25 ธันวาคม 2563

ของขวัญจากพระเจ้าห่อด้วยอะไร?

ของขวัญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกนี้ไม่ได้ห่อด้วยกระดาษห่อของขวัญที่สวยงามล้ำค่าที่สุด แต่ของขวัญที่มีคุณค่าสูงสุดชิ้นนั้นห่อด้วย “ผ้าอ้อม” แล้ววางไว้ในรางหญ้า(รางที่ให้อาหารสัตว์)

ของขวัญล้ำค่าชิ้นนี้มิได้ไปซื้อตามห้างดัง ๆ ร้านโชห่วย หรือ สั่งซื้อออนไลน์จาก “ลาซาดา หรือ ชอปปี้”   ไม่ได้สั่งซื้อด้วยเงินสด หรือ บัตรเครดิต หรือ โอนเงินทางออนไลน์ แต่ของขวัญชิ้นนี้ได้มาโดยการที่พระเจ้าซื้อด้วยสิ่งที่ล้ำค่าหาสิ่งทดแทนไม่ได้คือ พระเจ้าซื้อมาด้วย “ชีวิตพระบุตรของพระองค์” คือพระเยซูคริสต์ และนี่คือหัวใจของเรื่องราวคริสต์มาสที่คนในสังคมโลกเฉลิมฉลองกันทุกปี ที่หลายต่อหลายคนที่เฉลิมฉลองยังเข้าไม่ถึง “หัวใจของคริสต์มาส” ดังกล่าว

[24] แต่พระเจ้าทรงมีพระคุณให้เขาเป็นผู้ชอบธรรมโดยไม่คิดมูลค่า โดยที่พระเยซูคริสต์ทรงไถ่เขาให้พ้นบาปแล้ว [25] พระเจ้าได้ทรงตั้งพระเยซูไว้ให้เป็นเครื่องบูชาไถ่บาป (แปลได้อีกว่า ให้เป็นที่ลบล้างพระอาชญา) โดยพระโลหิตของพระองค์ ความเชื่อจึงได้ผล ทั้งนี้เพื่อแสดงให้เห็นความชอบธรรมของพระเจ้า ในการที่พระองค์ได้ทรงอดกลั้นพระทัย และทรงยกบาปที่ (มนุษย์)ได้ทำไปแล้วนั้น (โรม 3:24-25 สมช.)

ดังนั้น คริสต์มาสจึงเป็นเรื่องของ “ชีวิต หรือ ความตาย” เป็นเรื่องที่พระคริสต์พระบุตรของพระเจ้าใช้ทั้งชีวิตของพระองค์มากอบกู้ไถ่ถอนชีวิตของมนุษย์ทั้งหลายออกจากอำนาจของความบาปชั่วร้ายและความตายที่ครอบงำชีวิตและความคิดของมนุษย์ทั้งหลาย ของขวัญชิ้นนี้จึงเป็นของขวัญที่ไม่สามารถประเมินค่าราคาได้ เป็นของขวัญแห่งความเจ็บปวด ทรมาน และการหลั่งเลือดจนตาย เพื่อจะให้คนอื่นทั้งหลายได้รับชีวิตใหม่ ให้หลุดรอดออกจากกงเล็บปีศาจ เข้ามาอยู่ภายใต้ร่มพระคุณและพระเมตตาที่เสียสละของพระเยซูคริสต์

