ของขวัญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกนี้ไม่ได้ห่อด้วยกระดาษห่อของขวัญที่สวยงามล้ำค่าที่สุด แต่ของขวัญที่มีคุณค่าสูงสุดชิ้นนั้นห่อด้วย “ผ้าอ้อม” แล้ววางไว้ในรางหญ้า(รางที่ให้อาหารสัตว์)
ของขวัญล้ำค่าชิ้นนี้มิได้ไปซื้อตามห้างดัง
ๆ ร้านโชห่วย หรือ สั่งซื้อออนไลน์จาก “ลาซาดา หรือ ชอปปี้” ไม่ได้สั่งซื้อด้วยเงินสด หรือ บัตรเครดิต
หรือ โอนเงินทางออนไลน์ แต่ของขวัญชิ้นนี้ได้มาโดยการที่พระเจ้าซื้อด้วยสิ่งที่ล้ำค่าหาสิ่งทดแทนไม่ได้คือ
พระเจ้าซื้อมาด้วย “ชีวิตพระบุตรของพระองค์” คือพระเยซูคริสต์ และนี่คือหัวใจของเรื่องราวคริสต์มาสที่คนในสังคมโลกเฉลิมฉลองกันทุกปี
ที่หลายต่อหลายคนที่เฉลิมฉลองยังเข้าไม่ถึง “หัวใจของคริสต์มาส” ดังกล่าว
[24]
แต่พระเจ้าทรงมีพระคุณให้เขาเป็นผู้ชอบธรรมโดยไม่คิดมูลค่า
โดยที่พระเยซูคริสต์ทรงไถ่เขาให้พ้นบาปแล้ว [25] พระเจ้าได้ทรงตั้งพระเยซูไว้ให้เป็นเครื่องบูชาไถ่บาป
(แปลได้อีกว่า ให้เป็นที่ลบล้างพระอาชญา) โดยพระโลหิตของพระองค์ ความเชื่อจึงได้ผล
ทั้งนี้เพื่อแสดงให้เห็นความชอบธรรมของพระเจ้า ในการที่พระองค์ได้ทรงอดกลั้นพระทัย
และทรงยกบาปที่ (มนุษย์)ได้ทำไปแล้วนั้น (โรม 3:24-25 สมช.)
ดังนั้น คริสต์มาสจึงเป็นเรื่องของ
“ชีวิต หรือ ความตาย” เป็นเรื่องที่พระคริสต์พระบุตรของพระเจ้าใช้ทั้งชีวิตของพระองค์มากอบกู้ไถ่ถอนชีวิตของมนุษย์ทั้งหลายออกจากอำนาจของความบาปชั่วร้ายและความตายที่ครอบงำชีวิตและความคิดของมนุษย์ทั้งหลาย
ของขวัญชิ้นนี้จึงเป็นของขวัญที่ไม่สามารถประเมินค่าราคาได้ เป็นของขวัญแห่งความเจ็บปวด
ทรมาน และการหลั่งเลือดจนตาย เพื่อจะให้คนอื่นทั้งหลายได้รับชีวิตใหม่ ให้หลุดรอดออกจากกงเล็บปีศาจ
เข้ามาอยู่ภายใต้ร่มพระคุณและพระเมตตาที่เสียสละของพระเยซูคริสต์
เรื่องราวคริสต์มาสมิใช่เรื่องเก่าที่พวกคริสตชนนำมาเล่าใหม่ทุกปี
คริสต์มาสไม่ใช่เรื่องในอดีตเมื่อสองพันปีก่อนที่พระคริสต์ได้กระทำสำเร็จแล้ว แต่เรื่องราวคริสต์มาสเป็นเรื่องในปัจจุบันด้วย
พระคริสต์ให้สาวกของพระองค์ทุกคนสานต่อพระราชกิจ “การให้ชีวิต” ที่พระองค์ได้เริ่มต้นที่
“เบธเลเฮม ถึง กลโกธา” ด้วยการให้สาวกแต่ละคนให้ชีวิตของตนเพื่อคนอื่น ๆ ด้วยความรักเมตตาที่เสียสละแบบพระคริสต์ที่ได้กระทำเป็นแบบอย่างที่ชัดเจนในชีวิตสามปีแห่งพันธกิจที่พระองค์กระทำ
