ที่ผ่านมา 2 ครั้ง เราได้ไตร่ตรองเจาะลึกในในเรื่องราวของ “นักปราชญ์หญิง” สองท่านแรก เอลีซาเบธ และ มารีย์ ในข้อเขียนนี้เราจะศึกษาเจาะลึกถึงนักปราชญ์หญิงคนที่สาม นางอันนา เมื่อชีวิตผันผวนตกลงในความสูญเสีย สิ้นหวัง โดดเดี่ยว เธอเลือกที่มุ่งมองไปที่การสถิตอยู่ด้วยของพระเจ้า และบอกแก่คนที่เธอพบเห็นเกี่ยวกับพระเยซูคริสต์
ในลูกาบทที่ 2
บอกเราว่า นางอันนาเป็นม่ายมาจนถึงอายุ 84 ปี เธอแต่งงานได้เพียง 5
ปีสามีของเธอก็เสียชีวิต นั่นหมายความว่า เธอเป็นม่ายตั้งแต่ตอนอายุวัยรุ่นก็ว่าได้
และนี่ไม่ใช่สิ่งที่เธอคาดคิด หรือ เป็นแผนการในชีวิตของเธอแน่ ความสิ้นหวังทำให้เธอต้องจมลงในห้วงแห่งความขมขื่นในชีวิต
แต่เรากลับเห็นภาพแตกต่างที่ตรงกันข้าม นายแพทย์ลูกาได้ให้ภาพชีวิตของเธออย่างชัดเจนว่า
“...(นางอันนา) เป็นม่ายมาจนถึงอายุแปดสิบสี่ปี
นางไม่เคยออกไปจากบริเวณพระวิหารเลย
แต่อยู่นมัสการถืออดอาหารและอธิษฐานทั้งกลางวันกลางคืน” (ลูกา 2:37 มตฐ.)
เมื่ออันนาได้สูญเสียสามีสุดที่รักของเธอ
เธอไม่ได้ปล่อยให้ชีวิตและความรักของเธอเหี่ยวเฉาตายตามสามีไป แต่เธอกลับใส่ใจจดจ่อทุ่มเทความรักของเธอไปที่พระเจ้า
เธอใช้เวลาชีวิตทั้งวันและคืนมุ่งมองไปที่การสถิตอยู่ด้วยของพระเจ้าแทนความสิ้นหวังในชีวิต
ในชีวิตของเราแต่ละคนไม่วันใดก็วันหนึ่งที่เราต้องเผชิญกับการสูญเสียคนที่เรารักที่ไม่สามารถที่จะมีชีวิตอยู่กับเราต่อไปได้
ในสถานการณ์เช่นนั้นเราท่านจะทำอย่างไรกับความรักของท่านที่มีต่อคน ๆ นั้น? ถ้าท่านเป็นคนที่มีปัญญา ท่านจะมุ่งมองใส่ใจทั้งสิ้นไปที่การสถิตอยู่ด้วยของพระเจ้าที่จะปรับเปลี่ยนนำทางชีวิตไปบนเส้นทางชีวิตใหม่ตามพระประสงค์
ในสถานการณ์ที่อันนาต้องสูญเสียสามีสุดที่รัก
ที่ไม่สามารถมีชีวิตอยู่ให้เธอรัก เธอตัดสินใจเลือกที่จะมีชีวิตที่จะรักพระเจ้าที่สถิตอยู่ด้วย
เธอใช้ชีวิตในพระวิหารของพระเจ้า ในที่สุดเธอได้พบกับพระเยซูคริสต์
ในเวลานั้นเองที่เริ่มประกาศถึงข่าวดีเกี่ยวกับพระเยซูคริสต์
เมื่อพระเยซูคริสต์มีอายุได้
8 วัน มารีย์และโยเซฟได้นำทารกน้อยเยซูไปยังพระวิหาร ซึ่งอันนาอยู่ที่นั่น พระคัมภีร์กล่าวไว้ว่า “ขณะนั้นนาง (อันนา)
เข้ามาหาพวกเขาแล้วขอบพระคุณพระเจ้าและกล่าวถึงพระกุมารให้บรรดาผู้ที่รอคอยการไถ่(ปลดปล่อย)กรุงเยรูซาเล็มฟัง”
(ลูกา 2:38 อมธ.)
จากเวลาที่เธอได้พบพระกุมารเยซู
เธอเริ่มบอกคนอื่น ๆ เกี่ยวพระกุมารนั้น (เกี่ยวกับพระเยซูคริสต์)
พระคัมภีร์ได้บอกไว้ว่า “...คนฉลาดนำผู้อื่นมาถึงชีวิต” (สุภาษิต 11:30 อมธ.) อันนาเป็นคนที่มีปัญญา
ฉลาด เป็นปราชญ์ เพราะเธอเลือกที่จะใช้ชีวิตที่เธอมีอยู่บอกคนอื่นถึงข่าวดีของการมาบังเกิดในโลกนี้ของพระเยซูคริสต์
ในช่วงเวลาแห่งคริสต์มาสปีนี้
ท่านสามารถเลือกตัดสินใจอย่างนางอันนา ยิ่งในภาวะวิกฤติชีวิตอย่างในปีนี้ที่รุนแรงมาก
ผู้คนต้องประสบกับความสิ้นหวัง จนมุม หาทางออกไม่ได้ ต้องการข่าวดีที่จะช่วยให้ชีวิตสามารถหลุดรอดออกจากกับดักพิษร้ายอย่างปีนี้
คริสต์มาสปีนี้ ใช้เป็นโอกาสในการตัดสินใจเลือกครั้งสำคัญ
ที่เราจะปรับเปลี่ยนมุมมองชีวิตของเราใหม่
ให้ใส่ใจมุ่งมองและมีความรักของเราต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า และ
มุ่งหน้าใส่ใจในการบอกถึงข่าวดีของพระเยซูคริสต์แก่คนรอบข้างที่พบเห็นและสัมพันธ์
นักปราชญ์หญิงทั้งสามแตกต่างจากปราชญ์ทั้งสามที่มาจากทางตะวันออก
นักปราชญ์หญิงทั้งสามไม่ได้เป็นโหราจารย์ ที่จะล่วงรู้ถึงความลึกลับของดวงดาวที่สัมพันธ์กับชีวิตผู้คน
แต่นักปราชญ์หญิงทั้งสามเป็นสามัญชนคนธรรมดา ที่ล่วงรู้และเลือกตัดสินใจในชีวิตปัจจุบันที่เธอมีชีวิตอยู่อย่างชาญฉลาดด้วยเชื่อศรัทธาและมอบกายถวายทั้งชีวิตแด่พระเจ้าในชีวิตของเธอ
ให้เป็นไปตามพระประสงค์ของพระเจ้า
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น