ท่านผู้อ่านครับ ท่านรู้สึกอย่างไรกับเรื่องการรอคอยเวลาตามกำหนดของพระเจ้า กำหนดเวลาของเราในการทำพันธกิจแต่ละอย่างแต่ละครั้งสอดคล้องเหมาะสมกับกำหนดเวลาของพระเจ้าหรือไม่? การที่เราเรียนรู้และเข้าใจถึงกำหนดเวลาของพระเจ้าในพระราชกิจของพระองค์ จะช่วยให้เราสามารถยึดฉวยโอกาสที่พระเจ้าประทานแก่เราและใช้ให้เป็นประโยชน์ในพันธกิจรับใช้ในชีวิตของเรา
[1] พระเจ้ามีกำหนดเวลาสำหรับทุกพระราชกิจที่ทรงกระทำ
พระเจ้าได้บอกถึงการที่จะส่งพระผู้ช่วยให้รอดเมื่อหลายศตวรรษก่อนหน้านี้
แต่พระองค์รอเวลาเป็นพันปี
กว่าที่จะส่งพระบุตรของพระองค์เข้ามาในโลกนี้
ทำไมพระบิดาไม่ส่งพระบุตรมาก่อนหน้านั้น?
พระเจ้ามีกำหนดเวลาของพระองค์เองในการมาบังเกิดของพระคริสต์
พระคัมภีร์บอกไว้ว่า “แต่เมื่อครบกำหนดแล้ว
พระเจ้าก็ทรงใช้พระบุตรของพระองค์มา
ประสูติจากสตรีเพศและทรงถือกำเนิดใต้ธรรมบัญญัติ เพื่อจะทรงไถ่คนเหล่านั้นที่อยู่ใต้ธรรมบัญญัติ
เพื่อให้ได้รับฐานะเป็นบุตรของพระองค์” (กาลาเทีย 4:4-5
สมช.)
เราไม่รู้ว่าทำไมพระเจ้าถึงส่งพระเยซูให้มาเกิดในเวลานั้น
แต่เรารู้ว่านั่นเป็นเวลาที่เหมาะสมสำหรับการเกิดขึ้นของเหตุการณ์นี้
นี่ก็เป็นความจริงแท้สำหรับพันธกิจที่เราทำ
พระเจ้าทรงมีกำหนดเวลาของพระราชกิจแต่ละอย่าง เราอาจจะไม่รู้ว่าทำไมถึงต้องเป็นเวลานั้น
ๆ แต่เราสามารถไว้วางใจได้เลยว่ากำหนดเวลาของพระองค์นั้นถูกต้องสมบูรณ์
[2] พระเจ้ามิได้บอกเราถึงรายละเอียดไว้ล่วงหน้า
ถึงแม้ว่าพระองค์จะมีกำหนดเวลาของพระองค์สำหรับพันธกิจแต่ละอย่างที่มอบให้เราทำ
แต่พระองค์มิได้บอกและอธิบายล่วงหน้าแก่เรา
ปัญญาจารย์ 3:11 กล่าวไว้ว่า “พระองค์ทรงทำให้ทุกสิ่งงดงามตามเวลาของมัน
ทั้งทรงตั้งนิรันดร์กาลไว้ในจิตใจของมนุษย์
ถึงอย่างนั้นมนุษย์ก็ไม่สามารถหยั่งรู้ถึงสิ่งที่พระเจ้าทรงทำตั้งแต่ต้นจนจบได้”
(อมธ.)
พระเจ้ามิได้บอกอิสราเอลถึงเวลาที่แน่นอนว่าพระเมสิยาห์จะมาบังเกิดเมื่อไหร่
เวลาไหน แต่พระคัมภีร์บอกแก่เราว่า พระเยซูคริสต์มาในโลกนี้ในเวลาที่เหมาะสม
เราต่างอยากจะรู้อย่างชัดเจนว่า
พันธกิจอะไรที่เราต้องทำต่อจากนี้ แต่นั่นมิใช่วิธีการทำพระราชกิจของพระเจ้า พระเจ้ามิได้แสดงทุกสิ่งทุกอย่างวางต่อหน้าเรา
ทำไมหรือ?
