะกินอะไรในมื้อต่อไป
โดยสัญชาติญาณนกไว้วางใจในการทรงเลี้ยงดูจากพระเจ้า แล้วเรามีค่ายิ่งกว่าอีกาในสายตาของพระเจ้า
แล้วเราจะไม่ไว้วางใจในพระเจ้าเลยเชียวหรือ? (12:24)
อย่าวิตกกังวล
นี่เป็นพระบัญชาของพระคริสต์ที่เราไม่สามารถเลี่ยงได้
เวลาใดก็ตามที่เราวิตกกังวลในชีวิต เรากำลังบอกพระเจ้าว่าเราไม่ไว้วางใจในพระองค์ และเราขัดพระบัญชาของพระองค์ด้วยการวิตกกังวล
ถ้าลูกของเรามาหาเราแล้วแสดงออกถึงความวิตกกังวลว่า
พรุ่งนี้เขาจะมีอาหารกินไหม จะมีเสื้อผ้าใส่ไหม เราผู้เป็นพ่อแม่บอกลูกว่า พ่อแม่จะรับผิดชอบเรื่องเหล่านี้ของลูก
แต่ลูกก็ยังแสดงออกถึงความไม่แน่ใจถึงสิ่งที่จะกิน จะใช้พรุ่งนี้อีก ในฐานะพ่อแม่เราจะรู้สึกเช่นไร
แสดงว่าลูกไม่ได้ไว้วางใจเราในความรับผิดชอบของเราในฐานะพ่อแม่ของเขาใช่ไหม?
พระเจ้าผู้ทรงสร้างสากลจักรวาลที่เราอาศัยนี้
พระองค์ย่อมมีแหล่งทรัพยากรที่จำเป็นในชีวิตมนุษย์ เพราะแม้แต่ดอกไม้มันไม่ได้ลงแรง
ปั่นด้าย แต่พระเจ้าประทานให้ดอกไม้มีความงามยิ่งกว่ากษัตริย์ที่ใส่ชุดสวยงามที่สุด
แล้วเราไม่มีค่ายิ่งกว่าดอกไม้หรือ (12:27-28)
แน่นอนครับ ในสายพระเนตรของพระเจ้า
มนุษย์เราย่อมมีค่ากว่าดอกไม้ครับ
จงแสวงหาแผ่นดินของพระเจ้า
ถ้าเราแสวงหาแผ่นดินของพระองค์
กษัตริย์แห่งอาณาจักรนี้ย่อมให้ความมั่นใจแก่เราว่า
พระองค์ทรงมีทุกอย่างที่เราจำเป็นต้องการพร้อมอยู่ใช่ไหม? พระองค์ทรงเตรียมสิ่งเหล่านี้อย่างพร้อมมูลเพื่อให้แก่เราด้วยความเต็มใจ (12:32)
ในฐานะพ่อแม่ในโลกนี้เรายังเอาใจใส่การกินการอยู่ของลูก ๆ แล้วพระเจ้าพระบิดาผู้ทรงสร้างโลกและจักรวาลจะใส่ใจมนุษย์ที่พระองค์ทรงสร้างดียิ่งกว่าพ่อแม่ในโลกมิใช่หรือ?
(12:26) การที่เรามิได้ไว้วางใจในพระองค์ว่าพระองค์จะประทานสิ่งจำเป็นเหล่านี้แก่เราเป็นการที่เรา
“หมิ่นประมาท” พระองค์หรือไม่?
พระบิดาของข้าพระองค์ทั้งหลาย
โปรดยกโทษลูก ในเวลาที่ลูกเกิดความสงสัยไม่มั่นใจในความสามารถของพระองค์ และ น้ำพระทัยดีเลิศในการที่เอาใจใส่ดูแลชีวิตของลูก
โปรดช่วยหนุนเสริมให้ลูกให้มีความเชื่อศรัทธาในพระองค์ และ
ไว้วางใจในพระองค์อย่างสุดจิตสุดใจ ทูลขอในพระนามพระเยซูคริสต์เจ้า อาเมน
ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย
เชียงใหม่
E-mail: prasit.emmaus@gmail.com; 081-2894499
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น