พระคริสต์ประสงค์ที่จะให้ทุกคนบนโลกใบนี้ได้รับชีวิตใหม่จากพระองค์ผ่านคริสตชนสาวกของพระองค์ทุกคน
พระคริสต์บอกว่า ที่พระองค์มาในโลกนี้เพื่อ “ทุกคนจะได้ชีวิต
และได้ชีวิตที่ครบบริบูรณ์” (ยอห์น 10:10)
คริสต์มาสมิใช่เป็นเพียงเรื่องในอดีตที่ส่งไม้ต่อมาถึงปัจจุบัน
คริสต์มาสมิใช่เรื่องของ “ที่นี่และเดี๋ยวนี้” เท่านั้น แต่พระประสงค์ของพระเจ้ามีเป้าหมายที่จะให้คุณภาพชีวิตแบบแผ่นดินของพระเจ้าเป็นคุณภาพชีวิตของสังคมโลก
ดั่งที่พระคริสต์สอนให้สาวกของพระองค์ภาวนาอธิษฐานทูลขอต่อพระบิดาว่า
“ขอให้แผ่นดิน(การครอบครองของพระเจ้า)มาตั้งอยู่ ในสวรรค์เป็นอย่างไรให้เป็นเช่นนั้นในแผ่นดินโลก
คริสต์มาสคือกระบวนการพระราชกิจของพระเยซูคริสต์ที่จะนำเอา
“แผ่นดินของพระเจ้า” ลงมาตั้งอยู่บนแผ่นดินโลก ซึ่งจะสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรมในอนาคต
ดังนั้น การเฉลิมฉลองคริสต์มาสจึงเป็นเวลาที่คริสต์ชนใคร่ครวญ
ทบทวน ประเมิน ถึงชีวิตของตนเองที่มีต่อพันธกิจที่พระเยซูคริสต์ได้มอบหมาย เป็นโอกาสที่เราจะทูลขอการชี้นำเข้าสู่ปีใหม่ด้วยกระบวนการสานต่อพระราชกิจของพระคริสต์ในชีวิตของเราแต่ละคน
ด้วยพระกำลังและพลังแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่ทำงานในชีวิตของเราแต่ละคน ที่จะก่อเกิดผลตามแผนการของพระเจ้า
ตามพระประสงค์ของพระคริสต์ในชีวิตของเราแต่ละคนด้วย
เราต้องตระหนักชัดว่า ของขวัญอันล้ำค่าที่พระเจ้าประทานแก่เราในคริสต์มาสนี้
ห่อด้วยผ้าอ้อมที่ต่ำต้อยด้อยค่า แต่คุณค่าที่แท้จริงอยู่ในผ้าอ้อมคือพระคริสต์ ที่มาช่วยเปลี่ยนแปลงชีวิตของเรา
และสยบแล้วขจัดอำนาจของความบาปชั่วให้ออกจากชีวิตของเรา แล้วให้เราได้รับชีวิตใหม่
เป็นชีวิตที่เข้าไปมีส่วนร่วมในพระราชกิจแห่งแผ่นดินของพระเจ้าที่พระคริสต์ได้นำมายังโลกนี้
ทำให้เกิดสังคมระบบใหม่ แผ่นดินโลกใหม่ ตามแผนการของพระองค์สำหรับโลกนี้
และนี่คือจุดประสงค์ของพระคริสต์ที่มาบังเกิดในโลกนี้ “เรามาเพื่อท่านทั้งหลายจะได้ชีวิต
และจะได้ชีวิตที่ครบบริบูรณ์” (ยอห์น 10:10)
และนี่คือ
พระคริสต์บังเกิดในชีวิตของเรา และ ผลที่เกิดจากการที่พระคริสต์บังเกิดในชีวิตของเรา
ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย
เชียงใหม่
E-mail: prasit.emmaus@gmail.com; 081-2894499
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น