ประการแรก ถ้าพระเจ้าบอกทุกสิ่งทุกอย่างที่พระองค์จะทำผ่านพันธกิจรับใช้ของเราแล้วอาจจะทำให้เราตกใจต่องานที่หนักหนาสาหัสนั้น
แล้วเราอาจจะหนีจากพันธกิจนั้นก็ได้
ประการที่สอง เราอาจจะลงมือจัดการกำจัดเปลี่ยนแปลงในส่วนที่เราเห็นว่าไม่ดีไม่เหมาะสมในสายตาของเราเอง
แต่เหตุผลที่สำคัญที่สุดคือ
ที่พระองค์ไม่บอกล่วงหน้าถึงกำหนดเวลาการงานที่พระองค์จะทำผ่านพันธกิจรับใช้ที่เราจะต้องทำ
เพราะพระองค์ประสงค์ให้เราแต่ละคนไว้วางใจพระองค์ ทุก ๆ สิ่ง ทุก ๆ พระราชกิจที่พระองค์กระทำในชีวิตของเราแต่ละคน
เพราะพระองค์ทรงรักเรา พระองค์ต้องการให้เราไว้วางใจในพระองค์มากยิ่งขึ้นทุก ๆ วัน
[3] พระเจ้าไม่เคยรีบร้อน
แต่พระองค์ก็ไม่เคยสายหรือล่าช้า
พระเจ้าไม่ได้ถูกผูกมัดหรือถูกจำกัดด้วยเงื่อนของเวลา
พระองค์สามารถอยู่ในอดีต ในปัจจุบัน และในอนาคตในเวลาเดียวกัน มุมมองเรื่องเวลาของเราถูกผูกมัดและจำกัดโดยการมีชีวิตในโลกนี้
เวลาจะมีการหมุนเวียนเปลี่ยนไปทุก ๆ 24
ชั่วโมงในหนึ่งวัน แล้วหมุนรอบดวงอาทิตย์ 365 วันต่อรอบ พระเจ้ามิได้ถูกจำกัดให้อยู่ใต้กฎเกณฑ์ของจักรวาล
ดังนั้น พระองค์เป็นไทหรืออิสระจากกรอบของเวลา พระองค์ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนหรือ
รีบเร่ง แต่พระองค์ก็ไม่เคยล่าช้าหรือไม่เคยสาย
เมื่อประชากรอิสราเอลรอคอยการมาบังเกิดของพระพระเยซูคริสต์
อาจจะรู้สึกว่าทำไมพระเจ้าไม่จัดการสักที หรือคิดว่าพระองค์ทำพระราชกิจเชื่องช้าเหลือเกิน
การที่เราจะมองดูเรื่องเวลาการทำพระราชกิจของพระเจ้า
เราจะต้องมองด้วยมุมมองของพระองค์เอง จาก 2เปโตร 3:8 เขียนไว้ว่า “แต่ท่านที่รักทั้งหลาย
อย่ามองข้ามความจริงข้อนี้เสีย คือวันเดียวของพระเจ้าเป็นเหมือนกับพันปี
และพันปีก็เป็นเหมือนกับวันเดียว” (มตฐ.)
ท่านครับนั่นมิใช่มุมมองเรื่องเวลาของเรา
เมื่อเรารอคอยพระเจ้าที่จะมาทำพระราชกิจในชีวิตของเรา เปลี่ยนจิตใจความนึกคิดของเรา ตอบสนองต่อความจำเป็นต้องการของเรา
เป็นการรอคอยเหมือนพันปี
เราไม่ต้องการที่จะต้องรอคอย แต่พระเจ้ามิได้อยู่ภายใต้กฎเกณฑ์ข้อกำหนดของเวลา
พระเจ้าเป็นไทเหนือเวลาของโลกนี้
นี่จะสร้างผลกระทบใหญ่หลวงต่อการทำพันธกิจของเรา
พระเจ้าประทานนิมิตหมาย หรือ วิสัยทัศน์ในพันธกิจที่ให้เราทำ เราพบว่าผู้นำหลายต่อหลายคนที่ยอมแพ้ต่อนิมิตหมายของพระเจ้าเพราะต้องรอและใช้เวลารอที่ยาวนาน
นั่นอาจจะเป็นเราก็ได้ที่
“ยกธงขาว” ความฝันในพันธกิจสำหรับเราต้องเสียหายและแตกสลาย
พระเจ้าไม่ประสงค์ให้เราต้องยอมแพ้
พระองค์ตรัสผ่านผู้เผยพระวจนะฮาบากุก 2:3 ว่า “เพราะว่านิมิตนั้นยังรอเวลาของมันอยู่
มันกำลังรีบไปถึงความสำเร็จ มันจะไม่มุสา ถ้าดูช้าไป ก็จงคอยสักหน่อย มันจะมาถึงแน่นอน
คงไม่ล่าช้านัก” (มตฐ.)
ถ้าพระเจ้าให้นิมิตหมายแก่เรา
พระองค์จะเป็นผู้กระทำให้นิมิตหมายนั้นสำเร็จเป็นจริง และจะสำเร็จเป็นจริงตามกำหนดเวลาของพระองค์
ไม่ใช่ตามกำหนดเวลาที่เราต้องการ
ดังนั้น จงรอคอย นั่นเป็นการคุ้มค่า
เวลาของพระเจ้าแตกต่างจากข้อกำหนดกฎเกณฑ์เวลาของเราในโลกนี้ แตกต่างกันอย่างมาก พระองค์จึงค่อย
ๆ ขับเคลื่อนไปแต่ขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่องจนนิมิตหมายของพระเจ้าสำเร็จตามเวลาที่กำหนด
ท่านครับ พระเจ้ามิได้รีบเร่งหรือรีบร้อน
พระองค์มีกำหนดเวลาของพระองค์ในทุกพระราชกิจ และกำหนดเวลาของพระองค์เหมาะสม
ถูกต้อง สมบูรณ์เสมอ และเมื่อพระคริสต์มาบังเกิดในชีวิตของเรา
เราต้องยอมรับการเปลี่ยนแปลงให้ชีวิตของเราขับเคลื่อนไปตามกำหนดเวลาของพระองค์
ถ้าท่านยอมรับการมาบังเกิดของพระคริสต์ในชีวิตของท่าน ท่านต้องพร้อมที่จะรับการเปลี่ยนแปลง
และรับกำหนดเวลาของพระเจ้า?
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น