ในช่วงวิกฤติโควิด
19 ศิษยาภิบาล ผู้นำ และสมาชิกคริสตจักรต้องพบกับการสูญเสียด้านต่าง ๆ ของเพื่อนบ้านข้างเคียงในชุมชน
หลายท่านต้องไปร่วมงานศพ ไปเยี่ยมญาติของผู้ป่วยโควิด 19 ที่อยู่ในชุมชน เคยมีผู้อภิบาลท่านหนึ่งชวนผมคุยว่า
เวลาเราไปเยี่ยมคนที่มีความทุกข์มาก ๆ ที่มีความเจ็บปวดในชีวิต เราจะต้องทำอะไรบ้าง? ทำไมคริสตชนจึงเน้นความสำคัญเรื่องการเยี่ยมเยียน?
ทำไม...เราถึงทำพันธกิจการเยี่ยมเยียน?
[14]
พี่น้องทั้งหลาย ขอให้พวกท่าน... หนุนใจผู้ที่ขาดความกล้าหาญ
ช่วยเหลือคนที่อ่อนกำลัง และมีความอดทนต่อทุกคน (1เธสะโลนิกา 5:14 มตฐ.)
[2]
จงช่วยรับภาระของกันและกัน
และด้วยการกระทำเช่นนี้ท่านทั้งหลายก็ได้ปฏิบัติตามธรรมบัญญัติของพระคริสต์ (กาลาเทีย 6:2 มตฐ.)
1.
ไปเยี่ยม...เพื่ออยู่เป็นเพื่อนเขา
อย่าพยายามที่จะหาทางที่จะให้คำตอบทุกเรื่องทุกอย่างแก่เขา
ผู้อภิบาลบางท่านต้องการแสดงให้คนที่ตนไปเยี่ยมเห็นว่าตนรู้ทุกเรื่องที่เขากำลังทนทุกข์
แต่คนที่กำลังมีชีวิตอยู่ในความมืดที่เจ็บปวด เขาไม่ต้องการใครที่จะมาช่วยแก้ทุกเรื่อง
เขาแค่ต้องการที่จะมีคนมาอยู่เป็นเพื่อนของเขาในเวลาเช่นนั้น
2.
ไปเยี่ยม...เพื่อไปฟัง
อย่าพยายามที่จะตอบทุกประเด็นปัญหา
เพื่อแสดงตนว่าตนตอบได้ทุกเรื่อง คนที่จิตวิญญาณที่กำลังเจ็บปวดเขาต้องการคนที่จะฟังเขา
เพื่อเปิดโอกาสให้คนที่เขาไปเยี่ยมได้ระบายออกมาถึงสิ่งที่เขาเก็บกด
อัดอั้นในจิตใจ ความคิด และความรู้สึกของเขาออกมา
3.
ไปเยี่ยม...เพื่อร่วมในความเจ็บปวดและแบ่งปันประสบการณ์
อย่าพยายามแสดงตนว่ารู้ในทุกเรื่อง
แต่แบ่งปันความเจ็บปวดที่ตนเคยประสบ และ ความล้มเหลวที่ตนเคยพบ
เพื่อเป็นประสบการณ์หนึ่งที่อาจจะช่วยคนที่เราไปเยี่ยม
4.
ไปเยี่ยม...เพื่ออธิษฐานร่วมกับเขา
การที่เราทูลถึงชื่อของผู้ที่เราไปเยี่ยมต่อพระเจ้านั้นมีพลังอย่างมาก
เมื่อเขาได้ยินชื่อของเขาที่เราทูลต่อพระเยซูคริสต์ การเยียวยารักษาชีวิตที่ทนทุกข์บาดเจ็บก็จะเริ่มต้นขึ้นในเวลานั้น
5.
ไปเยี่ยม...เพื่อที่จะให้
บางครั้งการให้ความช่วยเหลือคนอื่น
อาจจะมากกว่าเพียงกำลังใจ ความคิด ความรู้สึก มากกว่าการโอบกอด
ในบางครั้งเขามีความต้องการที่เป็นรูปธรรม เช่น อาหารที่จะอยู่รอด การเงิน สิ่งของที่จำเป็นในเวลานั้น
การที่เรามีส่วนช่วยเหลือสิ่งที่เขาจำเป็นต้องการเต็มกำลังความสามารถเท่าที่เราจะให้ได้
ย่อมทำให้คนได้รับการเยี่ยมมองเห็นถึงความจริงใจและเต็มใจของเรา
6.
ไปเยี่ยม...เพื่อช่วยแบกภาระแทนเขา
ท่านเคยมีประสบการณ์
หรือ เคยได้ยินเรื่องมีคนไปเยี่ยมและเมื่อเขารู้ถึงความทุกข์ยากที่ไร้ทางออก ในที่สุดคนที่ไปเยี่ยมก็ตัดสินใจจัดการแบกรับเอาความทุกข์ยากของคนที่เขาไปเยี่ยม
เพื่อช่วยให้คนที่เขาไปเยี่ยมหลุดรอดออกจากความทุกข์ยากที่เขาไม่มีทางออก
เฉกเช่นพระเยซูคริสต์
ที่มาหามนุษย์เราในโลกนี้ พระองค์เห็นว่ามนุษย์ไม่สามารถหลุดรอดออกจากจากอำนาจบาปชั่วได้
ชีวิตของเขาจึงต้องตกในความทุกข์ ความตาย และ ความสิ้นหวัง พระองค์ตัดสินใจยอมเข้าไปอยู่ในที่ที่แห่งความตายและสิ้นหวังแทนมนุษย์
เพื่อช่วยให้มนุษย์ได้หลุดรอดออกจากอำนาจแห่งความบาปชั่วที่มีแต่ความทุกข์
เพื่อมนุษย์จะได้มีชีวิตที่มีสันติสุขในแผ่นดินของพระเจ้า และมนุษย์คนนั้นก็คือตัวเราเอง
ถ้าพระคริสต์ยอมแบกรับความทุกข์ยากและความตายแทนเรา
แล้วเราจะไม่ยอมที่จะรับแบกภาระของเพื่อนมนุษย์ที่เราไปเยี่ยมหรือ? ให้การที่เราไปเยี่ยม...เพื่อเป็นการสำแดงถึงพระคริสต์ที่ยอมรับภาระบาปแทนมนุษย์
การเยี่ยมเยียนเป็นการอภิบาลชีวิตผู้คน
และเมื่อต้องมีการประเมินงานของศิษยาภิบาลและพันธกิจที่คริสตจักรได้ทำ จากประสบการณ์พบว่า
มีสองเรื่องที่เป็นตัวชี้วัดแรก ๆ ที่คริสตจักรและสมาชิกใช้ในการประเมินการอภิบาลชีวิตคือ
การเทศนาพระวจนะ และ การเยี่ยมเยียน จึงไม่แปลกว่า บ่อยครั้งสมาชิกจะบ่นมากในศิษยาภิบาลบางท่านว่า “อาจารย์ไม่ค่อยออกไปเยี่ยมเยียนเลย?”
การเยี่ยมเยียนอภิบาลชีวิตมิใช่หน้าที่ของศิษยาภิบาล
ผู้นำคริสตจักรเท่านั้น แต่เป็นพันธกิจที่เราได้รับมอบหมายโดยตรงจากพระคริสต์ที่กระทำในชีวิตประจำวันของเรา
ในฐานะสาวกของพระองค์
ประสิทธิ์
แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย
เชียงใหม่
E-mail: prasit.emmaus@gmail.com; 081-2894499
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น