เราจะเรียนรู้ด้วยกันถึง “นักปราชญ์หญิงทั้งสาม” ต่อจากข้อเขียนครั้งที่แล้ว (วันอาทิตย์ที่ผ่านมา) ครั้งนี้เราขอเรียนรู้จากชีวิตปราชญ์ มารีย์ หญิงสาวที่มาเป็นแม่ของพระเยซู เธอได้แสดงออกชัดเจนถึงภูมิปัญญาที่เกินวัยของเธอ เมื่อเธอตัดสินใจเลือกที่จะเชื่อตามคำตรัสของพระเจ้า แทนที่จะเลือกความหวาดกลัวที่เกิดขึ้นในจิตใจเธอ
ให้เราลองเอาใจของมารีย์มาใส่ในใจของเรา
คาดว่าอายุของเธอไม่น่าจะเกิน 16 ปี
ครั้งเมื่อทูตสวรรค์ของพระเจ้ามาปรากฏแก่เธอและบอกเธอว่า
เธอจะตั้งครรภ์และประสูติบุตรชาย ทั้ง ๆ ที่เธอยังไม่ได้มีเพศสัมพันธ์กับชายใดเลย
ให้เราลองนึกภาพความกลัวที่ถาโถมลงมายังความรู้สึกนึกคิดของมารีย์
ประการแรก เธอกลัวว่าเธอหนีไม่พ้นที่จะถูกผู้คนรอบข้างครหานินทาว่าร้ายแน่
ๆ และเธอมีคำถามในใจว่า “แล้วฉันจะบอกแม่ของฉันว่าอย่างไร?
ประการที่สอง กลัวว่าตนเองทำไม่ได้
“ฉันจะเป็นมารดาของพระบุตรของพระเจ้าได้อย่างไร?
ประการที่สาม แน่นอน
เธอกลัวที่ต้องพบกับการเปลี่ยนแปลงผันผวนในชีวิต “เหตุการณ์นี้จะเปลี่ยนชีวิตของฉันในเรื่องอะไรบ้าง
ในด้านไหนบ้าง?”
ท่านอาจจะต่อว่ามารีย์ว่า
“ทำไมมารีย์ถึงกลัวอะไรมากมายอย่างนั้น?”
แต่พระเจ้าไม่ได้กล่าวโทษ
หรือ ต่อว่ามารีย์ แต่ตรงกันข้ามพระเจ้าให้ทูตสวรรค์บอกกับมารีย์ว่า
“เพราะว่าไม่มีสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่พระเจ้าทรงทำไม่ได้” (ลูกา 1:37 มตฐ.)
จากเรื่องราวของเธอในพระคัมภีร์เราเรียนรู้ว่า
มารีย์เป็นคนที่มีความรู้ในพระวจนะของพระเจ้าจากพระคัมภีร์อย่างดี เธอรักษาพระวจนะของพระเจ้าในจิตใจของเธอ
เธอจำได้
ในตอนท้ายของเรื่องราวของเธอได้ร้องบทเพลงจากเนื้อหาในพระคัมภีร์เดิมประมาณ
10 ข้อ แสดงให้เห็นว่าเธอเป็นคนที่ใส่ใจในพระวจนะของพระเจ้า แล้วใช้เนื้อหาพระวจนะของพระเจ้าตอนนี้ร้องออกมาเป็นบทเพลงจากกันบึ้งแห่งหัวใจเธอสรรเสริญพระเจ้า
เมื่อทูตสวรรค์ของพระเจ้ามาปรากฏแก่เธอ
มารีย์ได้สำรวจลงในพระวจนะของพระเจ้าที่เธอสะสมไว้ในจิตใจความนึกคิดของเธอ เพื่อใช้ตรวจสอบว่าสิ่งที่ทูตมาบอกนั้นสอดคล้องเป็นจริงกับพระวจนะของพระเจ้าหรือไม่
จนเธอมั่นใจว่า “พระเจ้ารักฉัน พระองค์เลือกฉัน พระเจ้าสถิตอยู่กับฉัน ไม่มีสิ่งใดที่เป็นไปไม่ได้สำหรับพระเจ้า
ฉันจะรับมือกับสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นนี้ได้ มิใช่เพราะความเข้มแข็งหรือแกร่งกล้าของฉันเอง
แต่ด้วยพระเจ้ากำลังของพระเจ้าที่ทำงานในเหตุการณ์ครั้งนี้”
จากนั้น เธอเลือกที่จะเชื่อคำตรัสของพระเจ้าเหนือความกลัวของตน
มารีย์กล่าวตอบทูตสวรรค์ว่า “ข้าพเจ้าเป็นผู้รับใช้ขององค์พระผู้เป็นเจ้า
ขอให้เกิดขึ้นแก่ข้าพเจ้าตามที่ท่านกล่าวเถิด” (ลูกา 1:38 อมธ.)
ความเป็นปราชญ์ของมารีย์อยู่ที่เธอยอมตนให้เป็นไปตามพระประสงค์ของพระเจ้า
เธอเป็นเหมือนกษัตริย์ดาวิด ที่ได้กล่าวไว้ว่า “ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์
ข้าพระองค์ปรารถนาจะทำตามพระประสงค์ของพระองค์” (สดุดี 40:8 อมธ.)
คนที่เป็นปราชญ์จะกล่าวว่า
“ไม่ว่าพระเจ้าประสงค์สิ่งใดในชีวิตของฉัน ฉันพร้อมที่จะเป็นไปตามพระประสงค์นั้น แม้ว่าฉันจะยังไม่เข้าใจว่าทำไมพระเจ้าถึงต้องการเช่นนั้นก็ตาม
แต่ฉันจะทำตามพระประสงค์ของพระองค์”
พระคัมภีร์ได้กล่าวไว้ว่า
“ส่วนมารีย์เก็บเรื่องทั้งหมดนี้ใคร่ครวญอยู่ในใจ” (ลูกา 2:19 อมธ.)
พระเจ้าทรงอวยพระพรมารีย์เพราะเธอเลือกที่จะเชื่อในพระวจนะของพระเจ้าแทนที่จะกลัว
พระเจ้าประสงค์ให้เรามีชีวิตอย่างมารีย์
แม้ว่า
คริสต์มาสปีนี้สถานการณ์แวดล้อมเต็มไปด้วยความสั่นคลอนหวั่นไหวมากกว่าปีที่ผ่าน ๆ มา
แต่พระเจ้าต้องการให้ท่านกอปรด้วยสติปัญญา ด้วยการเชื่อในสัจจะความจริงในพระวจนะของพระองค์มากกว่าความกลัวลานที่ฟุ้งพล่านในตัวเรา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น