เรื่องราวคริสต์มาสมิใช่เรื่องเก่าที่พวกคริสตชนนำมาเล่าใหม่ทุกปี คริสต์มาสไม่ใช่เรื่องในอดีตเมื่อสองพันปีก่อนที่พระคริสต์ได้กระทำสำเร็จแล้ว แต่เรื่องราวคริสต์มาสเป็นเรื่องในปัจจุบันด้วย พระคริสต์ให้สาวกของพระองค์ทุกคนสานต่อพระราชกิจ “การให้ชีวิต” ที่พระองค์ได้เริ่มต้นที่ “เบธเลเฮม ถึง กลโกธา” ด้วยการให้สาวกแต่ละคนให้ชีวิตของตนเพื่อคนอื่น ๆ ด้วยความรักเมตตาที่เสียสละแบบพระคริสต์ที่ได้กระทำเป็นแบบอย่างที่ชัดเจนในชีวิตสามปีแห่งพันธกิจที่พระองค์กระทำ พระคริสต์ประสงค์ที่จะให้ทุกคนบนโลกใบนี้ได้รับชีวิตใหม่จากพระองค์ผ่านคริสตชนสาวกของพระองค์ทุกคน พระคริสต์บอกว่า ที่พระองค์มาในโลกนี้เพื่อ “ทุกคนจะได้ชีวิต และได้ชีวิตที่ครบบริบูรณ์” (ยอห์น 10:10)

คริสต์มาสมิใช่เป็นเพียงเรื่องในอดีตที่ส่งไม้ต่อมาถึงปัจจุบัน คริสต์มาสมิใช่เรื่องของ “ที่นี่และเดี๋ยวนี้” เท่านั้น แต่พระประสงค์ของพระเจ้ามีเป้าหมายที่จะให้คุณภาพชีวิตแบบแผ่นดินของพระเจ้าเป็นคุณภาพชีวิตของสังคมโลก ดั่งที่พระคริสต์สอนให้สาวกของพระองค์ภาวนาอธิษฐานทูลขอต่อพระบิดาว่า  “ขอให้แผ่นดิน(การครอบครองของพระเจ้า)มาตั้งอยู่ ในสวรรค์เป็นอย่างไรให้เป็นเช่นนั้นในแผ่นดินโลก   คริสต์มาสคือกระบวนการพระราชกิจของพระเยซูคริสต์ที่จะนำเอา “แผ่นดินของพระเจ้า” ลงมาตั้งอยู่บนแผ่นดินโลก ซึ่งจะสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรมในอนาคต

ดังนั้น การเฉลิมฉลองคริสต์มาสจึงเป็นเวลาที่คริสต์ชนใคร่ครวญ ทบทวน ประเมิน ถึงชีวิตของตนเองที่มีต่อพันธกิจที่พระเยซูคริสต์ได้มอบหมาย เป็นโอกาสที่เราจะทูลขอการชี้นำเข้าสู่ปีใหม่ด้วยกระบวนการสานต่อพระราชกิจของพระคริสต์ในชีวิตของเราแต่ละคน ด้วยพระกำลังและพลังแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่ทำงานในชีวิตของเราแต่ละคน ที่จะก่อเกิดผลตามแผนการของพระเจ้า ตามพระประสงค์ของพระคริสต์ในชีวิตของเราแต่ละคนด้วย

เราต้องตระหนักชัดว่า ของขวัญอันล้ำค่าที่พระเจ้าประทานแก่เราในคริสต์มาสนี้ ห่อด้วยผ้าอ้อมที่ต่ำต้อยด้อยค่า แต่คุณค่าที่แท้จริงอยู่ในผ้าอ้อมคือพระคริสต์ ที่มาช่วยเปลี่ยนแปลงชีวิตของเรา และสยบแล้วขจัดอำนาจของความบาปชั่วให้ออกจากชีวิตของเรา แล้วให้เราได้รับชีวิตใหม่ เป็นชีวิตที่เข้าไปมีส่วนร่วมในพระราชกิจแห่งแผ่นดินของพระเจ้าที่พระคริสต์ได้นำมายังโลกนี้ ทำให้เกิดสังคมระบบใหม่  แผ่นดินโลกใหม่ ตามแผนการของพระองค์สำหรับโลกนี้ และนี่คือจุดประสงค์ของพระคริสต์ที่มาบังเกิดในโลกนี้ “เรามาเพื่อท่านทั้งหลายจะได้ชีวิต และจะได้ชีวิตที่ครบบริบูรณ์” (ยอห์น 10:10)

และนี่คือ พระคริสต์บังเกิดในชีวิตของเรา และ ผลที่เกิดจากการที่พระคริสต์บังเกิดในชีวิตของเรา

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.emmaus@gmail.com; 081-2894499




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น